การเรียนรู้มีอะไรแปลกๆครับให้เราได้ทึ่งเสนอครับ วันหนึ่งหลังเลนิน ประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียตเดิมถึงแก่แอสัญกรรมลง พรรคคอมมิวนิสต์ได้สังการให้คณะนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง "ดอง" ท่านผู้นำ Spec ที่กำหนดให้ก็หินสุดขีดคือ "ต้องดูราวมีชีวิต" และ เป็น "อมตะ" ตลอดไป ลองคิดดูนะครับนี่คือเหตุการณ์ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองครับ (เกือบ 70 ปีแล้ว) หลังสติแตกอยู่พักหนึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องเริ่มคิดแล้วครับ จะทำยังไง ต้นแบบอย่างเดียวในตอนนั้นก็คือมัมมี่อียิปต์ ซึ่งลุ่ยไปหมด จะไปดูงานที่ประเทศอื่นก็ไม่มีใครทำมาก่อน
ทำยังไงครับก็ต้อง "ลองผิด ลองถูก (แต่ห้ามผิด)" ครับ ทำยังไงครับ ก็เลยต้องหาร่างของคนอื่นที่รับบริจาคมาก่อนหน้า ร่างนี้มีสภาพคล้ายท่านเลนินทางสรีระมาก ก่อนที่จะอะไรกับท่านเลนินไป กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จะต้องทดลองกับร่างนี้ก่อนครับ ก้ได้ผลครับ ถ้าดูในสารคดีจะพบว่าร่างท่านดู "สง่า" ใน 60-70 ปีให้หลังครับ หลังม่านเหล็กล่มสลาย คนส่วนใหญ่เรียกร้องให้รัฐบาลเลิกสนับสนุนหลัมฝังศพมีชีวิตแห่งนี้ซะ และเอาไปฝังเสียที (ผมไม่ทราบว่าปัจจุบันเอาไปฝังหรือยัง) แต่ตอนที่ผมดูสารคดีเรื่องนี้ หลุมศพท่านผู้นำแห่งนี้เริ่มเกิดวิกฤติกาลเรื่องงบประมาณ ขณะเดียวกันกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในหลุมศพ่งนี้ ก็ไม่รู้จะไปทำงานที่ไหนอีก จึงเริ่มคิดทำธุรกิจขึ้นมา หลุมศพแห่งนี้จึงรับ "ดอง" คนรวยแทนครับ ก็ได้ผลครับมีคนจ้างสถาบันแห่งนี้ไปดองศพแบบเลนินมากครับ เพราะเขาทำได้ดีที่สุดในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกมีเทคโนโลยีเทียบเท่าที่นี่อีก จึงพอเลี้ยงตัวได้
เรื่องนี้เอาไปใช้ในองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไรครับ ถ้าเราถอดรหัสเรื่องนี้ออกมาเราจะพบสองเรื่องครับคือ Extreme Vision หรือวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำยุคสมัย คิดไกลไว้สุดๆ ตั้งSpec โหดๆครับ ในเรื่อง KM เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า Externalization คือการดึงความรู้ออกมาโดยการตัดแนวคิด/วิสัยทัศน์นอกกรอบ อีกอันหนึ่งคือ Extreme Experimentation อันนี้จะเห็นว่าเขาทดลองครับ ต้องทดลอง ลองผิดลองถูกกับตัวเองก่อนครับ เพราะไม่รู้จะไปเรียนรู้จากไหน ขั้นตอนหลังภาษา KM เรียกว่า การ Internalization หรือ Learning by Doing
ลองตั้งเป้าหมายแรงๆดูสิครับ และทดลองมากๆไปเลยครับ เราจะรู้อะไรแบบไม่น่าเชื่อเลยครับ
คิดธรรมดา การกระทำก็ธรรมดา ผลก็ธรรมดา
คิดไม่ธรรมดา การกระทำก็ไม่ธรรมดา ผลก็ไม่ธรรมดา