วิเคราะห์วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลซีไรต์
หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด แผ่นดินอื่น ของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
บทวิเคราะห์
เรื่องบ้านเกิด
1. รูปแบบ เรื่องบ้านเกิดเป็นบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้น
1.1 เรื่องบ้านเกิดจัดเป็นเรื่องสั้นชนิดแสดงแนวคิด เนื่องจากผู้เขียนแสดงทัศนะ แนวคิดแก่ผู้อ่าน และเข้าใจความจริงของชีวิตของผู้เขียน โดยสะท้อนและถ่ายทอดโดยไม่ได้บอกตรง ๆ แต่ผู้อ่านสามารถสรุปได้เอง เมื่ออ่านจบผู้อ่านจะเกิดความรู้สึกฉุดใจคิด ตัวละคร เหตุการณ์ ฉากและบรรยากาศเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้แนวคิดของเรื่องนั้นเด่นชัดมากขึ้น
1.2 เรื่องบ้านเกิดจัดเป็นเรื่องสั้นชนิดสร้างบรรยากาศ เนื่องจากผู้เขียนได้บรรยายบรรยากาศของเรื่องได้สมจริง ผู้อ่านสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน จูงใจให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตามเหตุการณ์ ตัวละคร และพฤติกรรมต่าง ๆ มีความเกี่ยวพันกับฉาก โดยที่ผู้เขียนใช้เรื่องราวที่กระทบใจผู้อ่านในด้านอารมณ์และความรู้สึก
2. แนวคิด
2.1 แนวคิด (แก่นเรื่อง) เรื่องบ้านเกิดมีสาระสำคัญที่ผู้เขียนตั้งใจเสนอให้ทราบคือ แสดงถึง ปัญหาของชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว และสังคม นำเสนอชีวิตหลากหลาย ด้วยแนวธรรมชาตินิยม สะท้อนความคิด ความเชื่อ คุณค่าและคตินิยมพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้งและแหลมคม ให้เห็นว่า แม้ในสังคมที่ต่างวัฒนธรรม ต่างความเชื่อ มนุษย์ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยไมตรีสัมพันธ์
3. โครงเรื่อง เรื่องบ้านเกิดเป็นโครงเรื่องแบบใหม่ เนื่องจากจะไม่เน้นความสำคัญ และความสัมพันธ์ของลำดับเหตุการณ์ แต่จะเน้นที่พฤติกรรม และสภาพความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเป็นสำคัญ
3.1 การเริ่มเรื่องหรือการเปิดเรื่อง เรื่องบ้านเกิดผู้เขียนใช้กลวิธีในการเปิดเรื่องโดยการใช้คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แบบถามเองตอบเองของตัวละคร “ ฉัน ”
“ ทำไมฉันจะจำเธอไม่ได้ ปรียา ในเมื่อเธอคือความทรงจำซึ่งฉันพยายามลืมให้สนิทที่สุดในบรรดาความทรงจำทั้งหลายเกี่ยวกับบ้านเกิด ปรียา... เธอเคยได้ยินบ้างหรือเปล่า ที่เขาพูดกันว่าชีวิตซิ่งผ่านไปคือฝันร้าย ฉันรู้ว่าความโหดร้ายของมันอยู่ที่ความเป็นจริง อดีตกำลังทำร้ายเรา แม่เคยบอกฉันเสมอ- จงลืมวันวานเพื่อเช้าวันนี้จะได้สดใส แต่ใครเคยทำเช่นนั้นได้บ้างเล่า แม้แต่แม่”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 45 )
3.2 การดำเนินเรื่อง เรื่องบ้านเกิดผู้เขียนใช้กลวิธีในการดำเนินเรื่อง โดยการลำดับเรื่องแบบย้อนกลับ เป็นการเล่าเรื่องย้อนหลังจากตอนจบเรื่องแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวพันกับปัญหาความขัดแย้งซึ่งเป็นจุดสำคัญของเรื่อง ซึ่งกล่าวถึงครอบครัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีพ่อเป็นนักดนตรีและมีแม่เป็นครู ต้องพลิกผันและประสบชะตากรรมอันเลวร้ายก็เนื่องมาจากสงครามนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตร สงครามทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด เสียงแซ็กโซโฟนของพ่อที่เคยร้อยรัดหัวใจของคนทั้งหมู่บ้านเอาไว้กลายเป็นเสียงปืน ความรักกลายเป็นการกระทำผิดบาปซึ่งกันและกัน
3.3 การจบเรื่องหรือการปิดเรื่อง เรื่องบ้านเกิดผู้เขียนจบเรื่องแบบชีวิตจริงหรือแบบที่ให้ผู้อ่านคาดเดาเหตุการณ์เอง เป็นการจบเรื่องโดยที่ผู้เขียนไม่ได้สรุปหรือบอกกล่าวโดยตรง แต่ผู้อ่านจะต้องคิดเองตามทัศนะของแต่ละบุคคล มีการใช้คำพูดเน้นเสียงหนัก ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ตื่นเต้นและเข้มข้นสะเทือนใจในตอนจบเรื่อง
“ หยุดนะ! ไอ้ช้วน ” ฉันจำได้แม่นยำ สเยงนั้นคือเสียงแม่--- ฉันหันไปมอง--- เสือช้วนหันมา เอ็ม. 16 ประทับไหล่แล้วกระสุนก็คำราม…
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 107 )
4. ตัวละคร
4.1 การสร้างตัวละคร ผู้เขียนสร้างตัวละครได้สมจริง ตัวละครมีลักษณะนิสัยเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการจำกัดตัวละคร โดยตัวละครทุกตัวมีบทบาทสอดคล้องสัมพันธ์กันกับเนื้อเรื่อง ตัวละครมีลักษณะนิสัย อารมณ์ ความรู้สึกหลากหลาย และมีความสมจริงตามลักษณะของตัวละคร ทำให้เรื่องดำเนินไปได้ด้วยดี
4.2 การนำเสนอตัวละคร ผู้เขียนนำเสนอตัวละครโดยอ้อม ใช้สอดแทรกอยู่ในการเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยให้ผู้อ่านรู้จักตัวละครผ่านทางพฤติกรรมที่แสดงออก การกระทำ คำพูดที่พูดกับตัวละครอื่นหรือคิดในใจ ตัวละครบางตัวใช้วิธีการนำเสนอผ่านทางความคิดของตัวละครเอก
4.3 ลักษณะนิสัยและบุคลิกลักษณะของตัวละคร ผู้เขียนสร้างตัวละครแบบตัวกลม มีลักษณะนิสัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันทั้งที่เป็นส่วนดีและส่วนบกพร่อง ซึ่งมีลักษณะนิสัยซับซ้อน เป็นลักษณะธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วไป ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอารมณ์และเหตุการณ์ คล้ายกับชีวิตจริง สร้างความประทับใจให้ผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง ตัวละครมีบุคลิกไม่คงที่คือ มีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพไปตามเหตุการณ์
4.4 บทบาทของตัวละคร ในเรื่องบ้านเกิดประกอบด้วยตัวละครดังนี้
ตัวละครเอก ในเรื่องบ้านเกิดมีตัวละคร “ ฉัน ” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง และเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีบทบาทสำคัญขณะดำเนินเรื่อง เป็นตัวละครที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เรื่องมีการเปลียนแปลงเกิดขึ้น
ตัวละครประกอบ เป็นตัวละครที่ช่วยในการดำเนินเรื่อง ได้แก่ ปรียา พ่อ แม่ พี่ชาย
ครูสว่าง
ตัวละครที่ปรากฏชื่อแต่ไม่ปรากฏการกระทำ มีเพียงตัวละครอื่นในเรื่องกล่าวถึง ได้แก่ ครูเจริญ ครูอารมณ์ ครูอ่ำ ครูเตือนใจ ผู้ใหญ่ถวิล ลุงเกตุ นายช้วน น้าชัย ยายแฟง
ทหารสี่ห้านาย
5. บทสนทนา ในเรื่องบ้านเกิดผู้เขียนสื่อแนวความคิดหรือทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางบทสนทนของตัวละคร เป็นการแสดงความรอบรู้ของผู้เขียน และเป็นบทสนทนาที่คมคาย แฝงแง่คิด ทำให้เรื่องมีความน่าสนใจสนุกสนาน และมีชีวิตชีวาดูสมจริงมากยิ่งขึ้นของเรื่อง โดยผู้เขียนใช้บทสนทนาในเรื่องไม่มาก แต่มีความกระชับรัดกุม มีความเป็นธรรมชาติเหมือนข้อความที่คนทั่วไปใช้พูดกัน มีการเลือกสรรคำที่มีความหมายกับเนื้อเรื่องและช่วยในการดำเนินเรื่อง ตัวละครพูดจาโต้ตอบกัน ทำให้เรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้น
ตัวอย่างเช่น แม่มองไก่มองเข็มตาชั่ง แล้วมองหน้าฉัน
ฉันยิ้ม “ นี่ไก่ของเธอ ”
“ ครับ ” ฉันตอบไม่เต็มปาก
แม่ฟาดไม่เรียวขวับเข้าที่ต้นแขนฉัน
“ เธอโกหกครูได้ ” แม่พูด
“ แต่อย่าโกหกแม่ของเธอ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 47 )
เป็นบทสนทนาระหว่างตัวละคร “ แม่ ” กับ “ ฉัน ” บทสนทนานี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ แต่ก็สามารถแสดงอารมณ์ของตัวละครในเรื่องได้ดี อีกทั้งยังมีการใช้คำบรรยายประกอบบทสนทนาให้เห็นภาพเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี
6. ฉากและบรรยากาศ ในเรื่องบ้านเกิดผู้เขียนบรรยายภาพของสถานที่ต่าง ๆ อย่างละเอียด ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับสถานที่นั้น ๆ อย่างละเอียดชัดเจน มีการใช้คำบอกให้ผู้อ่านทราบสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ของเรื่องไว้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างเช่น “ ที่บ้าน? --- ฉันต้องพูดแบบนี้จริง ๆ ด้วยละ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 46 )
เป็นการบอกให้ทราบว่าฉากของเรื่องในตอนนี้คือที่บ้าน และนอกจากนี้บรรยากาศในเรื่องจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของตัวละคร บรรยากาศแสดงสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสังคมชนบท
ตัวอย่างเช่น “ กลางคืนที่ทั้งบ้านสว่างไสวได้ คืนที่มีคนมาอออยู่เต็มลานหน้าบ้าน ไล่หมาให้ไปหอนกันอยู่กลางทุ่งนา ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 56 )
7. กลวิธีในการเขียน
7.1 กลวิธีการเล่าเรื่อง ในเรื่องบ้านเกิดผู้เขียนเล่าเรื่องแบบมุมมองของผู้เล่าเรื่องปรากฏตัวในฐานะตัวละครในเรื่อง โดยที่ผู้เล่าเรื่องมีบทบาทและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้เล่าเรื่องแทนตัวเองด้ยการใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 คือ “ ฉัน” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง ทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบ มาให้ผู้อ่านได้ทราบ
7.2 กลวิธีการตั้งชื่อเรื่อง “ บ้านเกิด ” เป็นชื่อเรื่องมีความน่าสนใจ ทำให้ผู้อ่านอยากที่จะรู้เนื้อหาภายในเรื่องและติดตามอ่าน เป็นการตั้งชื่อเรื่องโดยตั้งตามลักษณะแนวคิดสำคัญของเรื่องที่สะท้อนให้เห็นปัญหาของชีวิตในระดับครอบครัว
7.3 กลวิธีการสร้างความขัดแย้ง ในเรื่องบ้านเกิดผู้เขียนใช้กลวิธีการสร้างความขัดแย้งที่เป็นปัญหาสำคัญของเรื่องซึ่งตัวละครต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในตัวละครเอง ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในจิตใจของตัวละครเอง แล้วมีผลทำให้ตัวละครเกิดความทุกข์ โดยการสร้างตัวละครที่มีลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิดและการกระทำ ฉันเป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งทางความคิดดีเพราะอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น แต่ได้กระทำสิ่งที่ขัดต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย
8. สำนวนภาษา
8.1 การใช้ถ้อยคำ ในเรื่องบ้านเกิดผู้เขียนมีการเลือกสรรคำที่มีความประณีต มีความไพเราะของเสียง
คำซ้ำช่วยในการย้ำความหมายมีการใช้อยู่มากมาย ที่ปรากฏในเรื่องส่วนใหญ่เป็นการซ้ำคำโดยใช้ไม้ยมก ตัวอย่างเช่น
“ แม่เองก็มีงานวุ่นอยู่ในสวนครัวเล็ก ๆ ใกล้ ๆ สวนมะพร้าวของพ่อ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 54 )
“ จำได้ไหมเมื่อวงดนตรีสมัครเล่นของพ่อได้ออกงานไปครั้งสองครั้ง พวกเขาก็คิดจะตั้งวงกันจริง ๆ จัง ๆ พ่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเดินไปเยี่ยมบ้านต่าง ๆ พร้อมรถเข็น ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 62 )
“ ฉันไม่สนุกนักหรอก ฉันกลายเป็นเด็กเงียบ ๆ หงิ่ม ๆ บางทีออกจะซึม ๆ ด้วยซ้ำ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 85 )
และยังมีการซ้ำคำโดยการใช้คำคู่อยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น
“ พี่เป่าทรัมเป็ตได้ เป่าคลาริเน็ตได้ แล้วพี่ยังเล่นแอคคอเดียนได้อีก ขณะฉันเป็นแต่ตีทอมบาให้ดังตุ้มตุ้ม ไม่มีใครสอนฉันเลยนี่ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 60 )
คำซ้อนมีปรากฏอยู่มากมาย มีทั้งที่เป็นซ้อนเสียงและซ้อนความหมาย ทำให้เกิดคำที่เน้นความหมาย และมีเสียงที่ไพเราะ
ซ้อนเสียง ตัวอย่างเช่น
“ ฉันจำได้ว่าแกมีทีท่าเป็นไข้หนักปานใด เมื่อมืดค่ำแล้วเครื่องขยายเสียงยังมาไม่ถึง และยังจำได้ว่าแกตื่นเต้นดีใจเพียงใด ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 48 )
ซ้อนความหมาย ตัวอย่างเช่น
“ ฉันได้เห็นรูปภาพเหล่านั้น มันทำให้ฉันทั้งตื่นเต้นและนึกขำพวกผู้ใหญ่ไปในขณะเดียวกัน ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 70 )
“ เมื่อค่ำคืนมาถึงไม่มีแสงเจ้าพายุและเสียงดนตรีอีก ความสนุกสนานได้บินหนีจากบ้านเราไปแล้ว ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 75 )
“ ฉันไม่รู้หรอกว่า ในหัวซึ่งสับสนอลหม่านนั้น ฉันได้คิดถึงอะไรบ้าง ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 88 )
การเล่นคำเพื่อย้ำความหมายและเสียงก็มีปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน เช่น คลั่งไคล้ใหลหลง สับสนอลหม่าน หลอมละลาย เละเทะปนเประ เพ้อเจ้อเหลวไหล เหตุผลกลใด ตกอกตกใจ เศร้าเสียใจ นินทาว่าร้าย ยากเย็นแสนเข็น เป็นต้น
“ ไม่มีใครไปด้วยเลย ไม่มีเธอ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มีแต่พี่ …”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 79 )
เป็นการย้ำคำให้เห็นว่าไม่มีใครไปด้วยเลยจริง ๆ นอกจากพี่ ทำให้ถ้อยคำมีความไพเราะของเสียงมากยิ่งขึ้น
8.2 การเรียบเรียงประโยค ประโยคที่ใช้ส่วนใหญ่ผู้เขียนเรียบเรียงอย่างประณีต มีความไพเราะในด้านของเสียง แต่ก็ไม่ละทิ้งการสื่อความหมายแบบตรงไปตรงมา ได้ความ
ตัวอย่างเช่น “ ใคร ๆ ต่างก็ชมว่าฟันเธอสวย ซีคม เป็นแถวเรียบและขาววับ เป็นเพราะพ่อนั่นหรอกที่สอนให้พวกเราแปรงฟัน ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 48 )
นอกจากนี้ยังมีการใช้คำวิเศษณ์มาช่วยในการเสริมความหมายของคำในประโยคให้มีความงดงามมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น “ เรานั่งมองตาแป๋ว ปล่อยจานขนมไว้จนเย็นชืด ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 55 )
8.3 การใช้โวหาร ในเรื่องบ้านเกดมีการใช้โวหารภาพพจน์หลายชนิดทำให้สำนวนภาษามีความไพเราะ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้อ่านเกิดภาพและอารมณ์คล้อยตาม
อุปลักษณ์ เช่น “ สนานหน้าโรงเรียนกลายเป็นทะเล ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 46 )
“ อดีตซึ่งหวนมาทำร้ายเป็นกาฝากแห่งวันวานซึ่งคอยดูดกินเรา ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 98 )
“ ตอนนั้นถนนยังคงเป็นฝุ่นดินแดง ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 103 )
“ ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีใครเลย รอบกายคือเนื้อที่ว่างเปล่า ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 105 )
อุปมา เช่น “ ฉันรู้สึกราวกับกำลังปีนภูเขา ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 50 )
“ ปักไม้รวกแล้วเดินคลี่กัดสบายราวกำลังเดินอยู่บนถนน ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 50 )
“ ฝักถั่วทำให้คันราวโดนบุ้ง ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 54 )
“ สองมือประคองไมโครโฟนรูปสี่เหลี่ยมแบน ๆ ไว้ ทะนุถนอมราวเป็นไข่ไก่ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 58 )
“ ผิวขาวราวไม่เคยโดนแดด ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 68 )
“ คราวนี้ฉันกลับเจอปืน-- ปืนพกกระบอกโตและกระสุนอีกกล่องหนึ่ง ฉันกลัวราวรื้อไปเจองูเห่า ซ้ำมันยังชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ฉัน ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 77 )
อติพจน์ เช่น “ บ้านทั้งหลังกระเทือนด้วยเสียงหัวเราะ ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 55 )
ในเรื่องบ้านเกิดยังมีการใช้คำศัพท์ภาษาต่างประเทศอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีนัก ซึ่งเป็นคำที่ผู้อ่านและคนทั่วไปคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น เบบี้ เป็นต้น
8.4 ระดับภาษา ในเรื่องบ้านเกิดมีการใช้ภาษาแบบไม่เป็นทางการ เป็นภาษาแบบที่คนทั่วไปใช้พูดกัน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจภาษาได้ง่าย
ตัวอย่างเช่น “ โง่ ๆ อย่างแกไปฝึกทอมบาโน้น ไป๊! ”
( ตัดตอนมาจากเรื่องบ้านเกิด หน้า 61 )
...................................................................................................................
แผ่นดินอื่นวรรณกรรมอันล้ำค่า
ห้วงเวลาจารึกไว้ใต้ฟ้าใส
ห้วงคำนึงระลึกถึงแม้จากไป
ด้วยอาลัยแด่...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
เอกสารอ้างอิง
สุนทรี คุณจักร์. (2539). เอกสารประกอบการสอนการอ่านเชิงวิเคราะห์. ชลบุรี :
มหาวิทยาลับบูรพา. (อัดสำเนา).
กนกพงศ์ สงสมพันธุ์.(2539). แผ่นดินอื่น. (พิมพ์ครั้งที่ 2). ปทุมธานี : นาคร.
ผมอ่านบทวิเคราะห์ของพี่แล้วนะคับ...พี่วิเคราะห์ได้ละเอียดดีจริง
ผมอยากให้พี่ลง เรื่องย่อ ของ บ้านเกิด ด้วยอ่ะคับ...ผมอยากได้มากเลยคั
ผมขอความกรุณาช่วยลง เรื่องย่อ บ้านเกิด ให้ด้วยนะคับ
จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง...ขอบคุณคับ
วิเคราะละเอียดดีต่ะ ใช้เป้นตัวอย่างใในการทำ รายงานสองครั้งแล้ว
นู๋ได้อ่านบทวิเคราะห์ของพี่มาหลายรื่องแล้ว พี่วิเคราะห็ละเอียดดีมากค่ะ
พี่ค่ะนู๋อยากได้บทวิเคราะห์วรรณกรรมซีไรท์ เรื่อง ลับแลแก่งคอยคร่าา
อยากศึกษาเป็นแนวทางในการวิเคราะห็ค่ะ (ส่งงานจารย์) พี่ช่วยตอบด้วยน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ ^^
เรื่องนี้ดีมากเลยค่ะมีสาระดี
หนูไดเอาไปเป็นเเบบในการเขียนโครงงานด้วยค่ะ
พี่ค่ะ คือหนูพยายามหาเรื่อง บ้านเกิด แบบเต็มมาทำงานส่งครูมากเลย
พยายามหาแล้วหาไม่ได้ ช่วยกรุนาส่งเมล์มาให้ได้ไหมค่ะ
สำหรับน้องๆ หรือผู้ที่สนใจ อ่านเรื่องสั้นเรื่อง "บ้านเกิด" หรือต้องการเนื้อหา ที่จริงผมมีหนังสือเรื่อง "แผ่นดินอื่น" อยู่แต่ไม่รู้ว่าแบ่งปันอย่างไรดี? ถ้าใครสนใจจริงๆ ลองไปหาตามร้านหนังสือ หรือห้องสมุดต่างๆ มีแน่นอน เรื่องบ้านเกิด อยู่ในหนังสื่อรวมเรื่องสั้น ชุด แผ่นดินอื่น ของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ประกอบด้วยเรื่องสั้น 8 เรื่อง ที่สะท้อนปัญหาของชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว สังคม นำเสนอชีวิตหลากหลายด้วยแนวธรรมชาตินิยมสะท้อนความคิด ความเชื่อ คุณค่า และคตินิยมพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้งและแหลมคม ชี้ให้เห็นว่าสังคมแม้ต่างวัฒนธรรม ต่างความเชื่อ มนุษย์ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไมตรีสัมพันธ์ เป็นเรื่องสั้นที่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ การนำเสนอรายละเอียดประณีต เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้ใช้จินตนาการที่เป็นอิสระ ผู้เขียนใช้ภาษาถ่ายทอดเหตุการณ์และความรู้สึกได้อย่างงดงาม (วิกิพีเดีย)
อยากได้เนื่อเรื่งบ้านเกิดมากเลยคะ
ส่งเรื่องย่อ บ้านเกิดมาให้หน่อยคับ
อยากได้รื่องย่อมากค่ะ รบกวนส่งให้หน่อยได้มั่ยค่ะ
อยากได้เรื่องย่อมากๆครับ รบกวนด้วยนะครับ
หนูได้อ่านแล้ว พี่ วิเคราะห์ได้ดีมากค่ะ แต่หนูอยากได้เรื่องย่อเรื่อง บ้านเกิดมาอ่านดู รบกวนส่งมาให้อ่านหน่อยได้ไหมค่ะ ที่ [email protected]
อยากรู้การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ กำลังทำรายงานเรื่องนี้อยู่
มีคนเขียน รีวิว หนังสือ "แผ่นดินอื่น" ไว้ตามลิงค์ครับ
หนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีนะ เรื่องราวในหนังสือสื่อถึงอะไร น่าติดตามแค่ไหน ลองมาอ่านรีวิวได้ที่นี่จ้า http://goo.gl/YP7dIo
รบกวนช่วยส่งเนื้อเรื่อง ของ "บ้านเกิด" ให้หน่อยได้ไหมครับที่
รบกวนช่วยส่งเนื้อเรื่อง หรือย่อให้หน่อยได้มั้ยคะ พอดีจะเอาไปเขียนรายงานส่งอาจารณ์อ่ะค่ะ พลีสสสสสสสส!!
เนื้อเรื่อง เรื่องบ้านเกิดสามารถหาอ่านในเว็บไหนได้บ้างค่ะ หรือใครมีเนื้อเรื่องรบกวนส่งลิงค์มาให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
อยากได้เนื้อเรื่อง เรื่องบ้านเกิด รบกวนส่งเนื้อเรื่องมาให้หน่อยได้ไหมค่ะ ได้โปรดเถอะค่าาาา
แอดคะรบกวนช่วยส่งเนื้อเรื่อง หรือย่อให้หน่อยได้มั้ยคะ เพราะหนูต้องทำการบ้านส่งครูคะ
ข้อคิดที่ได้รับ
อยากได้สรุปเนื้อเรื่องไปส่งอาจาย์โปรดเมตตาหนูด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ.