เข็มทิศชีวิต..ฐิตินาถ ณ พัทลุง ตอนที่2


ที่มา...http://apichoke.com/index.php?topic=3941.0

 

11.หนีทุกข์ตลอดเวลา                                                                                                                                    หัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิตคือ การรู้จักที่จะหยุดฟังเข็มทิศภายใน ในชีวิตที่ทุกอย่างเป็นของสำเร็จรูป ตั้งแต่กาแฟ บะหมี่ ไปจนถึงวิธีดำเนินชีวิต วิธีประสบความสำเร็จ วิธีบอกรักใครสักคน สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ ลวกๆ ผลที่ได้ก็ ตื้นๆ คร่าวๆ ตามมา ชีวิตเป็นสิ่งลึกซึ้ง อ่อนโยน สิ่งดีที่สุดใจเราโหยหาอยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลา แต่เราไม่เคยสัมผัส ใจเราถูกห่อหุ้มปิดบังไว้ด้วยความวุ่นวายภายนอกและภายใน การฝึกให้เราว่องไวต่อความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง เริ่มจากการที่ตามรู้จิตใจของเราให้ได้ทันกับการเกิดขึ้นแต่ละขณะ ต้องใช้การฝึก หลายคนมักจะบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าอึดอัด ที่ต้องมาตามรู้ร่างกายและจิตใจของตัวเอง สิ่งที่อยากจะบอกก็คือร่างกายและจิตใจนี่แหละ คือความจริงของชีวิต ตลอดเวลาเราหนีความจริงที่ว่าร่างกายและจิตใจของเราอยู่ในสภาพที่ถูกบีบคั้น เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บังคับไม่ได้ อยู่บ้านเบื่อก็ไปเที่ยว เที่ยวมากๆ เหนื่อย ทุกข์ ก็ต้องกลับมาพักที่บ้าน ... ทำงานที่นี่เบื่อ ทุกข์ ก็เปลี่ยนงานใหม่ .อยู่กับแฟนคนนี้ เบื่อ ทุกข์ เปลี่ยนแฟนใหม่ .เราหนีอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งชีวิต โดยไม่มีโอกาสหยุดพิจารณาว่า สาเหตุใหญ่ของความทุกข์เริ่มที่ใจ แล้วเราก็หนีที่จะไม่เผชิญหน้ากับมัน แล้วหากเกิดมันเป็นเรื่องที่เราหนี ไม่ได้ เช่น ปัญหา ของคนในครอบครัวเรา ในชีวิตเรา หรือโรคร้ายที่เกิดกับตัวเราที่เราหนีไม่ได้ เราจะทำอย่างไร การฝึกตามรู้ร่างกายและจิตใจ ทำให้เราสามารถอยู่กับสิ่งที่เป็นทุกข์ โดยที่ใจเราไม่ทุกข์ได้ เหมือนเป็นแค่คนเฝ้ารู้ เฝ้าดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่ดิฉันเล่าว่า ได้เห็นด้วยตัวเอง เมื่อความเจ็บปวดเกิดขึ้นบนร่างกาย แต่ไม่สามารถลากใจเราให้กระเพื่อมทุรนทุรายตามไปได้ มีหาง ปวดหาง มีครั้งหนึ่งในหลักสูตรที่เราทุกคนมีหน้าที่ตามรู้ ดูร่างกายและจิตใจตนเอง มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นไปบอกวิทยากรผู้ดูแลว่า "ผมคิดว่า ถ้าผมอยู่ต่อไป ผมคงเป็นอัมพาต หรืออัมพฤกษ์อย่างแน่นอน เพราะผมปวดหัว ปวดคอ ปวดหลัง ปวดเอง ปวดขา ปวดไปหมดทั้งตัว" คุณยายอีกท่านหนึ่งก็รีบเสริมทันทีว่า "จริงคะ คุณยายแก่แล้ว เขาให้นั่งก้าอี้ นั่งยังไม่ถึง 5 นาที กระดูกกระเดี้ยวยายแทบจะหักเป็นท่อนๆ ทั้งที่ตอนอยู่บ้าน ยายนั่งเล่นไพ่สามวันสามคืน ลูกหลานต้องส่งน้ำส่งข้าวในวงไพ่ ยายยังสบายๆ " วิทยาการหันหน้าไปทางชายคนแรกแล้วถามว่า " ปวดทั้งตัวเลยเหรอ แล้วปวดหางบ้างไหม" ชายคนนั้นตอบทันทีว่า "ไม่ปวด" วิทยากรจึงตอบว่า "เออดีนะ ที่ไม่มีหาง ไม่อย่างนั้นคงจะปวดหางเข้าไปด้วยอีกอย่างหนึ่ง" ตอนแรกที่ได้ยิน ดิฉันขำเอามากๆ แต่ขำได้เพียงครู่เดียวก็ขำไม่ออก จริงของวิทยากร ถ้ามีหางก็คงทุกข์เรื่องหางเข้าไปด้วยอีกอย่าง มีร่างกายทุกข์เรื่องร่างกาย มีลูก มีครอบครัว ก็ทุกข์เรื่องลูก ครอบครัว มีงาน ก็ทุกข์เรื่องงาน มีหนี้ มีทรัพย์สิน มีญาติ ก็ทุกข์เรื่องหนี้ เรื่องทรัพย์สิน เรื่องญาติ ทุกอย่างที่เรามี เราเป็น เราทุกข์กับมันทั้งสิ้น แล้วเราทำอย่างไร เราต้องไม่มีอะไรเลยหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องทุกข์ ไม่มีปัญหา แต่ความจริงก็คือ เรามีได้ทุกอย่าง เพียงแต่เมื่อใหร่ก็ตามที่ใจเราหลงอยาก หลงคิด อยากบังคับให้เป็นอย่างใจเรา เราก็แค่รู้ทันใจที่กำลังแอบไปสร้างภาระให้ตัวเอง สร้างเงื่อนไขไว้ให้เป็นปัญหาในอนาคต ทันทีที่รู้ ขณะนั้นใจที่เห็นตัวเองกำลังกำก้อนหนาม กำลังยึดอยู่ มันจะปล่อย จะวางเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้หลวงพ่อวัดไหนมาบอกให้ปล่อยวาง เพราะเราทุกคนรักตัวเอง ห่วงตัวเอง ถ้าเราได้เห็น ได้รู้ทันว่า เรากำลังกำก้อนทุกข์ กำลังกำของร้อนอยู่ เราจะปล่อยเองโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องห่วงเลยว่า เราจะทำหน้าที่ได้ไม่ดี นักวิ่งที่แบกของหนัก แบก
ภาระเงื่อนไข เป็นลูกตุ้มผูกขาเต็มตัวไปหมด จะสู้นักวิ่งตัวเบาไม่แบกอะไรได้อย่างไร
  

12.หนอนในกองอึ 
                                                                                                                                                                                ทุกวันนี้ เราคิดว่าเรารู้ทุกอย่าง เราคิดว่าเราดี มีความสุขอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเรา เหมือนหมูที่กิเลสเลี้ยงเอาไว้เชือด ให้ความสุขเล็กๆ น้อยๆ มาล่อ พอติดใจก็เหมือนปลาเบ็ด ที่ถูกความทุกข์เกี่ยวจนปวดแสบปวดร้อนที่ใจ หาทางออกไม่ได้ เหมือนที่ครูบาอาจารย์วัดป่าท่านมักจะเปรียบว่าเราเป็นเหมือนพวก "หนอนในกองอึ" (ท่านใช้คำแบบนี้จริงๆ) สมมุติว่ามีกองอึกองอยู่ตรงหน้าเรา 1 กอง แล้วมีหนอนอยู่ในนั้น ทั้งเน่าทั้งเหม็น เราอยากจะช่วยหนอน หยิบหนอนออกมาวางไว้นอกกองอึ คุณคิดว่าหนอนจะทำยังไง แน่นอน หนอนจะคลานกลับเข้ากองอึไปทันที เหมือนทุกครั้งในชีวิต ที่เรามีโอกาสช่วยตัวเองให้หลุดจากวิถีชีวิตที่ทำร้ายเรา สร้างปัญหา สร้างความทุกข์ให้เรา แต่แล้วเราก็ยอมกลับไปอยู่กับสิ่งเดิมๆ ที่เราชิน ทั้งๆ ที่รู้ที่เห็นว่ามันเหม็นแค่ไหน เพียงแค่เราเข้มแข็งสักนิด ยอมฝึกฝนตัวเองสักหน่อย ไม่มีอะไรในชีวิตที่ได้มาง่าย ปริญญาทางโลก เราใช้เวลาเกือบยี่สิบปี ปริญญาทางจิตใจที่มีความสำคัญที่สุด เรากลับไม่มีเวลาให้ ไม่เคยมีเวลาศึกษา กลับทุ่มเทให้คนอื่น ของอื่นทั้งชีวิต ไม่มีเวลาแม้เพียง 3 วัน 7 วัน เพื่อเริ่มต้นฝึกให้

