อินเดียขึ้นปีใหม่ก็ต่อเมื่อจักราศีขึ้นสุดท้าย


อินเดียขึ้นปีใหม่ก็ต่อเมื่อจักราศีขึ้นสุดท้าย

 

ก่อนที่จะขึ้นปีใหม่เขาจะเอาของเก่าๆสิ่งเก่าๆที่เป็นของเสียที่ผ่านมาแล้วนี้ที่ทำให้เกิดความไม่เป็นมงคลเป็นอัปมงคลความผิดพลาดคนเราเกิดมาต้องมีความผิดพลาดผิดหวังเศร้าใจทั้งเรื่องจริงและจริงก็ทำให้จิตของเรานี้มั่วหมอง เขามีเทคนิควิธีการเพื่อให้จิตเหล่านี้มีกำลังข้ามไปปีใหม่ ตื่นเช้าขึ้นมาก็เอาสีทาหัวผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่ก็แตะที่เท้าถ้าคนเคารพกันกก็แตะที่เข่าถ้าเป็นพระแตะที่มือเพื่อรับศิลรับพรรับศิริมงคล ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ทาตัวสีก็แล้วแต่ว่าคนที่มาแตะเราเกิดวันอะไร ถึงแม้อินเดียจะทาสีกัน แต่เขามีดีอยู่อย่างหนึ่งคือไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีกัน ใส่ร้ายนี้เกิดมาจากจิตของคนที่มีความคิดร้าย สีเป็นสัญลักษณ์ของภายนอก ที่เป็นสีว่าคนนี้เราจะต้องใส่ร้ายกลัวจะจำไม่ได้(ใส่ร้ายป้ายสี)อย่างนี้ไม่เป็นมงคลเป็นอัปมงคล คำว่า อัป ก็คือทางเสื่อมทางอวมงคล มงคลแปลว่าสมบูรณ์ มั่งคั่ง แสวงสุข แสวงสวรรค์ มีความก้าวหน้า อินเดียจึงจึงทำอย่างนี้ จึงทำให้มีคำพูดว่า จากหนังสือจาริกเนปาลว่า จีนเล่นไฟ ไทยเล่นน้ำ แขกเล่นสี มุนีเล่นชาญ จีนเล่นไฟหมายถึงเวลาขึ้นปีไหม่เขาจะจุดประทับเผ่ากระดาษมีสัญลักษณ์สีแดงนั้นคือสัญลักษณ์ความเป็นมงคลคือไฟ สังเวชสถานทั้งสี่มีที่แห่งเดียวที่มีพลังที่ปรินิพพาน พลังของการเกิดมีไม่มากเท่าไรมีครอบครัวกับมวลญาติไม่กี่คน แต่พลังของการตายมียิ่งใหญ่ทั้งญาติพี่น้องเพื่อนฟูงที่คบค้าสมาคมกันมา อย่างไรก็ต้องดูวันตายวันเผ่าเท่านั้น  การเกิดที่เห็นมากมีคนเดียวคือพระพุทธเจ้า วันที่พระพุทธเจ้าเกิดนี้เป็นวันที่คนมาทั้งตระกูลคืองานวันวิสาขบูชา เที่ยวชมดอกไม้ ดอกไม้นำโชคในสมัยนั้นคือดอกสาละ  ดอกสาละพวงห้อยสีเหลืองๆ  หมู่แมลงภู่ผึ้งมาซับซ้อนเอาเกศร  ทุกคนธรรมดาแลปลูกดอกไม้ทองพิเศษจองประสงค์  มิเฉพาะเจาะจงมาในที่  พระพุทธเจ้าประสูติออกมาด้วยความเปิดเผย  พระนางสิริมหามายาตั้งพระครรภ์มาที่สวนลุมพินี  มาไม่ใช่เพาะตัวเองอยากจะมา  ภาษาพระเรียกว่าถนอมครรภ์  สามีจะต้องอยู่ใกล้ไม่ห่างไปไหน  ชายแขกเวลาจะไปไหนก็ต้องมีผ้าเช็ดหน้าของภรรยาติดมือไปด้วย  ลูกเป็นของที่มีค่าจะต้องทะนุถนอม  พระนางรู้ว่าจะต้องมีวันชุมนุมตระกูล  พระพุทธเจ้าเกิดที่เห็นมี ๓ ฝ่าย ๑) เทวดา  ๒) พระประยูรญาติ  ๓) ประชาชน  ขณะที่พระนางกำลังชื่นชมดอกสาละ  พระมหาบุรุษก็เสด็จออกมามีผิวพรรณที่ผ่องใส  คนธรรมดานี้ถ้าเกิดมาต้องมีสายความผูกพัน คือเรียกว่า สายฮก  ติดออกมาจากท้องแม่นั้นก็คือสายใจ  สายใยของแม่  แม่ก็คือบุญ คนที่มีสายใจติดกับลูก คือความผูกพันธ์กันไว้  สตรีนี้มีความรักลูกผูกพันธ์มากกว่าบุรุษ คำภีร์พระพุทธศาสนายอมรับอยู่ในพระเวสสันดร รักลูกมากกว่า ลูกเดินทางได้คนในห้ามว่าขอให้นามอยู่ต่อคนทำผิดกฎมองเห็นไม่ใช่นาง พระเวสสันดรให้พระองค์ไปคนเดียว แต่พระนางที่ไม่ยอมเหตุที่ต้องไปเพราะนางกลัวเป็นหญิงหม้าย หญิงที่ต้องเป็นหม้ายขนาดผัวยังมีชีวิตอยู่นี้  นางจึงตัดสินเดินทางไปนั่งอยู่บนรถม้า  เดินทางไปพร้อมกับสามี พระนางสิริมหามายาก็พาลูกเพื่อนร่วมงานพบญาติของวงศ์ตระกูล                                 

