ร.พ. สามเงา (8): สองผู้อำนวยการ


การมีผู้อำนวยการสองคนเป็นเรื่องท้าทายที่จะไม่ทะเลาะและเป็นปัญหากันเอง จนทำให้เจ้าหน้าที่แบ่งแยกกันเข้ากับแต่ละฝ่ายได้

          ผมเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าทางหมอจ้องได้คุยกับหมอปึงไว้เรื่องขอให้มาช่วยเป็นผู้อำนวยการต่อ เนื่องจากหมอปึงมีความอาวุโส มีประสบการณ์ น่าจะทำให้โรงพยาบาลสามเงาพัฒนาไปได้ต่อเนื่อง จะได้ไม่เปลี่ยนผู้อำนวยการบ่อยๆอีก คนในโรงพยาบาลสามเงาเองก็รับรู้ว่าหมอปึงจะมาเป็นผู้อำนวยการ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอื่นๆก็ทราบ

          พอผมได้รับการแต่งตั้งมา ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างผมกับหมอปึง แล้วแทนที่โรงพยาบาลจะพัฒนาไปได้ดี อาจเกิดการแตกแยกได้ ยิ่งตอนผมอยุ่บ้านตากและอยุ่ที่ สสจ. ตาก หมอปึงอยู่งานทันตะ เราก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน และยังเคยมีปัญหาในการตัดสินใจเกี่ยวกับทันตแพทย์ที่มีความเห็นไม่ตรงกัน จนเกิดความขัดแย้งกันด้วย อาจเรียกได้ว่าไม่กินเส้นกันเลยก็ได้ ผมคิดว่า เราสองคนต่างก็คิดกันเองว่า "กูแน่" เหมือนกัน

          ผมเองก็กังวลเหมือนกัน ยิ่งเราไม่ได้มีเวลาเต็มที่ด้วยแล้ว แต่ก็ยังอุ่นใจว่า พี่ศุภกิจ ที่ผมเคารพนับถือในความรู้ความสามารถ ได้เคยโทรมาคุยกับผมว่า "หมอปึง เป็นคนเก่ง เป็นคนดี มีความสามารถ ตรงไปตรงมา ไว้ใจได้ อย่าไปทะเลาะกันเลย จับมือกันทำงาน จะเกิดประโยชน์ดีกว่า" ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมและหมอปึงอยู่ สสจ.ตากด้วยกัน

          พอมาอยู่ที่สามเงาด้วยกัน ได้มีโอกาสนั่งคุยกันในห้องผู้อำนวยการ ได้รับทราบความต้องการ ความสนใจ แนวคิด หลักการของแต่ละคน นับเป็นโอกาสดีที่เราได้คุยกันแบบเปิดอก ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น และผมเองก็มั่นใจว่า เราจะใช้จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคนพัฒนาโรงพยาบาลสามเงาได้ หมอปึงเก่งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน งานไอที และเวลาจะทำอะไรจะเกาะติดข้อมูลและมีแนวคิดแก้ไขปัญหาแบบคิดนอกกรอบ

         ผมบอกหมอปึงว่า "ถ้าไม่ได้มีโอกาสมาทำงานที่สามเงาด้วยกัน เราก็คงไม่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และคงจะไม่ได้มองเห็นคุณค่า ศักยภาพของกันและกัน ถ้าได้คุยกันก่อนตั้งแต่อยู่ที่ สสจ.ตากด้วยกัน งานหลายงานคงพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้เยอะ"

         ในชีวิตการทำงานของเรา บางทีเราก็ตัดสินคนโดยการรู้จัก พบเห็นการแค่ผิวเผิน และไม่ได้เปิดใจคุยกัน ทำให้เสียโอกาสในการทำงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกันไปอย่างน่าเสียดาย นับเป็นความโชคดีของผมที่ได้ทำงานร่วมกับคนเก่งๆที่ดีและมีความมุ่งมั่นสูง และที่สำคัญทั้งผมกับหมอปึงต่างเปิดใจที่จะปรับตัวเข้าหากัน จนสามารถทำงานด้วยกันไปได้อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

        ซึ่งเจ้าหน้าที่มาพูดให้ฟังว่า ตอนแรกก็กังวลเหมือนกัน เหมือนมี ผอ. สองคนนี่ จะเป็นปัญหาหรือเปล่า ตอนนี้เขาก็หายกังวลไปได้ แต่อาจจะกังวลใหม่คือผมกับหมอปึงนี่คิดในเป้าหมายเดียวกันและเอาการเอางาน ทำงานรวดเร็วทั้งคู่ จนกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะตามทันหรือเปล่า ตอนนี้ที่ห้องผู้อำนวยการก็จะมีโต๊ะสองตัว ผมกับหมอปึงอยู่ห้องผู้อำนวยการด้วยกัน ใครว่า "เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้" แต่ถ้าเปิดใจเข้าหากัน ก็อยู่ด้วยกันได้

หมายเลขบันทึก: 312108เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2009 11:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 12:30 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ให้กำลังใจ คนดีทำงานเพื่อสังคมต่อไปครับ

อย่าให้ ผู้กองแคน ต้องตายเปล่า

ขอให้การตายของ วีรชน

เป้นการปลุกไฟ ในตัวคนดี

ให้ลุกโชนต่อไป

ปล. ดีมากครับ ที่ สอง ผอ. จะ ร่วมมือกัน ทำงานเพื่อประชาชน ครับ

แวะมาเยี่ยมในฐานะคน จ.ตาก ครับ

เร็ววันนี้คงได้กลับไปปักหลักที่บ้านเกิด

ดีใจที่ได้อ่านบันทึกนี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท