ความสูงต่ำของเสียง (pitch) ที่ร้อยเรียงเป็นทำนองหลัก (melody) ความสูงต่ำนี้ให้จินตภาพของมิติด้านสูง-ต่ำ อ้วน-ผอม และหนัก-เบา
ความดังเบา (dynamic) ซึ่งให้จินตภาพของมิติด้านใกล้-ไกล หรือใหญ่-เล็ก
จังหวะช้าเร็ว หรือชีพจรจังหวะ (tempo) เป็นมิติทางเวลา
ภายในชีพจรจังหวะ (tempo) ประกอบไปด้วยจังหวะ (rhythm) หรือการเน้นให้เกิดเสียงจังหวะที่มีความหนักเบา ถี่ห่าง ซึ่งให้จินตภาพในลีลาของการเดินทาง
ในทำนองหลัก (melody) นอกจากจะประกอบด้วยความสูงต่ำของเสียงแล้ว ยังมี
- ความหนาแน่นและช่องว่าง (duration) ซึ่งให้จินตภาพโดยตรงเกี่ยวกับพื้นที่ และปริมาตร
- การเน้นสำเนียงของทำนองหลัก (accent) ที่จะก่อให้เกิดความรู้สึกถึงความหนา-บางอย่างประณีต
นอกจากนี้ในโครงสร้างของกลุ่มเสียงในคีย์ต่างๆยังมีลักษณะของการจัดกลุ่มpattern อนุกรม และลำดับ ซึ่งคล้ายกับระบบจำนวนนับ และพีชคณิตในคณิตศาสตร์ด้วย
ในการดำเนินไปของดนตรียังต้องอาศัยมิติทางเวลาเป็นแกนที่ดนตรีจะดำเนินไป ดนตรีจึงแสดงถึงปรากฏการณ์ที่มีการเกิดก่อน เกิดหลัง ความสืบทอด และการขาดตอน ขององค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวไว้ข้างต้น เป็นการใช้จินตนาการในมิติทั้ง ๔ (กว้าง ยาว สูง และเวลา) อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับคณิตศาสตร์
สมองจึงต้องผลิตจินตนาการขึ้นมาเพื่อรับรู้เสียงของดนตรีที่มีความซับซ้อน ที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างของเสียงที่มีความหนาแน่น ช่องว่าง ระยะ ความใกล้-ไกล ความสูง-ต่ำ ความใหญ่ ความเล็ก ความบางของเสียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละโน้ต และจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นอีก เป็นหลายเท่า หากมีการเพิ่มแนวของเสียงประสานเข้าไปในเพลง ซึ่งจะทำให้มิติของเพลงยิ่งทวีคูณ เพิ่มขึ้นตามจำนวนของแนวประสานที่สอดใส่เข้าไป และตัวจินตนาการที่เกิดขึ้นก็ต้องมีโครงสร้าง ที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ตามความซับซ้อนของดนตรี เพื่อที่จะจำลองเสียงที่ได้ยินให้เกิดขึ้นอีกครั้งในสมอง ดุจเดียวกับที่เคยได้ยินมานั่นเอง แต่กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเราไม่รู้สึกถึงความล่าช้าในการถ่ายทอดสัญญาณ
ในขณะที่มีการเล่นดนตรีร่างกายก็มักจะเคลื่อนไหวอวัยวะตามจังหวะดนตรีไปด้วย ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาทสัมผัสก็ตื่นตัวไปทุกส่วน หากมีการขับร้องในขณะที่เล่นดนตรี ไปด้วย สมองก็ยังต้องสั่งการเรื่องการควบคุมเสียงร้องเพิ่มขึ้นไปจากการสั่งให้สมองส่วนที่ควบคุม อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการเล่นดนตรีที่ทำงานอยู่เดิม นอกจากนี้สมองยังต้องสร้างจินตนาการเกี่ยวกับ มิติของเสียงร้อง ที่ต้องมีเรื่องของความหนาแน่น ช่องว่าง ระยะ ความใกล้-ไกล ความสูง-ต่ำ ความใหญ่ ความเล็ก ความบางของเสียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละโน้ต เพื่อที่จะสั่งอวัยวะที่ควบคุมการเปล่งเสียง ให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง
เขาว่าดนตรีคือภาษาสากล คณิตศาสตร์ก็คงเป็นภาษาสากลด้วยเช่นกัน
บางคนชอบเพลง rock ไม่ชอบเพลง jazz บางคนชอบเรขาคณิตแต่ไม่ชอบตรีโกณ
บางคนดื่มกินดนตรีเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิต บางคนอธิบายจักรวาลด้วยตัวเลขได้โดยไม่ต้องจ้องมองท้องฟ้า
บางคนไม่ชอบดนตรีแต่ชอบคณิตศาสตร์ บางคนไม่ชอบคณิตศาสตร์แต่ชอบดนตรี
ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่เป็นแต่เพียงเรื่องของสมอง แต่เป็นเรื่องของก้อนเนื้อเท่ากำปั้นของเราด้วย
สมองกับหัวใจเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า คลื่นสมองกับคลื่นหัวใจอยู่มิติเดียวกันหรือไม่
เวลาปวดหัว อาจมีที่ปวดใจไปด้วย แต่เวลาปวดใจมักไม่ปวดหัว เพราะเวลาหัวใจทำงานหนัก สมองมักไม่ค่อยทำงาน
เป็นประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะการใช้กับเด็กๆ
ชอบประโยคนี้
ทำให้การพัฒนาปัญญา(ทั้ง ๓ ด้าน) ด้วยดนตรีมีคุณอย่างเอนกอนันต์
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ ตามมาตามอ่านค่ะ มิน่าล่ะตอนสมัยมัธยม อ.สอนคณิตศาสตร์ให้นักเรียนทุกคนออกไปร้องเพลงหน้าห้องด้วยค่ะ ทั้งๆที่ๆไม่ค่อยถนัดวิชานี้เลยแต่พอนึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วมีความสุขทุกครั้ง เพราะอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณค่ะ
ดีใจค่ะที่บันทึกนี้กลายเป็นกุญแจไขปริศนาความสุขให้กับคุณจอย
:)
ครูใหม่