เมื่อคืนเข้านอนประมาณหกทุ่มครึ่ง ตื่นมาประมาณตีห้า นอนคิด ๆ อะไรไปเรื่อย มารู้สึกว่าคิดฟุ้งซ่านก็เกือบ ๆ หกโมงเช้า ลุกขึ้นมาสวดมนต์ทำวัตรเช้า เปิด G2K มองดูนาฬิกาใจงอแงว่า ใกล้เจ็ดโมงเช้าแล้วเดี๋ยวไปทำงานสายอย่าวิ่งเลย มีอีกเสียงตะคอกขึ้นมาว่า เฮ้ยได้ไง ต้องยึดข้อวัตรตนเองให้มั่น หนูจึงเปลี่ยนชุดไปออกกำลังกาย วิ่งตามลมหายใจอย่างมุ่งมั่น ประมาณเจ็ดโมงครึ่งกลับเข้ามาที่ห้อง เปิด คอมอ่าน G2K หนูตั้งใจกับตนเองว่า ต้องเข้มแข็งต้องมั่นคงในปฏิปทาของตน สร้างพลังภายในตนเองให้ได้ สิ่ง ๆ นี้ไม่มีใครทำแทนใครได้ จึงเขียนบันทึกเรื่อง สู้ด้วยพลังภายใน การเขียนบันทึกนี้เหมือนหนูเขียนให้ตนเองอ่าน เตือนตนเอง ทบทวนในตนเอง สัญญากับตนเอง สู้เพื่อทำความเข้าใจตนเอง
ดูนาฬิกาเห็นว่ามีเวลาน้อย จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน มาถึงที่ทำงาน ตอนแรกยังรู้สึกอึดอัด ไม่รู้จะทำอะไร เพราะเหมือนแต่ละคนรู้สึกกังวลว่า บ่าย ๆ จะมีคนมาดูงาน แต่ว่าพี่หัวหน้าห้องติดประชุม ท่านจึงสั่งงานแต่ละคนไว้ ท่านถามหนูเกี่ยวกับบันทึกข้อความการส่งตัว หนูแจ้งท่านว่า มีในภาพใหญ่แต่ไม่มีเป็นแยกเป็นห้อง ๆ ท่านเงียบ หนูรู้สึกเครียดขึ้นมา เพราะตอนนั้นหนูกับลังทำบันทึกข้อความแจ้งการเลื่อนประชุม ของ ก.พ. หนูมานึกได้อีกที อะ ฉันลืมหายใจสบาย หนูจึงหยุดหายใจก่อน แล้วก็นึกได้ เออ เป็นโอกาสดีนี่ ที่จะได้คุยงานกัน ปรับแผนให้เหมาะสม หนูพิมพ์บันทึกข้อความแล้วก็หาจังหวะเรียนปรึกษาหัวหน้า เรื่องแผนที่น่าจะเป็นไปได้ ท่านรับฟังแล้วให้คำแนะนำ หนูได้เรียนรู้ว่า ถ้าหนูไม่คร่ำครวญแล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโอกาส แล้วลุยปรับแก้ให้เหมาะสม ก็สามารถใช้โอกาสที่มีได้อย่างเต็มที่
สักพักหัวหน้าติดประชุม หนูลงมือเครียเอกสารค้างเก่า ๆ ที่หนูงอแงไม่ค่อยยอมทำ ดูเหมือนวันนี้งานเยอะมาก ๆ โทรศัพย์ตามหนูตลอดเช้า แต่ใจหนูสบาย ไม่เครียด ลมหายใจก็ชัดเจน ใกล้ ๆเที่ยงไปทำธุระให้ครู เลยแวะไปทานข้าวที่ สำนักงาน อย เดินตลาดนัด ก็เดินดูใจ มันก็ชอบโน่นชอบนี่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ ขากลับนั่งรถรางสีชมพูฟรีของสมาคมแม่บ้านกระทรวงสาธารณสุขกลับ ลมเย็นสบายดี
พอลงจากรถหนูเอ่ยกับคนขับว่า ขอบคุณค่ะ ท่านทำหน้างง ๆ แต่ก็ยิ้ม หนูยิ้มตาหยีรู้สึกขอบคุณท่าน
บ่าย ๆ มีพี่มาดูงาน อืม เหมือนเรามาแลกเปลี่ยนมุมมองกันค่ะ เพราะในเชิงลึกของกระบวนการในห้องนี้ท่านไม่ค่อยสนใจ แต่สนใจในภาพใหญ่ ๆ ของงานวิจัยด้านสมุนไพร พี่หัวหน้าจึงชวนคุยแทนที่จะสอนเทคนิค
หลังจากพี่มาดูงาน หนูได้โอกาสทำต่อผ่าภาคตัดขวางกลางใบของสมุนไพร หนูค่อย ๆ เรียนรู้การใช้เครื่องมือ แอบหวังว่าจะได้งานออกมาด้วย ไม่ต้องมาทำซ้ำแต่แล้วก็อด ทำไปบางทีก็เครียดค่ะ แต่พอดูนาฬิกา จำต้องวางไว้ก่อนเก็บทำความสะอาดให้เรียบร้อย
หนูถอยมาทบทวนในตนเอง ได้เรียนรู้อะไรบ้างได้อะไร จึงถอดบทเรียนไปลง G2K กระบวนการเรียนรู้เกิดตลอดการลุยทำงาน แต่ผลลัพธ์มันยังจับต้องเป็นชิ้นงานไม่ได้ พอเลิกงานหนูกลับมาที่ห้อง เปลี่ยนชุดไปวิ่งออกกำลังกาย วันนี้ใจสงบ แต่ก็มีเผลอฟุ้งซ่านจินตนาการเรื่องต่าง ๆ บ้าง
ขากลับครูท่านโทรมา เล่าอย่างเบิกบานว่า “วันนี้เราชนะ” ข่าวดีของท่านทำให้หนูรู้สึกปีติน้ำตาไหล เพราะสิ่งเดียวที่หนูปรารถนาก็คือ ให้ครูสุขภาพดี ท่านเล่าความคืบหน้าเกี่ยวกับสุขภาพให้ฟังหนูรู้สึกดีและประทับใจ
“ท่านเจริญเมตตาภาวนา เมตตาต่อร่างกายตนเอง ไม่โกรธเคือง ไม่ผลักไส ความผิดปกติที่เกิดขึ้น ใช้ธรรมชาติบำบัด สุดท้ายผลตรวจออกมาเขาก็แสดงความปกติให้เห็นอย่างน่าเบิกบานใจ”
ท่านถามหนูว่าโทรหาอาจารย์บ้างรึยัง หนูบอกว่ายัง ครูท่านจึงเตือนว่า ให้โทรหาแต่อย่าคุกคาม หนูกลัวว่าหนูจะคุกคามครูโดยไม่รู้ตัว ครูท่านจึงบอกว่า “ความกลัวนี่แหละ ที่จะทำให้เราคุกคาม" พอท่านเตือนสติหนูแล้วท่านก็วางสายไป หอกลับเข้าหอ อ่านอะไรไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้คือ ใจหนูฮึกเหิมขึ้นมา แต่ครูท่านก็เตือนเพิ่มเติมว่า
“เรายังหาธรรมชาติของตนเองไม่เจอ ยังวิ่งตามอารมณ์อยู่ ถ้าหายใจเป็น แล้วจะหาตัวเองเจอ”
ศีล
ไม่มีความเห็น