การเรียนรู้โดยการฟังหรืออ่านนั้น จะเทียบกับการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนั้นไม่ได้ เพราะภาษาหรือคำพูดมีข้อจำกัด ไม่สามารถอธิบายบางอย่างได้หมด.
จริงอย่างว่าค่ะ
การเรียนรู้โดยการฟังหรืออ่านนั้น จะเทียบกับการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนั้นไม่ได้ เพราะภาษาหรือคำพูดมีข้อจำกัด ไม่สามารถอธิบายบางอย่างได้หมด.
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
การเรียนรู้โดยการฟังหรืออ่านนั้น จะเทียบกับการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนั้นไม่ได้ คงเหมือนเราสอนการทำแกงว่าใส่อะไรบ้างสีสรร รสชาดเป็นอย่างไร อร่อยอย่างไร ผู้เรียนก็คงไม่รู้เท่าเทียมได้กับได้ลองทำและปฏิบัติจริงและลิ้มลองดัวยตนเองจริงว่าแกงนั้นอร่อยหรือรสชาดอย่างไร
ขอบอกเบอร์โทรอาจารย์นะคะ นางอัจฉราภรณ์ ร่มแก้ว 089-4210533
เห็นด้วยกับคุณอัจฉราภรณ์ ว่าการเรียนรู้โดยการฟังหรืออ่านนั้น จะเทียบกับการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนั้นไม่ได้ เพราะประสบการณ์ล่าสุดเมื่อปีใหม่ ( 2553 ) หนูได้จดสูตรการทำน้ำสลัดจากคุณแม่ ซึ่งเป็นผู้รู้และเชี่ยวชาญในเรื่องการคหกรรม เป็นที่เลื่องลือ แต่เมื่อนำมาปฏิบัติด้วยตนเองแล้วกลับมีรายละเอียด เคล็ด อีกมากมายที่จะทำให้น้ำสลัดเลิศรส เข้มข้น และที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาว การที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงยิ่งเป็นการฝึกทักษะ แล้วจะยิ่งพบปัญหา อุปสรรค และต้องหาทางปรับแก้ จนเกิดความชำนาญ และมีความรู้ในเรื่องนั้นๆอย่างถ่องแท้
สวัสดีค่ะอาจารย์
ได้ความรู้และข้อคิดมากเลยค่ะ
เคยประสบเช่นเดียวกับอาจารย์ค่ะ คืออ่านหนังสือธรรมะไม่ค่อยจะจบเล่ม เลยคิดว่าน่าจะฟังดีกว่า เลยพับการอ่านไปเป็นการฟัง ได้ยินเสียงธรรมจากครูบาอาจารย์ กล่อมเกลาจิตใจไปด้วย จิตก็นิ่งดี แต่พอฟังไปนานๆ ก็อยากอ่านเนื่องจากการอ่านจะค่อยๆ พิจารณาคำสอนแล้วน้อมเข้ามาสู่จิตใจตน ทำให้จิตนิ่งขึ้น แต่ก็อ่านไม่จบอีกนั่นแหละ ก็กลับไปฟังอีก เป็นอยู่อย่างนี้กลับไปกลับมาค่ะ แต่ทั้งสองวิธีก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น
อ่านหนังสือหมื่นเล่ม...มิเท่าเดินทางก้าวเดียว ธรรมะเฉกเช่นกัน ....ต่อให้อ่านพระไตรปิฏกหมดตู้ ก็มิเท่าภาวนาลัดนิ้วมือเดียว ธรรมะสวัสดีครับอาจารย์...
สวัสดีครับ ขนิษฐา บุรัรัมย์6
นมัสการพระคุณเจ้า
อ่านหนังสือหมื่นเล่ม...มิเท่าเดินทางก้าวเดียว ธรรมะเฉกเช่นกัน ....ต่อให้อ่านพระไตรปิฏกหมดตู้ ก็มิเท่าภาวนาลัดนิ้วมือเดียว