คิดถึงลูกในวัยเยาว์...บทเรียนแสนวิเศษ


ได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวอินโดนีเซียที่พบกันเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วที่ Perth เพราะเราต่างก็เป็นนักเรียนทุน AusAID เหมือนกัน ในรุ่นนั้นเราจะมีกันอยู่ 6 คนเป็นอินโดนีเซีย 2 เวียตนาม 1 เนปาล 1 จีน 1 ไทย 1 เรามีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนในคณะของตัวเองนานพอสมควร นอกจากนั้นก็มีการรวมกลุ่มกันเป็นระยะๆ และช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดเวลาที่อยู่ที่ Perth ด้วยกัน ก็เลยสนิทสนมกันพอสมควรทีเดียว ทั้งกลุ่มมีเราคนเดียวที่มีครอบครัวไปด้วยครบถ้วน ทำให้สาวๆ 2 คนจากอินโดนีเซียและเวียตนามติดใจมาเล่นกับลูกๆเราบ่อยๆ โดยเฉพาะแอกเนส-สาวอินโดนีเซียที่มีแฟนอยู่แล้ว

แอกเนสเขียนมาทักทายบอกว่าอยากเห็นน้องฟุงตอนนี้ เพราะน้องฟุงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากรีบแต่งงานและมีลูก ทำให้เราได้ย้อนคิดไปถึงสมัยลูกยังเล็กๆ นึกถึงบทเรียนทั้งหลายที่ได้จากการเลี้ยงลูก เป็นบทเรียนอันมีค่าที่จะว่าไปแล้ว มีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการได้รับปริญญาที่เป็นชิ้นเป็นอันจับต้องได้เสียด้วย

โดยเฉพาะน้องฟุงเป็นบทเรียนที่ต้องบอกว่า สอนอะไรพ่อแม่ได้มากกว่าพี่ๆ 2 หนุ่มเยอะทีเดียว เพราะพี่ชายทั้ง 2 โตมาในขณะที่เราพ่อแม่วางแผนจัดการชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างลงตัว เราเลี้ยงลูกกันเองสองคนไม่มีใครช่วยเลย ดังนั้นลูกทั้งสองจึงได้รับการฝึกให้มีระเบียบวินัย ช่วยตัวเองตั้งแต่เล็กๆ เรียกว่าหยิบจับอะไรได้ลูกก็ได้ทำอะไรเองทันที แต่งตัวเอง อาบน้ำเอง ตักข้าวกินเอง หิ้วกระเป๋าเอง เพราะเราคิดว่า การสอนให้ลูกช่วยตัวเองได้คือหน้าที่ของเรา เราไม่ได้บังคับลูกแต่จะใช้วิธีจูงใจและทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก เป็นเกมการเล่นเสียมากกว่า และใช้การพูดคุยสื่อสารแม้ในยามที่ลูกแสนจะคุยไม่รู้เรื่อง แต่พอถึงน้องฟุงนั้น เป็นยามที่เราต้องยกครอบครัวไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง น้องฟุงยังไม่ทันจะพูดเป็นคำๆด้วยซ้ำ เรื่องนิสัยไม่ต้องพูดถึง น้องฟุงเป็นตัวของตัวเองมากกว่าพี่ๆหลายขุม มีกลยุทธในการทดสอบพ่อแม่ลุ่มลึกกว่าพี่ๆ ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ง่ายๆเหมือนพี่ทั้งสอง เราต้องขุดต้องคุ้ยยุทธวิธีในการปรับนิสัยน้องฟุงมากกว่าพี่ๆทั้งสองมากมาย

แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเลี้ยงลูกๆในยามเยาว์นี้เป็นบทเรียนที่นึกย้อนไปแล้ว ทำให้มีความสุขได้ท่วมท้นทีเดียวค่ะ ยังไม่ลืมหลายๆเรื่องที่ตอนที่เราต้องเผชิญหน้านั้นจะรู้สึกเครียดบ้าง อย่างเช่นเรื่องการร้องไห้ของลูกเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ น้องฟุงเคยขนาดที่ยืนร้องไห้อยู่หัวถนนหลังจากที่คุณแม่อุ้มข้ามถนนมาแล้ว วางเขาลงบอกให้เดินเองแต่น้องไม่อยากเดิน ทั้งๆที่เหลือระยะทางอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว ก็เลยบอกเขาว่า"แม่จะเดินไปรอตรงโน้นนะลูก น้องฟุงเดินตามมาตอนร้องเสร็จแล้วก็แล้วกันนะลูก" เขาก็ร้องเสียงดังยิ่งขึ้นจะให้อุ้ม เราก็บอกอีกทีว่า "เดินอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว แม่ถือของอยู่อุ้มน้องฟุงไม่สะดวก" แล้วก็เดินจากมา (แต่ก็ยังอยู่ในสายตา) น้องฟุงร้องได้นานทีเดียวจนกระทั่งมีฝรั่งจอดรถลงมาดุคุณแม่ว่าปล่อยให้ลูกยืนร้องไห้ข้างถนนได้ยังไง (เขามองเห็นแต่เด็กไม่เห็นเราในตอนแรก) แต่สุดท้ายน้องฟุงก็ยอมเดินตามมา และหลังจากนั้นก็จะมีกรณีแบบนี้น้อยมาก วิธีการร้องไห้เพื่อจะให้ได้อะไรนั้น ใช้กับคุณแม่คุณพ่อบ้านนี้ไม่ได้เลย ลูกจะเรียนรู้ไปได้เองเมื่อเรายึดมั่นในหลักการเสมอ เราจะบอกให้เขาพูดกับเรา ถ้าร้องไห้ก็ไม่ใช่เวลาคุยกัน

ลูกๆสอนให้เรารู้ว่า ความมั่นคงในหลักการ ความเข้มงวดที่มีพื้นฐานมาจากความรัก การยืดหยุ่นที่ไม่ยอมหย่อนกฎเกณฑ์บางอย่าง เป็นสิ่งที่เราพ่อแม่ทำได้ถูกต้องแล้ว ทำให้ลูกรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อยากได้อะไรอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไรก็ต้องคุยกันเท่านั้นจึงจะรู้เรื่อง ผ่านมาถึงวันนี้ที่เราไม่ต้องใช้กลยุทธทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ก็ได้แต่ย้อนคิดถึงอย่างมีความสุขเท่านั้นเอง ขอบันทึกฝากถึงคณพ่อคุณแม่ที่ยังโชคดีกำลังมีบทเรียนแสนสนุกให้ได้เก็บเกี่ยวกันนะคะ วันเวลาผ่านไปไวเหลือเกินค่ะไม่ต้องกลัว

หมายเลขบันทึก: 318793เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2009 00:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2012 00:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท