ตามที่องค์การสหประชาชาติได้มีมติให้ "วันวิสาขบูชา" เป็น "วันสำคัญสากลของโลก" และได้ประกาศให้วันดังกล่าวเป็น "วันหยุดอย่างเป็นทางการ" เื่พื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้ร่วมกันเฉลิมเฉลิมเพื่อระลึกถึงวัน "ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า" และปกติทุกปีจะมีประเทศต่างๆ เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน แต่สำหรับปีนี้ ผู้นำองค์กรชาวพุทธทั่วโลกได้เลือก "ประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น" เป็น "เจ้าภาพร่วม" โดยฉันทามติเลือก "ประเทศไทย" เป็นสถานที่ในการจัดงาน
ในการนี้ รัฐบาลไทย และมหาเถรสมาคมได้มอบหมายมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร "เป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดพิธีเฉลิมฉลอง และจัดประชุมวิชาการนานาชาติ" ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราช ประมุขสงฆ์ ผู้นำประเทศ ผู้นำศาสนา นักปราชญ์ นักวิชาการจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมกว่า ๘๓ ประเทศ/เมือง ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ กำหนด พิธี เปิดและสัมมนาทางวิชาการ ณ อาคารหอประชุม มวก. ๔๘ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพิธีปิด ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร
พระธรรมโกศาจารย์, ศ.ดร. (ราชบ้ัณฑิตกิตติมศักดิ์) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมวิสาขบูชาโลก ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการจัดงานนานาชาติทั้งสองสมาคม คือ สมาคมวิสาขบูชาโลก และสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกรอบในการจัดพิธีเฉลิมฉลอง และประชุมนานาชาติในวันวิสาขบูชาโลก ปี ๕๓
การจัดประชุมคณะกรรมการเตรียมการนานาชาติ (IOC) ครั้งที่ ๑ ได้เิริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘-๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ ซึ่งผลสรุปจากการประชุมทำให้ได้กรอบเกี่ยวกับหัวข้อหลักในการจัดงาน คือ การฟื้นคืนโลกด้วยมุมมองของพระพุทธศาสนา (Global Recovery: the Buddhist Perspective) โดยมีมติให้เชิญองค์กรพระพุทธศาสนาทั่วโลก ผู้นำ นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปจาก ๘๓ ประเทศจำนวน ๑,๕๐๐ รูป/คน และในประเทศจำนวน ๒,๐๐๐ รูป/คน รวมทั้งสิ้น ๒,๕๐๐ รูป/คน ส่วนการจัดประชุมคณะกรรมการนานาชาติครั้งที่ ๒ จะมีขึ้นในวันที่ ๒๒-๒๕ มกราคม ๒๕๕๓
การจัดงานครั้งนี้ มีเจ้าภาพหลักสองประเทศคือ "ประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย" ซึ่งที่ประชุมได้มีฉันทามติร่วมกันให้ "ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ" โดยตระหนักถึงการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า "สยามเมืองยิ้ม" และ "มีองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่เข้มแข็ง" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนการจัดการอย่างเป็นทางการมาเป็นประจำทุกปี"
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพื่อเติมได้ที่
สำนักงานสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ (IABU) อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อยุธยา ถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ ๕๕ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์ ๐๓๕-๒๓๘-๐๙๘-๙, ๐๒-๒๒๖-๖๐๒๗ ต่อ ๘๐๙๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๙.๐๐ น. ทุกวัน
www.icundv.com/vesak2010 (อยู่ในช่วงปรับปรุงจะใช้การได้วันที่ ๒๐ มค.)
