เศรษฐีคนหนึ่ง มีลูกชายอยู่หนึ่งคน เขาส่งเสียให้ลูกของเขาร่ำเรียนในโรงเรียนที่ต้องจ่ายค่าเทอมแสนจะแพง เป็นที่รู้กันดีว่าโรงเรียนแห่งนี้คนชนชั้นธรรมดาคงจะไม่มีปัญญาส่งลูกเข้าไปเรียนได้แน่ๆ
เศรษฐีคนนี้ ให้ความสำคัญกับการเรียนของลูกมาก และมีความคิดว่าการเรียนรู้ของลูกแค่ในโรงเรียนนั้นคงจะไม่เพียงพอเป็นแน่ จึงมักจะมีโปรแกรมพาลูกของตนไปเรียนรู้ในสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้แก่ลูกของเขา ด้วยเศรษฐีมองว่าโรงเรียนไม่สามารถตอบสนองการเรียนรู้เช่นนี้ให้แก่ลูกเขาได้
ครั้งหนึ่งเศรษฐีคนนี้ต้องการให้ลูกของเขาได้เรียนรู้กับคำว่า "ยากจน" ซึ่งเชื่อว่าลูกชายของเขาคงจะหาโอกาสทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำนี้ได้ยาก เขาจึงคิดหาวิธีให้ลูกชายของตนได้มีโอกาสได้เข้าใจกับคำนี้
เศรษฐีเกิดไอเดียขึ้นมา จึงพาลูกชายแสนรักของเขาไปพักอยู่กับครอบครัวของชาวนาผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดารครอบครัวหนึ่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เศรษฐีท่านนี้เข้าใจว่าลูกชายของเขาน่าจะพอเข้าใจกับคำว่า "ยากจน" ได้บ้างแล้ว จึงไถ่ถ่ามลูกชายของเขาว่า...
"ลูกพ่อ ลูกมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้าง เข้าใจคำว่า ยากจน เป็นอย่างไรบ้าง?"
ลูกชายของเศรษฐีผู้นี้ ก็ตอบพ่อของตนไปว่า...
"ต้องขอบคุณพ่อมาก ที่มอบโอกาสให้ลูกได้สัมผัสสิ่งดีๆ ในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ลูกประทับใจครอบครัวชาวนาครอบครัวนี้มากครับพ่อ เวลาทานข้าว เขาก็นั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก แม้ดูว่าสถานที่จะคับแคบไปหน่อยก็ตาม แต่ต่างจากบ้านเราแม้ว่ามีโต๊ะทานอาหารที่ยาวสี่ห้าเมตร แต่มีคนนั่งเพียงไม่กี่คน หลายครั้งก็ต้องนั่งทานคนเดียว
บ้านของเขามีทิวเขา และลำธารเป็นกำแพงแสนกว้างไกล ต่างจากบ้านเราที่มีกำแพงปูนหนาทึบ และสูงจนบางครั้งรู้สึกเหมือนว่าอยู่ในคุก
ในบริเวณบ้านของเขามีอาหารพืชผัก เป็ดไก่ทุกอย่างที่กินได้ ซึ่งไม่ต้องไปซื้อหาอย่างที่บ้านของเรา
ลูกชายของชาวนาก็มีเพื่อนเล่นที่เป็นสารพัดสัตว์ ตั้งแต่ตั๊กแตน ด้วง จั๊กจั่น ไปจนถึง วัว ควาย ต่างจากลูกที่เวลาอยู่ในบ้านก็ไม่มีเพื่อนเล่นเลย
เวลาเห็นลูกชาวนาไปโรงเรียนก็แสนจะอิจฉา ที่เห็นเขานั่งซ้อนท้ายจักรยานเก่าๆ กอดเอวพ่ออย่างแน่นเพราะกลัวจะตก ในขณะที่ลูกต้องนั่งที่เบาะหลังรถคนเดียว และมีคนขับรถคอยมารับส่งทุกวัน
ครอบครัวของเขาช่างร่ำรวยจริงๆ นะพ่อ ไม่ได้ยากจนอย่างครอบครัวของเรา ช่างน่าอิจฉาจริงๆ"
ที่มา : เรื่องเล่าจากรายการวิทยุ
ครอบครัวของเขาช่างร่ำรวยจริงๆ นะพ่อ ไม่ได้ยากจนอย่างครอบครัวของเรา ช่างน่าอิจฉาจริงๆ"
...น่าสงสารลูกเศรษฐีนะคะ....คุณThawat ขออนุญาตนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ลูกๆ และลูกศิษย์ฟังค่ะ
..สวัสดีปีใหม่ค่ะ
...