สูเราะฮฺอัน – นูร อายะฮฺที่ 27 – 29
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَدْخُلُوا بُيُوتًا غَيْرَ بُيُوتِكُمْ حَتَّى تَسْتَأْنِسُوا وَتُسَلِّمُوا عَلَى أَهْلِهَا ذَلِكُمْ خَيْرٌ لَّكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ = فَإِن لَّمْ تَجِدُوا فِيهَا أَحَدًا فَلَا تَدْخُلُوهَا حَتَّى يُؤْذَنَ لَكُمْ وَإِن قِيلَ لَكُمُ ارْجِعُوا فَارْجِعُوا هُوَ أَزْكَى لَكُمْ وَاللَّهُ بِمَا تَعْمَلُونَ عَلِيمٌ = لَّيْسَ عَلَيْكُمْ جُنَاحٌ أَن تَدْخُلُوا بُيُوتًا غَيْرَ مَسْكُونَةٍ فِيهَا مَتَاعٌ لَّكُمْ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مَا تُبْدُونَ وَمَا تَكْتُمُونَ =
ความหมายของอายะฮฺ
โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเข้าบ้านใดที่ไม่ใช่บ้านของสูเจ้า จนกว่า(จะ) ได้ขออนุญาต และได้กล่าวสลามแก่เจ้าของบ้านเสียก่อน นั้นเป็นการดีกว่าสำหรับสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้ใคร่ครวญ หากสูเจ้าไม่พบ ผู้ใดในบ้านนั้น สูเจ้าก็จงอย่าเข้าไปในบ้านนั้น จนกว่า (สูเจ้า) ได้รับอนุญาต และถ้าเขากล่าวแก่สูเจ้า(ว่า) จงกลับไป ดังนั้นสูเจ้าจงกลับเถอะ นั้นย่อมเป็นการดีสำหรับสูเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ ไม่เป็นบาปแก่สูเจ้า ในการที่สูเจ้าเข้าไปในบ้านใด ๆ ที่ไม่ใช่บ้านสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งในนั้นมีสิ่งจำเป็นสำหรับสูเจ้า ส่วนอัลลอฮฺทรงรู้ดี ทั้งสูเจ้าเปิดเผยและสูเจ้าปิดบัง
คำอธิบาย
อัลลอฮฺทรงใช้ให้บรรดาผู้ศรัทธาในพระองค์ประพฤติตนเป็นผู้มีจรรยามารยาทดำรงตนอยู่ศีลธรรมและขนบธรรมเนียมอันดีงาม ตลอดจนต้องมีความนอบน้อมถ่อมตน ด้วยเหตุนี้เมื่อมุอฺมินผู้ศรัทธาจะเข้าบ้านบุคคลอื่น มารยาทที่พึงปฏิบัติคือให้ขออนุญาตเจ้าของบ้านเสียก่อน พร้อมกับกล่าวสลามแก่เจ้าของบ้าน หากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด เพราะเจ้าของบ้านอาจมีความประสงค์ที่อยากจะพักผ่อน หรืออยู่ในสภาพที่ไม่อยากให้ใครรบกวน การขออนุญาตก่อนเข้าบ้านทำให้เจ้าของบ้านไม่มีความรู้สึกระแวงสงสัย หากเจ้าของบ้านไม่พร้อมที่จะพบปะด้วย และให้กลับไปก่อนก็จงกลับไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่ ทั้งนี้เป็นการให้เกียรติแก่เจ้าของบ้าน ถ้าเราปฏิบัติได้เช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐและเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามต้องการ แต่ถ้าเป็นที่พักคนเดินทาง ศาลาพักร้อน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตผู้ใด เพราะเป็นทรัพย์สาธารณะที่อนุญาตให้ทุกคนได้ใช้ อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้รอบรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นที่ลับหรือที่เปิดเผย
บทสรุป
1. ห้ามเข้าบ้านผู้อื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่
2. การกล่าวสลามก่อนเข้าบ้าน เป็นจริยธรรมอิสลาม
3. หากเจ้าของบ้านไม่อนุญาตให้เข้าบ้าน จงอย่าโกรธ ควรกลับไปก่อน
4. การเข้าไปในสถานที่ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะที่ไม่ใช่บ้านสำหรับอยู่อาศัย เช่น ศาลาที่พัก ไม่ต้องขออนุญาต
5. อัลลอฮ์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์กระทำ ทั้งในที่เร้นลับและที่เปิดเผย
บ้านเป็นที่อาศัยพักผ่อนหลับนอนของมนุษย์ อัลลอฮ์ทรงห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปในบ้านของผู้อื่นก่อนที่จะได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเจ้าของบ้านที่ต้องการพักผ่อนและมิให้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเขา ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงวางกฎเกณฑ์สำหรับมนุษย์ไว้
ในสมัยญาฮิลีละฮ์ การเข้าบ้านผู้อื่นไม่มีการกล่าวสลามและกระทำได้อย่างเสรี อันเป็นการไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ดังนั้น อิสลามจึงไม่อนุมัติให้มุสลิมปฏิบัติเช่นนี้
กิจกรรมท้ายบท
1. นักเรียนอภิปรายมารยาทในการเข้าบ้านผู้อื่นโดยละเอียด
2.หากเจ้าของบ้านไม่อณุญาติให้เข้าบ้านนักเรียนจะปฏิบัติอย่างไรและมีความคิดอย่างไรกับเจ้าของบ้านนั้น
3. นักเรียนอถิปรายเรื่องความจำเป็นในการรักษาสาธารณะสมบัติ
สูเราะฮฺอัล – บะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 256
لاَ إِكْرَاهَ فِي الدِّينِ قَد تَّبَيَّنَ الرُّشْدُ مِنَ الْغَيِّ فَمَنْ يَكْفُرْ بِالطَّاغُوتِ وَيُؤْمِن بِاللّهِ فَقَدِ اسْتَمْسَكَ بِالْعُرْوَةِ الْوُثْقَىَ لاَ انفِصَامَ لَهَا وَاللّهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ =
ความหมายของอายะฮฺ
ไม่มีการบังคับในการเข้ารับนับถือศาสนา อันที่จริงได้กระจ่างชัดแล้ว (ซึ่ง) ความถูกต้องจากความงมงาย ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธฏอฆูต และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แน่นอนเขาได้ยึดกับหลักอันมั่นคง ซึ่งจะไม่มีการขาดลงอีกแล้ว และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
คำอธิบาย
อายะฮฺนี้ได้ถูกประทานลงมาเนื่องจากหุศ็อยนฺ ซึ่งเป็นชาวอันศอรฺ อยู่ในตระกูลบนีสาลิม บุตรเอาฟฺ เขามีบุตรสองคนที่นับถือศาสนาคริสต์ สำหรับตัวเขานั้นนับถือศาสนาอิสลาม หุศ็อยนฺจึงได้ไปถามท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัสลัม ว่า “ฉันจะบังคับเขาทั้งสองได้หรือไม่ เขาทั้งสองดื้อดึงจะนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงได้ประทานอายะฮฺนี้ลงมา อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวมีใจความว่า ไม่มีการบังคับข่มขู่ผู้หนึ่งผู้ใดให้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เพราะสัจธรรมได้ปรากฏชัดแจ้งแล้ว ระหว่างความจริงกับความเท็จ แนวทางที่ถูกต้องกับแนวทางที่หลงผิด ความจริงที่ระบุในอัล – กุรฺอานนั้นเป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่า ผู้ใดปฏิเสธฏอฆูต (มาร เจว็ด สิ่งที่ถูกสักการะนอกจากอัลลอฮ์) และศรัทธามั่นต่ออัลลอฮ์ แน่นอนที่สุด เขาผู้นั้นเป็นผู้ที่ยึดมั่นต่อชะรีอะฮ์อิสลาม และเขาจะไม่หลงทางตลอดไป แท้จริงอัลลอฮ์ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้เสมอ
บทสรุป
กิจกรรมท้ายบท
1. นักเรียนอภิปรายเรื่อง สาเหตุที่อัลลอฮฺไม่ให้มนุษย์ด้วยกันเองบังคับให้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และเกิดผลดีอย่างไร
2. นักเรียนอภิปรายคำว่า “ฎอฆูต” คืออะไร
สลามมุอาลัยกุมมมอาจารย์
พอดีเค้าเป็นตัวแทนจาก 4/3
มาเม้นให้เพื่อนๆทุกคน
**จบ**
วัสลาม ^___________^++
อย่าลืมให้คะแนนนะ
อะๆ เม้นให้อีก คอมเม้นจาได้เยอะๆ
อิอิ ฮ่าๆๆ ไปละทำงานก่อน วัสลามอาจารย์ ^O^++
อย่าลืมคะแนนน้า งามๆๆ เกรด 4
ไปของแท้ละ วันหลังจามาเยี่ยมใหม่
สลามมุอะลัยกุม
อาจารย์
อัสลามมุอะลัยกุม
อาจารย์
อัสลามูอาลัยกุม
ให้คะแนนด้วยน่ะจ้ะ อาจารย์ รอฟีกี การีมี
อิอิ บ้ายบายค่ะ