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วังน้อย อยุธยา
กราบนมัสการพระอาจารย์พระมหาหรรษา ธมฺมหาโสค่ะ
มาชื่นชมการทำงานค่ะพระอาจารย์
เจริญพร โยมชาดา
นมัสการครับ
แม้ตัวยังไม่สามารถไปร่วมกิจกรรมนี้ได้ แต่ขออนุญาตส่งใจและข้อคิดเห็นมาช่วยนะครับ
1.ยินดีอย่างยิ่งครับที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับญี่ปุ่นโดยใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงาน
2.การที่สมาคมพุทธนานาชาติเลือกไทยเป้นสถานที่จัดงาน เป็นการย้ำความนิยมของชาวโลกในประเทศไทยที่มีศักยภาพในการจัดการประชุมระดับโลกนี้
3.เนื่องจากเป็นวันทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ จึงถือเป็นการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญหนึ่งของปี 2553 ครับ ความสำเร็จของการประชุมนี้จะส่งผลดีไม่เฉพาะต่อพุทธศาสนาแต่กับธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยด้วย
4.ข้อหลักในการจัดงาน Global Recovery: the Buddhist Perspective การฟื้นคืนของโลก ในมุมมองของพระพุทธศาสนา นับว่าเหมาะสมกับยุคและกาลเวลาครับ ที่โลกประสบวิกฤติในหลายด้าน และผลที่ปรากฏแสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศที่พัฒนาด้วยความเจริญทางวัถุนิยมและการเติบโตทาง เศรษฐกิจและเทคโนโลยีไม่สามารถต้านรับกับความเสื่อมของมนุษย์และของโลกได้ครับ
5.เท่าที่ผมเคยได้ข่าวการประชุมทางพุทธศาสนาในระดับระหว่างประเทศในประเทศไทย มักจะปรากฏว่าเป็นงานที่เน้นเฉพาะนักบวชเป็นหลักและเป็นที่สนใจเฉพาะของคนระดับที่มีการศึกษาเท่านั้น ผมหมายความว่าเพราะความที่เป็นการประชุมที่มีคนต่างชาติร่วมด้วย จึงทำให้มีคนไทยเฉพาะกลุ่มเข้าร่วม ประชาชนทั่วไปยังไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเฉพาะสาระสำคัญของหัวข้อหลักที่ว่า
6.เป็นปรกติอยู่เองที่เนื่องจากเป็นงานพุทธศาสนา จึงกำหนดให้พระสงฆ์เป็นผู้จัดงานและดำเนินงาน จึงทำให้เป็นงานที่มีภาพลักษณ์เป็นงานของพระ
ในประเด็นนี้ ผมมิได้หมายความว่าให้พระทำไม่ดี แต่อยากจะมองว่าเนื่องจากเป็นงานของชาวพุทธทั่วโลกด้วย จึงอยากจะให้รูปแบบการจัดงานเป็นการผสมผสานระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาสด้วย
7.เนื่องจากงานวันเวสักหรือวิสาขะ เป้นงานของชาวพุทธโลก จึงอยากให้เน้นความเป็นสากลให้มากด้วยครับ จะได้เป็นงานที่ชาวพุทธจากประเทศอื่นๆ ติดตามและเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะผ่านสื่อประเภทใด ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ความสำคัญของศูนย์ข่าวของการประชุมและศูนย์ประชาสัมพันธ์จึงมีความสำคัญด้วยครับ
8.ดูจากหัวข้อหลัก การฟื้นโลกตามแนวพุทธ อาจจะไม่ได้หมายถึงการปฏิบัติธรรมอย่างเดียว แต่อาจจะหมายถึงรูปแบบของวิถีชีวิตที่จะนำมาใช้ต่อสู้กับโลกาภิวัฒน์ด้วย เช่นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งมีคุณค่าไม่เฉพาะต่อสังคมไทยแต่สังคมโลกด้วย ดังนั้น การประชุมชาวพุทธในไทย อาจเสนอแนะให้มีการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมานำเสนอให้พระสงฆ์นานาชาติได้รับทราบด้วย รวมทั้งอาจมีการจัดให้คณะสงฆ์ไปดูงานโครงการพระราชดำริต่างๆ รวมทั้งหมุ่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่างด้วย เพราะพระสงฆ์เป็นผู้นำสังคม จึงสามารถที่จะนำความรู้ตรงนี้ไปเผยแพร่ต่อได้ครับ
9.จากข้อคิดเห็นเบื้องต้นนี้ ผมเห็นว่า รัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญการประชุมนี้ ไม่เฉพาะให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจัดการประชุม แต่รัฐบาลควรเข้าไปร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมกับคณะสงฆ์ไทยครับ จะได้เป็นวาะแห่งชาติและจะได้มีผู้ปฏิบัติงานที่เป้นฆราวาสไปช่วยงานได้อย่างเป็นระบบครับ
10.เนื่องจากประเทศเป็นประเทศพุทธ พระมหากษิตริย์เป็นพุทธมามกะ เป็นองค์อุปถัมถ์พระพุทธศาสนา การให้รัฐบาลเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยจึงถือเป็นงานสำคัญของรัฐบาลด้วยและที่สำคัญเป็นการเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาส 82 พรรษาด้วยครับ
ผมขอคิดนอกกรอบว่า ในโอกาสดังกล่าว หากได้มีการตักบาตรและทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็จะดีมากครับ
11.ทุกวันนี้ แม้จะเป็นที่ยอมรับว่าประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาที่เข้มแข็งและมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ในประเทศอินเดียซึ่งพุทธศาสนาเสื่อมไปแล้ว (แต่ยังไม่สูญ) ยังมีความต้องการพระสงฆ์ที่จะเป็นผู้นำชาวพุทธ ซึ่งผมมองไม่เห็นใครนอกจากพระสงฆ์ไทย ที่จะทำหน้าที่นี้
ปล.ผมก็คิดไปเรื่อยๆ นะครับ เพราะตั้งใจที่จะช่วยคิดจริงๆ ครับ
คืนนี้ ขอแค่นี้ก่อนนะครับ หากมีประเด็นใดที่จะสามารถแลกเปลี่ยนความเห้นกันได้ ก็ค่อยมาต่อนะครับ
นมัสการครับ
นมัสการพระคุณเจ้า
ท่านทูตพลเดช
เจริญพร ครูคิม
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
ผมแวะมาอ่านบันทึกการเตรียมงานประชุมฯ และยินดีที่จะมีส่วนร่วมเผยแพร่วิชาการทางกิจกรรมบำบัด
อนึ่งผมได้ส่งบทความโดยสมบูรณ์ นอกเหนือจากบทคัดย่อเดิม ไปให้พระคุณเจ้าพิจารณาทางอีเมล์แล้ว
ขอกราบขอบพระคุณและชื่นชมในภารกิจของพระคุณเจ้าครับ
ดร. ป๊อบ
ตอนนี้คณะกรรมการ Approved บทความของโลกแล้ว รบกวนเขียน Full paper ได้เลย
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้า
ครูต้อยมาชื่นชมการวางแผนงาน การประสานงานทีมีความชัดเจน
และเห็นเจตนารมย์ที่มุ่งมั่นเพื่อพระพุทธศาสนา
จึงขอร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
หากมีสิ่งใดที่ครูต้อยพอจะรับใช้เพื่อเป็นพุทธบูชาได้ไม่มากก็น้อย
จะยินดีและรู้สึกเป็นบุญที่เกิดมาชาตินี้ได้ตอบแทนคุณพระพุทธศาสนาค่ะ
กราบนมัสการค่ะ
อยากร่วมสนับสนุนกิจกรรมบ้างค่ะ ในส่วนที่สามารถทำได้ จริงๆ แล้วงานอาสาสมัครก็น่าสนใจนะคะ แต่ภาษาคงไม่ดีพอที่จะรับแขกบ้านแขกเมืองได้ ไม่ทราบว่ามีงานอาสาสมัครในส่วนอื่นๆ ให้ได้ร่วมกิจกรรมบ้างหรือไม่คะ