คุณเคยมีเรื่องที่อยากทำ และยังไม่มีโอกาสทำไม๊
มันเหมือนค้างๆคาๆ ใจอยู่ตลอดเวลา..
อารมณ์ประมาณว่า..ถ้าไม่ได้ทำเรื่องนี้
..ชีวิตคุณก็ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ซักที
...
หลาย ปีที่แล้ว..
ที่ผมมีความปรารถนาจะไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองกับใครคนหนึ่ง...
โชคร้ายที่เครื่องฉายดวงดาวมันเจ๊งพอดี..
ต้องไปซ่อมถึงเยอรมัน..
เราตกลงกันว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาดูดาวที่นี่ด้วยกันอีกครั้ง....
..
แต่โอกาสนั้นก็ไม่เคย..มาถึงเลย..
ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน
ผมทำได้แค่ทำหน้าที่ถือสัมภาระให้ใครอีกคนเลือกของจนพอใจ..
ส่งเธอคนนั้นที่สนามบิน...แล้วก็กลับบ้าน
Love story ของผมก็จบลงง่ายๆ....แค่นี้..
ไม่มีเซอร์ไพรส์ .. ..คนดูหลังเครดิตท้ายเรื่อง..
นางเอกไม่เปลี่ยนใจมาชอบพระรองอย่างผมอยู่ดี..
ชีวิตจริงๆ..มันก็เป็นแบบนี้..
ไม่มีใครสนใจกับความรู้สึกของใคร..ไปตลอดหรอก….
....
ความคิดที่จะกลับไปที่ห้องฉายดวงดาว
ยังคงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจผมเสมอ
มันแค่รอโอกาสที่เหมาะสม....
ผ่านไป 3 ปี..
ผมเรียนจบ...
และมีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง รถไฟฟ้า..
เลยรู้ว่า เครื่องฉายดาวซ่อมเสร็จแล้ววว
นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมได้กลับมายืนนอยู่ที่นี่อีกครั้ง
ท้องงฟ้าจำลอง กรุงเทพมหานคร
พอลงจากBTS เอกมัย ผมก็เริ่มงานอดิเรกของผมทันที
คือ
“หลงทาง”
... เพราะที่เคยจำได้ว่ามันเดินจากบีทีเอสไปไม่ถึง 200เมตร ก็เจอ
แต่นี่มันเกือบ 500 เมตรแล้ว ทางไม่คุ้นเลยหลงแน่ๆเลย
เลยถามยามแถวๆนั้น...
จริงด้วย....
.”หลง”
ก็มันตั้ง 3 ปีมาแล้วนี่...ใครจะไปจำได้(>_<)
..
เดินย้อนกลับมาอีก
พอถึงทางเข้าท้องฟ้าจำลอง
ฝนเทลงมาทันที
โห….
พล็อตหนังโรแมนติคชัดๆ.... ชิ(ไมมันต้องตกด้วยว่ะ)
ร่มก็ไม่ได้เอามา...
วิ่งฝ่าฝนเข้าไปในอาคารใหญ่
ผมมาทันรอบ บ่าย 2 โมงครึ่งพอดี
แต่เวลาตอนนี้แค่บ่ายโมงครึ่ง..
คงต้องนั่งมองสายฝนฆ่าเวลาไปก่อนช่วงนี้..
..
..
..
(อยากรู้ว่าน้ำหนักตนเองเมืออยู่บนดวงจันทร์จะหนักเท่าไหร่..ลองชั่งดู)
(ช่วงนี้ท้องฟ้าจำลองกำลังฉลอง 45 ปี พอดี)
คนเยอะมากที่มารอดูห้องฉายดาว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงปิดเทอมหรืออิทธิพลของหนังรถไฟฟ้า
ตัวผมเริ่มร้อนๆหนาวๆ..
สงสัยจากเพราะตากฝนเมื่อครู่นี้….
..
นั่งเหม่อมองดุคู่หนุ่มสาว
ดูเด็กๆที่มากับพ่อแม่วิ่งเล่นไปมา.....
นึกถึงคนที่เคยมาด้วยกันเมื่อ 3 ปีก่อนนี้….
ป่านนี้คงสบายดีๆ.....
และไม่รู้ถึงเรื่องไร้สาระ..ที่ผมกำลังจะทำในวันนี้..
ลมพัดเย็นๆ
ฝนตกโปรยปราย
บันยากาศน่านอนจัง
คิดทบทวนตัวเองไปมาว่า
ผมจะทรมาณตัวเอง
ถ่อจากบ้านนอกมา นั่งสัปหงกทำแป๊ะที่นี่ทำไม..
อ่ะ นะ ไหนๆก็มาแล้ววว..
ทำภารกิจคาใจให้มันเสร็จสิ้นไปดีกว่า..
จะได้นอนตายตาหลับ...
..
(ห้องฉายดวงดาว)
เสียงผู้ประกาศ
เรียกให้ผู้ที่มีบัตรรอบบ่าย 2 ครึ่ง เข้าห้องฉายดวงดาวได้
ผมซึ่งซื้อบัตรไว้สองใบ(ทำไมวะ) ...ทั้งที่มาคนเดียว
พึ่งรู้ว่า...เค๊าไม่มีการนั่งตามเลขที่นั่งหรอก
ใครอยากจะนั่งตรงไหนก็นั่ง เอาเข้าจริงที่นั่งที่ซื้อไว้ให้อีกคน ...มันก็สูญเปล่า...
..
(เครื่องฉายดวงดาวกลับมาจากเยอรมันแล้ววว)
พอทุกคนอยู่ในห้องแล้วทุกอย่างก็อยู่ในความมืด
ภาพดวงอาทิตย์ดวงน้อยตกปุ๊บ
ดวงดาวนับล้าน ก็ลอยขึ้นมาเต็มท้องฟ้า
เสียงคนฮือฮาอื้ออึง ... สวยจัง....
เสียดาย ที่ใครอีกคนไม่ได้อยู่ตรงนี้...
..
..
.
..
บันยากาศดีจริงๆ
น่าจะเอาเสื้อมาปูนอนดู แทนเก้าอี้ที่เขาจัดให้
..
..
..คิดได้แค่นี้..
ผมก็ Rest In Peace
สบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน..
..
..
ไฟห้องฉายดาวสว่างอีกครั้ง..
ผู้คนปรบมือและเริ่มทยอยเดินออก
ผมถูกสะดุ้งตื่นจากเสียงปรบมือ....
กรรม ... หลับซะงั้น..(>_<)..
เดินสลึมสลือ ออกมานอกห้องฉายดาว
ฝนยังไม่หยุดตก...
ผมคงต้องวิ่งฝ่าฝนไปขึ้น บีทีเอส อีกครั้ง
..
กลับถึงบ้านนอกเกือบ 2 ทุ่ม
โยนพาราสองเม็ดใส่ปาก
กระโดดขึ้นเตียงนอน
แล้วหลับอย่างสบายใจ
เฮ้อออ...
“ผมพึ่งทำเรื่องไร้สาระ....ที่รบกวนหัวใจผมมาตั้ง 3 ปี
สำเร็จแล้ววว..”
....