13.ตัวปัญหาที่แท้จริง
                                                                                                                                                                                คือ กายกับใจ เมื่อก่อนดิฉันเคยนึกว่าสิ่งต่างๆ นอกตัว งาน เงิน คน สร้างปัญหาให้เรามากมาย แต่เมื่อเราศึกษากลับมาที่ตัวเอง เราจะเห็นเลยว่า สิ่งที่ทำให้เรายุ่งยากมากมายไม่ใช่ของข้างนอกเลย แต่เป็นตัวเรา ร่างกาย และจิตใจของเราต่างหาก ร่างกายของเราดูแลอย่างดีแค่ไหน เดี๋ยวก็ปวด หิว ขับถ่าย เมื่อย เหี่ยว ป่วย เมื่อเราได้เห็นได้เข้าใจร่างกายของเราว่า มันมีสภาพเน่าเหม็น เสื่อมโทรม เดี๋ยวหิว เดี๋ยวปวดเมื่อย ต้องขับถ่ายอยู่ตลอดเวลา ใจเราก็จะคลายความรักในร่างกายนี้ลง มันจะเหี่ยวไปบ้าง เจ็บป่วยไม่สบาย หรือแม้ยามจะตาย หากยังประคับประคองจิตใจไว้ได้ ตัวเองก็ไม่รู้ทุรนทุรายเดือดร้อน คนรอบตัวก็จะได้ เดือดร้อนน้อยลงไปด้วย จิตใจเรายิ่งแล้วใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่สุขสบายอย่างไร ก็ยังหาเรื่องให้เราต้องทำโน่นทำนี่ สนองตามความคิดจนเราต้องทุกข์ยากลำบาก ก็ยังไม่เคยหยุดคิด หยุดอยาก ปรุงแต่ง ไม่เคยหยุด ไม่เคยพอ แต่เมื่อเราได้ฝึกการตามรู้จิตใจตัวเองดีแล้ว สิ่งที่เราจะต่างกับตอนที่เรายังไม่ได้ฝึกก็คือ ตอนที่เรายังไม่ฝึก ใจของคนทั่วๆ ไปก็จะปรุง-คิด-ทุกข์ แต่ใจที่ฝึกดีแล้ว จะเป็น ปรุง-คิด-รู้ จบไป ตัดกระแส หยุดความทุกข์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่มันเริ่มคิด เพื่อให้เราสามารถทำหน้าที่ใด้ด้วยใจที่ปลอดโปร่ง เพราะชีวิตคนเรา เราอาจเลือกไม่ได้ให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่เราสามรถเลือกที่จะทำ

 

13.รั้วกั้นใจ                                                                                                                                                       เคยบ้างไหม ที่อยู่ดีๆ ใจเกิดอยากกินบะหมี่เจ้านั้น หรือ ส้มตำเจ้านี้ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน เราก็ดั้นด้นไปหามารับประทานตามที่ใจอยากกันจนได้ ในชีวิตเราๆ ถูกกิเลสพาให้เราวิ่ง ๆ ๆ อย่างนี้ตลอดทั้งชีวิต แค่คิดอะไรขึ้นมาก็ต้องทำตามนั้น โดยที่ไม่ทันได้พิจารณาว่าเหมาะควรดีหรือไม่ แล้วถ้ามันไม่ใช่แค่เรื่องบะหมี่ชามเดียว หรือ ส้มตำจานเดียว แต่เป็นคนรัก ของรักของคนอื่น เงินทอง ข้าวของ ความร่ำรวยของคนอื่นล่ะ ถ้าเราไม่เฝ้าตามดูใจตัวเอง เมื่อเราเกิดอยากได้ แล้วทำตามที่เราอยาก เราก็อาจจะต้องไปแย่งแฟน หรือคนรักของคนอื่น หรือต้องไปเสี่ยง ไปโกงเขามา เพื่อให้มีอย่างที่อยากได้ หรืออยากเป็น โดนแค่อ้างกับตัวเองว่า ก็ทำไงได้มันรักไปแล้ว หรือเราก็มีสิทธิ์อยากได้ อยากมี อยากเป็น เหมือนคนอื่นเหมือนกัน หมาหรือแมวที่เอามาเลี้ยงไว้ เรายังต้องฝึกให้ถ่ายเป็นที่เป็นทาง ฝึกให้ทำตัวดีๆ คนที่เริ่มงานก็ต้องฝึกงาน แต่ใจที่เราใช้อยู่ทุกวันไม่เคยถูกฝึก เราปล่อยใจเหมือนลูกหมาไม่มีเจ้าของ อยากทำอะไรก็ทำ แต่เมื่อเกิดทุกข์ขึ้นมา ก็จนปัญญาจะช่วยเหลือตัวเองได้ ชีวิตเรา รถยังไงต้องมีเบรก บ้านยังต้องมีรั้ว ใจทั้งใจเราไม่คิดติดเบรก กั้นรั้ว ให้ใจเราบ้างเลยหรือ การที่เราหมั่นสังเกตจิตใจตัวเอง เป็นการกั้นรั้ว ติดเบรกให้ใจตัวเองอย่างดีที่สุด เรามักจะใช้ ตา หู จมูก ลิ้น ร่างกาย จิตใจในการหาเงิน เสพสุขจากสิ่งต่างๆ เพื่อให้ความเพลิดเพลินแก่ตัวเอง ในขณะที่ใช้ความรู้ที่เราเรียนมาหาเงิน หาของ หาวัตถุ หาใส่ตัวให้ได้มากที่สุด แต่มีบางสิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เราไม่เคยเรียน ที่ทำให้การหาของเรา การเสพของเรา ไม่เคยพาเราไปสู่จุดหมายที่เป็น

 

14.แก้วที่ไม่เคยพอ   
                                                                                                                                                                                เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้ว มากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว แต่จะมองด้านไหนก็ตาม ก็ทำให้เราคิดว่า แก้วยังขาด พร่อง ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่เสียก่อน แล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถในการหาเงิน หาของ หาความรักให้ได้มากสักเท่าใหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ เมื่อก่อนที่เราเคยคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข พอเรามีเข้าจริงๆ ปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงินสิบล้าน ร้อยล้านเลย ขนาดคนที่มีเงินเป็นหมื่นล้าน ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ เมื่อก่อนเราคือกระเป๋าใบละพันก็เก๋แล้ว เดี๋ยวนี้กระเป๋าผู้หญิงใบละ 7 - 8 แสน หรือถึงล้านก็ถือกันเกลื่อน คนที่เรารักหนักหนา ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนานๆ ใจเราก็เรียกร้องขึ้น ๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโต หาเท่าใหร่ไม่เคยเต็ม เคล็ดลับความสุขก็คือ เราสามารถที่จะพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะหาเงิน หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องรออนาคต ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลงจนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นเกินอยู่อีกเท่าตัว มีเกินพอสำหรับเรา และพอที่จะแบ่งให้คนอื่น เมื่อเราเต็ม เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้ลูก ให้คนที่เรารัก ให้กับการพัฒนาจิตใจตัวเอง ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง เข็มทิศ การลดขนาดของแก้วก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ ความรู้สึก ความคิดของเรา แต่ละขณะที่เรารู้ทันใจเราที่อยากได้ อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงานไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว ชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่นคง ..

15.ชีวิตที่ดีเริ่มต้น

                                                                                                                                                                                เมื่อเรากิน - อยู่เป็น ชีวิตที่มีคุณภาพเริ่มต้นจากการที่เราใช้ตา หู จมูก ลิ้น ร่างกาย และจิตใจของเราเป็น ใช้อย่างรู้เท่าทัน ใช้เพื่อทำประโยชน์ แต่ส่วนใหญ่ในชีวิต เรามักปล่อยตัวเองเป็นทาสแรงผลักในใจ ที่ทำให้เราเป็นปลาที่ฮุบเหยื่ออย่างเต็มเหนี่ยว โดยลืมว่า ทุกเหยื่อมีเบ็ดติดมาด้วย กว่าจะรู้ตัว ปากเราก็โดนเบ็ดเกี่ยว ปวดแสบปวดร้อน ทุกข์ทรมาน เราตกเป็นเหยื่อของการ. วันนี้ในเศรษฐกิจการตลาด ที่มีของขายชนิดซื้อเท่าใหร่ไม่หมด แสตมป์ที่ส่งจดหมายให้ไปลอยเป็นขยะในอวกาศก็ยังขายได้ .ทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร กระหน่ำใส่เรา ให้เรารู้สึกว่าเรายังดีไม่พอ สวยไม่พอ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ จนกว่าเราจะมีในสิ่งที่เขาต้องการขาย .ทางโทรทัศน์ชิ้นหนึ่งใช้ดาราสาวชื่อดั งออกมาพูดว่า ผู้หญิงอย่างพวกเรา ต้องผิวขาวเท่านั้น ยอมให้ผิวคล้ำ ผิวดำกันไม่ได้เลย ต้องไปซื้อครีมที่เขา.มาใช้ จึงจะขาวพอยอมรับกันได้ เอ... แล้วถ้าคนบางคนเขาภูมิใจในผิวดำ ผิวคล้ำ ของเขาบ้าง จะไม่มีที่ว่างพอต้อนรับคนผิวดำเลยหรือ The best things in life are free , but it costs a lot of time and money before you find this out. ถ้าเราไม่มีความรู้ตัว ไม่มีสติคอยกำกับการรับรู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ ที่สามารถทำให้เราคล้อยตามได้ง่าย ใจเราก็จะไหลตามไปโดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าที่จะรู้ตัวเราก็มีหนี้ก้อนโต หรือไปรักไปอยู่กับคนที่เราไม่ได้ต้องการ ทำงานที่ทำให้เราเป็นทุกข์ทุกวัน แต่ต้องทนทำไป เพราะเรามีภาระหนี้สินมากเกินกว่าที่จะถอยหลังได้ ดังนั้น เรารู้เท่าทันจิตใจของเราจะเป็นเข็มทิศในชีวิต ที่คอยป้องกันแต่ละขณะ ไม่ให้เราเบี่ยงเบนไปวันละ 1 องศา จนในที่สุดไปจบในที่ที่เราไม่ได้ต้องการไป เข็มทิศ ลองสักเกตจิตใจของเราเวลา เห็น. จากที่เคยปกติดี เราก็จะเริ่มรู้สึกอยากลองซื้อ เห็นอะไร ดูอะไร ใจเราก็จะลอยเคลิบเคลิ้มไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หิ้วถุงใบโตกลับบ้าน หรือไม่ก็ตอนบิลเรียกเก็บเงินบัตรเครดิตมาถึงบ้าน ให้เราผ่อนจนหัวโกร๋น อะไรก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี่เราไม่เคยฝึกตามดูจิตใจตัวเ อง เราไม่รู้สาเหตุว่าไฟในใจที่เผาไหม้ให้เราร้อนรน เริ่มที่ในใจเราเอง เราก็จะเสาะแสวงหาวัตถุ คน สิ่งต่างๆ หวังว่าเมื่อได้มาแล้วจะทำให้เราสุขมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัตถุไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้เลย ถ้าเราไม่ได้ฝึกตัวเอง เช่น - เรามีรถยนต์เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง แต่เรากลับเสียเวลาบนท้องถนนกับการเดินทางมากขึ้น เราเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น เพราะเราเลือกที่จะเดินทางไปไหนด้วยความสะดวกของ การมีรถ และเพราะคนอื่นก็ทำเหมือนกับเราเช่นกัน - เราเพิ่มถนนเพื่อให้รถติดน้อยลง ยอมถมคลอง รื้อบ้านคนให้ออกไปอยู่ไกลๆ ทุกคนซื้อรถเพิ่มขึ้น ฝนตกลงมา น้ำท่วม คลองระบายไม่ทัน เพราะถูกถมทำถนนหมด รถติดมากขึ้น เราเสียเวลาในชีวิตมากขึ้นไปอีก - อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ก็ไม่ได้ช่วยให้เราใช้เวลาทำงานบ้านน้อยลง เพราะถึงจะทำงานเร็วขึ้น แต่เราเพิ่มงานมากขึ้น เพราะเราใช้เสื้อผ้า ใช้จานเปลืองมากขึ้น - เรามีโทรศัพท์เพื่อประหยัดเวลาการติดต่อกับคนอื่น ไม่ต้องเดินทางไปพบ หรือเขียนจดหมายส่งไปหา แต่เรากลับเสียเวลามากขึ้นเพื่อพูดคุย แม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่กับครอบครัว - เรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องทุ่นแรง มากกว่าชาวบ้านที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เรากลับมีเวลาให้ตัวเองน้อยลง เพราะเราต้องใช้เวลากับอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นทำงานที่เมื่อก่อนเราไม่ทำ ในที่สุดเราก็จะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราห า โตไม่ทันกับปริมาณความอยากในใจเรา ความสุขสมบูรณ์ในชีวิตจึงไม่เคยมาถึง จนกว่าเราจะรู้จักปรับความอยากในใจเราเอง

16.ใจเสพติด 
                                                                                                                                                                               วัตถุสิ่งของ งาน เพื่อน คนรัก ต่างก็เป็นสิ่งที่มองเห็น จับต้องได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราพบว่า เมื่อเราเบื่อ หงุดหงิด เครียด กระวนกระวาย เราจะหันไปเสพติดสิ่งต่างๆ ที่จะช่วยให้เอาใจออกไปจากปัญหาที่แท้จริง คือใจ แม้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม แต่สิ่งต่างๆ ภายนอกที่เราเพียรหามาด้วยความยากลำบาก แลกกับแรงกายแรงใจ เวลาที่จะได้อยู่กับตัวเอง หรือกับคนที่เรารัก นอกจากจะไม่ได้ให้ความสุขกับเราอย่างแท้จริงแล้ว ยังให้โทษกับเราในระยะยาว เพราะมันจะทำให้เราเคยชินกับการแก้ปัญหาแบบหนีปัญหา เหมือนคนติดยาเสพติด ที่ต้องการหนีโดยการเสพยาเพียงแต่เราเสพคน วัตถุ สิ่งของ ชื่อเสียง และงาน เท่านั้น ที่สำคัญที่สุด เมื่อเราเสพติดมันไปเรื่อยๆ จะทำให้เราหมดความสามารถที่จะมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ชีวิตเราต้องพึ่งพาสิ่งต่างๆ นอกตัวอยู่ตลอดเวลา ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ ของอย่างเดิมๆ ให้ความสุขได้น้อยลง ต้องหาชิ้นใหม่สิ่งใหม่เรื่อยๆไปไม่รู้จบ เพื่อตอบสนองนิสัยเสพติดอันนี้ ทำให้เราต้องทำงานหาเงินมากขึ้น เสี่ยงมากขึ้น เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายหลักที่แท้จริงของเราไปทีละนิดๆ ทุกวัน คำพิพากษา เราตัดสินคนอื่นตลอดเวลา ลองนึกทบทวนดูเวลาที่มีใครมีความเห็น ตีค่าความคิด วัดจิตสำนึกของเรา เราจะไม่ชอบเลย ที่เขาเอากรอบความคิดของเขาเอาประสบการณ์ส่วนตัวของเขามาเป็นบรรทัดฐานในการตีค่า ว่าเราเป็นอย่างไรแล้วพูดบอกเหมือนติดป้ายให้เราตามความคิดของเขา เราก็ไม่ชอบ คนอื่นก็เหมือนกัน ไม่มีใครอยากถูกตัดสินตีค่าตลอดเวลา เราไม่มีทางรู้จักใครจนสามารถประเมิณคุณค่าของใครได้อย่างแท้จริง เพราะเราไม่ได้นั่งอยู่ในใจของเขา คนแต่ละคนมีเหตุผลในการทำ พูด คิดของตัวเอง ตามประสบการณ์ ตามแรงผลักในใจและสถานการณ์ที่เขาเผชิญ เราสามารถคอยรู้ท้นกรอบความคิดอคติในใจเรา มองคน มองโลกอย่างเป็นกลาง พยายามเข้าใจตามสภาพที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง ก่อนตัดสินใจเลือกความคิด คำพูด และการกระทำของตัวเอง เมื่อเราเข้าใจเห็นธรรมชาติที่ร้ายกาจ น่าเกลียดของตัวเอง เราก็จะเข้าใจเวลาที่คนอื่นเป็นเหมือนเรา ถ้าความรู้สึกนึกคิด และคำพูดของเราไม่ได้มีน้ำหนัก ไม่ได้เป็นแก่นสารที่คงทน เป็นสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นแล้วก็หายไป คำพูด คำวิจารณ์ของคนอื่น ทีสักแต่เป็นคลื่นเสียงลอยอยู่ในอากาศเพียงครู่เดียวก็หายไป ก็ไม่น่าจะทำร้าย ไม่เป็นก้อนหินหนักให้ใจเราแบกเหมือนกัน แต่ถึงแม้เราจะคอยปรับแก้ว ปรับปัจจัยภายในคือ ความอยากของเรา ไม่สร้างความทุกข์ให้ใจเรา เราก็ต้องดูด้วยว่าน้ำในแก้ว ปัจจัยภายนอก หรือคนที่เราเลือกนั้นเหมาะสมกับเป้าหมายและวิถีชีวิตของเราหรือไม่ ชีวิตที่ดีงามของคนคนหนึ่ง มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะพาชีวิตเราให้ขึ้นสูงหรือลงต่ำก็ได้ ก็คือคนรอบตัว เพื่อน ครู กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเลือกให้ดี หรือมีอยู่แล้วก็ต้องพัฒนาไม่ให้สร้างปัญหาจนใจเราก็รับไม่ไหว

17.นักบวชกับจีวร   
                                                                                                                                                                                  มีเรื่องเล่าว่า พระบวชใหม่รูปหนึ่งมีความใส่ใจในการภาวนามาก อาจารย์เลยให้ไปอยู่ภาวนาคนเดียวในกุฏิชายป่า วันหนึ่งมีหนูมากัดจีวร แทนที่พระจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยการเก็บจีวรให้พ้นหนู หรือป้องกันหนูเข้ามา พระรูปนั้นตัดสินใจไปขอแมวมาใช้จับหนู เมื่อมีแมวก็ต้องมีนมให้แมวกิน เมื่อขี้เกียจเดินไปขอนมจากชาวบ้านทุกวัน ก็แก้ปัญหาด้วยการไปขอวัวมาเลี้ยง เลยต้องหาหญ้ามาให้วัวกิน แต่ตัวเองก็ต้องภาวนา จึงไปจ้างผู้หญิงชาวบ้านมาตัดหญ้าให้วัว นานวันไป ไม่ต้องเสียค่าจ้างตัดหญ้า ก็เลยแต่งงานอยู่กินกับหญิงชาวบ้านนั้น เลยต้องสึกออกมาทำมาหากิน การแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด แทนที่จะแก้ปัญหาตรงหนูและจีวร แต่กลับหวังว่าสิ่งอื่นจะมาช่วยแก้ปัญหาให้ ทำให้นักบวชผู้นี้เบี่ยงเบนจากเป้าหมายของตัวเองไปไกลเพียงเพื่อที่จะรักษาจีวร ผลสุดท้ายกลายเป็นต้องสึกออกมาทำมาหากินแบบชาวบ้าน สละเพศบรรพชิตเพื่อรักษาจีวร เหมือนเราที่ใจมันโหวงๆ ก็คิดว่าชีวิตนี้ยังไม่อิ่มไม่เต็ม เพราะยังไม่มีคู่ ก็ไปหาคู่มา โดยไม่เคยรู้เลยว่า ไม่มีใครสามารถมาเติมความโหวงในใจเราได้ นอกจากใจเราเอง คู่ครองที่หามาอาจจะต้องเป็นภาระให้ใจเราแบกมากขึ้น ถ้าเราวางใจไม่เป็น ถึงมีคู่แล้ว หลุมในใจก็อาจจะยิ่งลึกลงไปทวีคูณ หลายคู่พอรู้สึกว่าชีวิตคู่ยังไม่ทำให้รู้สึกมั่นคงขึ้น ก็คิดว่าต้องมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ผูกให้อยู่ด้วยกัน แล้วชีวิตคู่จะสมบูรณ์ขึ้น แล้วก็เหมือนเดิม ถ้าวางใจไม่ถูก ไม่จัดการทีใจก่อน ก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง ทีนี้พอรู้สึกเราไม่มั่นคง ครอบครัวไม่มั่นคงก็ต้องไปกู้เงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ กู้เงินขยายธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ทำงานจนหัวปั่นจนไม่ได้มีโอกาสอยู่ในบ้านที่หาเงินผ่อนแทบตาย ไม่ได้เห็นหน้าครอบครัวที่แสนรัก กลัวธนาคารจะมายึดบ้าน ยึดรถ ยึดธุรกิจไป นักธุรกิจคนหนึ่งทำงานหนักมาก กำลังจะขับรถพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด เป็นการร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบปี บริษัทไฟแนนซ์มายึดรถที่ขาดการผ่อนส่ง นักธุรกิจคนนั้นเลยคว้าปืนมายิงเจ้าหน้าที่ที่มายึดรถ แล้วยิงตัวเองตายตามไปต่อหน้าลูกเมีย จากจุดเริ่มต้นของความรู้สึกไม่มั่นคง ปั่นป่วน โหวงๆ ที่ใจ เราก็แก้ปัญหาผิดจุด จนกลายเป็นการผูกเงื่อนปมใหม่ๆ ให้ชีวิตมากมาย จนไม่มีวันแก้หลุด ไม่มีใครอยากรักคนที่ไม่รักตัวเอง อทิตยามารอพบดิฉันข้างเวทีที่ดิฉันกำลังจะขึ ้นบรรยาย หน้าตาเธอมีเค้าความสวย สง่างาม ทว่าดูซีดเซียว ตาบวมช้ำอย่างน่ากลัว เธอเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย วันหนึ่งเธอพบว่า สามีของเธออาจจะมีใจชอบผู้หญิงอื่น เพียงเท่านั้นหัวใจเธอเหมือนแตกสลาย จากผู้หญิงสง่างาม มีความสุข ประสบความสำเร็จ มั่นใจในตัวเอง กลายเป็นคนที่รู้สึกไม่มีค่า ทุกวันได้แต่ขอร้องให้เขากอดเธอ รักเธอ อย่าทิ้งเธอไป ทั้งที่สามีก็รับปากและทำหน้าที่เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เธอก็ยังกลัว หวาดระแวงทุกครั้งที่โทรศัพท์มือถือของเขาดัง ว่าจะเป็นผู้หญิงอื่นโทรมาตามเขา เธอตรวจสอบคาดคั้นให้เขารักเธอ จนเขาค่อยๆเปลี่ยนไป กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้า ยิ่งเธอตามเขาก็ยิ่งหนี จากเมื่อก่อนที่เขาเคยภาคภูมิใจในตัวเธอ พาเธอไปออกงานด้วยทุกครั้ง ก็ไม่มีเลย ดิฉันบอกเธอว่าสิ่งที่เธอทำนั่นแหละ ที่ผลักให้เขาออกไปจากชีวิตของเธอ ถึงเขาจะไม่มีใครเลย แต่การที่เธอเกาะแข้งเกาะขาขอร้องให้เขารักเธอ ความรู้สึกเขาก็แทบจะอยากเอาขาสลัดเธอไปให้พ้นเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากรักคนที่ไม่ รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะใจของคนนั้นจะเร่าร้อนทุรนทุราย มีแต่ความคาดหวังคาดคั้นจากคนอื่น ถ้าเรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง แล้วคนอื่นจะเห็นคุณค่าของเราได้อย่างไร ทุกอย่างที่เราพูด ทำ คิด จากความพร่องในใจ เป็นสิ่งที่ผลักให้ทุกคนอยากหนีจากเรา People are lonely because they build walls

18.เข็มทิศ 
                                                                                                                                                                              ความรักของเราทำให้คนที่เรารักต้องรับภาระในการเติมหลุมในใจให้เรา หรือเป็นความรักที่เป็นกระแสของความปรารถนาดีจากใจที่อิ่มเต็ม ต้นธารความสุขใกล้ตัว คนที่เรารักและรักเราเป็นต้นธารแห่งความสุขใกล้ตัว ที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ ขอเพียงมีเวลาที่จะอยู่ชื่นชม รื่นรมย์ก้บเขา มีเวลาที่จะเรียนรู้ แบ่งปัน เป็นกำลังใจให้กันในขณะเดียวกัน คนที่เรารักและรักเรา ก็สามารถเป็นตัวสร้างปัญหาได้เหมือนกัน โชคดีก็คือ มีปัญหาแต่ไม่จำเป็นต้องมีความไม่สบายใจ รักโดยไม่เอากิเลสเราเป็นตัววัด ตั้งแต่เกิด มนุษย์ต้องการความรัก ความรักทำให้เรามีความสุข แต่การรักไม่เป็นก็ทำให้มีความทุกข์ ตัวปัญหาก็คือตัวเติม คือใจของเราที่มีความอยากให้สิ่งต่างๆเป็นอย่างใจเรานั่นเอง เมื่อไหร่ที่เรารักค นด้วยใจที่มีหลุม เราทำทุกอย่างให้เขา เพราะต้องการการสนองตอบมาเติมหลุมในใจเรา เป็นความรักที่มีตัวเราเป็นศูนย์กลาง ใช้กิเลสของเราเป็นตัววัด เมื่อไรที่การตอบสนองของเขาไม่ได้อย่างใจเรา อย่างที่ความโหยหาในใจเราต้องการ เราก็น้อยใจ หงุดหงิด ขุ่นเคือง หนักเข้าก้แสดงออกเป็นการกระทำ คำพูด ที่ไม่เอื้อให้ชีวิตรักของเรางอกงามเลย ในทางตรงกันข้าม หากเราสังเกตุเห็นหลุมเห็นความอยากในใจเรา แล้วเราดับได้ด้วยตัวเอง การกระทำของเราก็จะมาจากความปรารถนาดีจริงๆ เป็นความรักที่เป็นอิสระ ไม่เห็นแก่ตัวเอง ไม่ทำให้เป็นทุกข์ และไม่เป็นภาระให้คนที่เรารักต้องแบก เป็นความปรารถนาดีด้วยใจที่อิ่มเต็ม เป็นการแสดงความรักโดยไม่มีความอยากกำกับ มีกระแสของความสุขที่คนอื่นรับรู้ได้ ความรักที่เต็มไปด้วยความอยาก เป็นความรู้สึกที่แข็ง มีความขุ่น ความโกรธ ความไม่พอใจ และความคาดหมายเจือปนอยู่ตลอดเวลา เหมือนเราสร้างกรงของความทุกข์ไว้ขังตัวเอง แล้วเราก็เฝ้าสงสัยว่าทำไมความรักของเราจึงไม่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขมั่นคงอย่างแท ้จริงได้

คำสำคัญ (Tags): #มี3ตอน
หมายเลขบันทึก: 312257เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2009 23:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท