ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้
เป็นกวีนิพนธ์จีนที่จำมาร่วมสิบปี เพิ่งมาเข้าใจอย่างซาบซึ้งก็วันนี้ เมื่อต้องไปเจอคนทะเลาะกัน
เวลาคนทะเลาะกัน สิ่งหนึ่งที่สังเกตคือ "ต่างก็คิดจะพูดอะไรต่อ" โดยที่ก็ไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ทั้งๆที่ถ้าลองนิ่งฟังสักนิด เรื่องก็อาจไม่เป็นอย่างที่กำลังคิดอยู่ก็ได้
พยายามคิดเข้าใจอารมณ์คนที่กำลังต่อปากต่อคำกันนั้นโดยลองเปลี่ยนตัวละครว่า ถ้าตัวเองต้องทะเลาะใคร มันคงเพราะเริ่มต้นจากความที่มีอะไรๆ ตกค้างในใจ แล้วก็อยากหาเหตุเอาชนะ ชนะแบบเด็กไม่โตหรือไม่มีวุฒิภาวะ ก็คือแผดเสียง ขึ้นเสียง ขุดหาคำแรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บใจหรือแพ้ ระหว่างนั้นก็คงไม่ฟังอะไรเพราะในใจก็คงคิดจะพูดอะไรต่อ
ก็นึกถึงว่าถ้าหากเหตุใดจะไปถึงการทะเลาะกันแล้ว ยอมไม่พูดเสียคนหนึ่ง ยอมนิ่งก่อน และถือคติเสียว่า ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้ คงลดการทะเลาะเบาะแว้งและทำให้เสียอารมณ์เสียใจกันภายหลังได้บ้างกระมัง
แต่คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ทะเลาะไม่เห็นมีใครฟังคตินี้สักคน หรือว่าโลกปัจจุบันต้องพูดให้มากเข้าไว้หรืออย่างไร...
ไม่มีความเห็น