วันที่พระพุทธเจ้าของเราประสูติจึงเปิดเผยใต้ดินมีพยานบนฟ้าคือเทวดา บนแผ่นดินเจ้าเทวเมือง ที่สำคัญคือเทวดา เทวดาที่ต้องรบเพราะเคยเป็นเพื่อนเป็นสมณะมิตรมาเพื่อหวังจะมาฟังธัมมจักร  อย่างที่เราสวดบทธัมมจักรว่า ภูมมานัง เทวานัง  พระองค์ที่เกิดมาเปิดเผยเพราะมีความประสงค์ขอประกาศเปิดเผยธรรม  ธรรมที่มีมาก่อนพระพุทธเจ้า มีมาก่อนที่พระพุทธเจ้า ธรรมดาคนมีธรรมอยู่แต่ความคิดของคนจะมั่วหมองมองไม่เห็นธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหมดอายุขัยที่จะฟังธรรมแล้วฟังอะไรก็เป็นเรื่องยากแล้ว แต่คนที่ธรรมอยู่ในใจก็ยังมองเห็นอยู่ทุกข์ อนัตตา อยู่ยังมองเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่เรียกว่ายังมีธรรมอยู่ในใจ พระพุทธเจ้าของเราเกิดมานี้เปิดเผย งั่นธรรมของพระองศ์ก็เพียงเปิดเผยธรรม ธรรมจะสอนวิธีเดียวไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดต้องเปิดมีวัตถุอุปกรณ์ในการสอนต้องมีสือการสอนธรรมของพระองศ์เป็นบาลีจะอยู่ไม่ถึง ห้าพันปี เดี๋ยวนี้มองเห็นอริยบุคคลกับบ้าไม่ต่างกันอะไร งั่นธรรมของพระองศ์เหมือนกับหงายของที่คว่ำไว้ ธรรมจึงจะรับ วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงนั่งดุว่าใครที่จะสามารถสอนธรรมได้ในวันนี้(ภาษาพระ เรียกว่า เวยไนยสนิกร)ตอนเช้าๆตื่นขึ้นมาดูเวยไนยสัตว์มีชายอยุ่คนหนึ่ง อยู่ใกลกันมากพระพุทธเจ้าก็เห็นสมควรจะสอนได้ คนที่จะสอนได้ต้องหัวตั้ง คนทีหัวขวานจะสอนไม่ได้ ชอบขวางภาษาพระเรียกว่าดิรัจฉาน เพราะเวลาเดินหัวกับตัวเท่ากัน เวลาเราไหว้พระหัวเราสูงกว่า เวลาที่จะให้โชคใครจะดูว่าเอามือวางไว้ตรงไหนตอนเช้าๆเราทำวัดสวดมนนต์เรายกมือไหว้สุงๆเหมือนกับยกดวงขึ้น ยกชะตาชีวิตขึ้น ชายหนุ่มคนนี้แน่นอนที่สมควรไปรดพอเจ้าเมืองฮาราวีรู้ว่าพระพุทธเจ้าจะไปโปรดก็เกณฑ์ชายบ้านมาฟังธรรมโดยใช้อำนาจ ในสมัยก่อนพระราชาจะใช้ประชิปไตยที่ถูกต้อง เมื่อพระพุทธเจ้าเทศนาเสร็จชายหนุ่มเมืองฮาราวีก็สำเร็จเป็นพระอริยบุคคล พระอรหัตน์ถ้าเป็นอรหัตน์แล้วจะไม่สงสัย พระอรหัตน์ไม่สงสัย 3 เรื่อง วิภักกติ ไม่สงสัยในเรื่องผู้นำถ้าที่ไดนำมาซึ่งความสงสัยในผุ้นำก็จะปกครองบ้านเมืองลำบาก คนไหนที่ความสงสัยจะมีความเจริญยาก ไม่ค่อยเจริญ ประเทศไทยเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขเป็นผู้นำก็ไม่ต้องสงสัย ถ้าบุคคลใดมีความสงสัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเจริญยาก เพราเงินที่เราใช้อยู่ทุกวันเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งนั้น อาตมาสอนเด็กๆอยู่เสมอว่าเห็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามทีวีตามหนังสือว่าให้ยกมือไหว้เสมอ

ธรรมนั้นอย่าไปสงสัยต้องปฎิบัติตามถ้าสงสัยแล้วเจริญยาก ธรรมอย่าไปสงสัยให้รีบปฎิบัติ เราจะต้องปฎิบัติเลยอย่าไปสงสัย สงสัยอะไรก็ปฎิบัติเลย

หมายเลขบันทึก: 325370เขียนเมื่อ 6 มกราคม 2010 11:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นมัสการครับ

เข้ามายินดีประการแรกที่ท่านเปิดบล๊อคนี้

ยินดีที่สองคือได้อ่านพระธรรมเทศนาของท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษีซึ่งมีคุณค่ามากโดยเฉพาะประสบการณ์ที่อินเดีย

ยินดีที่สามคือ คนไทยจะได้รับรู้เรื่องราวที่หลากหลายของอินเดียซึ่งล้วนเป้นความรู้ที่หาได้ยาก

นมัสการครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท