คืนก่อนปีใหม่ เราสองคนตั้งใจสวดมนต์ยาวเป็นพิเศษ ด้วยบทสวดทำวัตรเย็น ตามด้วยบทสวดพิเศษหลายบท กรวดน้ำ แผ่เมตตา อุทิศบุญ
ฉันตั้งจิตมั่นอุทิศบุญถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หยิบหนังสือ ๒ เล่มจากกองหนังสือหัวเตียง ตั้งใจว่าจะนอนอ่านหนังสือข้ามปี
เล่มที่ ๑ วิถีแห่งปราชญ์
เป็นหนังสือที่อ่านซ้ำได้หลายๆ หน อ่านหนไหนก็เพลิดเพลิน สุขใจ ได้ข้อคิดดีๆ เป็นอาหารแก่สมอง ให้พลังแก่ชีวิต
คุณพนิตา อังจันทรเพ็ญ ซึ่งเป็นศิษย์ที่ช่วยงานวิชาการพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) เรียบเรียงเพื่อบอกเล่าถึง “ปฏิปทา จริยาวัตร” ของท่านเจ้าคุณ ซึ่งเป็นพระที่ฉันเคารพศรัทธาอย่างสูง
ฉันไม่เคยพบท่าน หากแต่ได้อ่านหนังสือที่ท่านเขียน ได้ฟังบรรยายจากเทปบ้าง ซีดีบ้าง ทางโทรทัศน์บ้าง ได้ซาบซึ้งในความรู้ทางธรรมที่ท่านถ่ายทอดอย่างหมดจด ชัดเจน เที่ยงตรง ไม่บิดเบน วิเคราะห์วิจารณ์สังคมอย่างตรงไปตรงมา และเสนอทางออก
หนังสือนี้อาจแบ่งสาระเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกถ่ายทอดคำสอนของท่านที่เป็นหลักสำคัญๆ เอามาใช้ได้จริง กับเกร็ดชีวิตที่เรียบง่าย สันโดษ เปี่ยมเมตตา ท่านสอนผู้อื่นอย่างไรท่านก็ปฏิบัติเช่นนั้น การครองตนของท่านจึงเป็นแบบอย่างที่ดี
ท่านเจ้าคุณเป็นสงฆ์รูปแรกๆ ที่ชี้ชัดว่า สงฆ์ไม่ควรแยกตัวออกจากสังคม ท่านบอกว่า “พระภิกษุมีความจำเป็นที่ต้องสนใจปัญหาสังคม” ท่านยกเหตุผล ๓ ข้อ ข้อสุดท้ายท่านบอกว่า
“วิธีการสอนธรรมะแก่ญาติโยมที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ การนำปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ และชี้ข้อธรรมที่อาจนำไปใช้แก้ปัญหา” (บทที่ ๕๗ พระสงฆ์กับปัญหาสังคม)
ความเห็นของท่านฯ ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ท่านปรารถว่า คนไทยส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการแยกแยะระหว่าง “ความรู้” กับ “ความรู้สึก” และ “ความรู้” กับ “ความคิดเห็น”
ข้อสังเกตเรื่องนี้ของท่านมีคุณค่ามาก ฉันขอลอกข้อความจากหนังสือมาทั้งหมด ดังนี้
“ท่านบอกว่า สังคมไทยเวลานี้ ชอบแสดงความคิดเห็น แต่มักไม่หาความรู้ให้ลึกและชัดเจนเพื่อมาแสดงความคิดเห็น ให้ความคิดเห็นนั้นตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง
หรือพูดอีกอย่างคือ ชอบแสดงความคิดเห็นจากความรู้สึก ไม่แสดงความคิดเห็นจากความรู้ที่ชัดเจน เมื่อแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีความรู้ ความคิดเห็นนั้นก็เป็นความรู้สึกไป ความรู้สึกยิ่งเป็นตัวซ้ำเติม สรุปว่า มีแค่ความคิดเห็นกับความรู้สึก”
หนังสือแบ่งเป็นตอนสั้นๆ ๑๔๐ ตอน หนา ๔๑๙ หน้า นอนอ่านจนเมื่อยมือ
เล่มที่ ๒ สุขแท้ด้วยปัญญา
“สุขแท้ด้วยปัญญา วิถีสู่สุขภาวะทางปัญญา” เป็นหนังสือในโครงการสุขแท้ด้วยปัญญา สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ผู้เขียนหลักคือ พระไพศาล วิสาโล พระนักปราชญ์อีกท่านที่สนใจเรื่องการศึกษา และประเด็นทางสังคม อย่างมาก ท่านเขียนบทความดีๆ มาให้พวกเราอ่านสม่ำเสมอ
บทความ ๒ เรื่องหลักๆ ในเล่มนี้เขียนโดยพระไพศาล บทแรกชื่อ “สุขแท้ด้วยปัญญา : วิถีสู่สุขภาวะทางปัญญา” ท่านเขียนอธิบายเรื่องสุขภาวะ ๔ ด้าน คือ กาย จิต สังคม และปัญญา ได้ชัดเจน แจ่มแจ๋ว ชอบมากตรงที่ท่านบอกว่า
“สุขภาวะทางปัญญาจึงเป็นที่มาของสุขภาวะอีก ๓ ด้านที่เหลือ กล่าวได้ว่า สุขภาวะทางกาย ทางสังคม และทางจิตจะมั่นคงยั่งยืนได้ก็ต้องอาศัยสุขภาวะทางปัญญาเป็นพื้นฐาน”
ท่านวิเคราะห์ปัญหาในสังคมและเสนอ “ทัศนคติอันเป็นที่มาแห่งความสุข” ๔ ประการ คือ
๑. การคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง
๒. การไม่พึ่งพิงความสุขทางวัตถุอย่างเดียว
๓. การเชื่อมั่นในความเพียรของตน ไม่หวังลาภลอย คอยโชค
๔. รู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นประโยชน์เกื้อกูล
นอกจากเสนอทัศนคติอันเป็นที่มาแห่งความสุขแล้ว ท่านยังเสนอกระบวนการ
เสริมสร้างทัศนคติอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ง่าย จึงต้องวางไว้ใกล้ๆ มือ อ่านแล้วอ่านอีก อ่านอย่าง
พิเคราะห์ ใคร่ครวญหาแก่นสาร อ่านแล้วมีความสุข อยากแนะนำให้คุณครูทุกท่านได้อ่านมากๆ ค่ะ
๑ มกราคม ๒๕๕๓
……………………
ขอขอบพระคุณ
คุณพี่กานดา อารยางกูร น้องสาวท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ มอบหนังสือ “วิถีแห่งปราชญ์” และหนังสืออื่นอีก ๔ เล่มให้ฉัน เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ วันที่ฉันทำอาหารไปถวายพระที่วัดญาณเวศกวัน พุทธมณฑล
คุณหมอยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กัลยาณมิตรตลอดกาลของฉันถือหนังสือดีชื่อ “สุขแท้ด้วยปัญญา” กับเล่มอื่นๆ อีกหลายเล่ม มาฝากเมื่อวันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๒
สวัสดีค่ะ
กราบนมัสการท่าน พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
เป็นเมตตายิ่งที่ท่านให้คำแนะนำ ดิฉันจะลองไปค้นหนังสือชื่อ "เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา" ของหลวงพ่อพุทธทาส มาอ่าน คลับคล้ายว่าจะมีอยู่ ถ้าไม่มีจะไปหามาอ่านตามที่ท่านแนะนำค่ะ
เข้าไปอ่านโฆษณาหนังสือของหมอนนแล้วจ้า
ปีใหม่ไปเที่ยวไหน