จิตแจ่มใส...กายเป็นสุข...


...ใจเป็นนาย...กายเป็นบ่าว...

          ธรรมะสำหรับการเจ็บป่วย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะถ้าใจเราเศร้าหมองแล้ว กายก็จะแย่ตามไปด้วย พระท่านจึงเปรียบว่า...ใจเป็นนาย...กายเป็นบ่าว...ถ้าจิตแจ่มใส..กายก็เป็นสุข…

         

          จิตเป็นเรื่องของนามธรรม จับต้องไม่ได้ ความโลภ โกรธ หลง ทำให้จิตไม่ผ่องใส หาความสุขไม่ได้ ความโกรธ ความโลภทำให้ไม่มีความสุข ความหลงก็อยู่ในใจเรา ซึ่งคิดว่าตัวเองมีความสุข ไขว่คว้าหาวัตถุปัจจัย 4 (อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)  อาหารเป็นเหตุให้เราหลงติดรส (เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม) ตามใจชอบบ้าง...ไม่ชอบบ้าง ส่วนเสื้อผ้า ของถูกของเก่าก็ไม่ใช้ ต้องหาตามสมัยนิยมเสาะหาแต่ของใหม่มาใช้ เนื่องจากความหลง มีบ้านอยู่...ก็มีทุกอย่างแล้ว...แต่บางทีก็หาความแจ่มใสของใจไม่ได้ เห็นความผุพังของเก่า เลยอยากได้ของใหม่...ทำให้ร้อนใจ

                  

          พระอยู่กรด...มีความสุขเพราะรักสันโดษ...เมื่อจิตแจ่มใส...กายก็เป็นสุข บุญที่เกิดจากการเข้าหาศีลธรรม จิตจึงจะแจ่มใส ทำให้พบความสุข ...

                   

          ...ไฟไม่อิ่มในเชื้อ...เปรียบเหมือนกับถ้าเราเอาสิ่งมีค่าใส่ในกองไฟ ก็เผาทั้งหมด...ยิ่งใส่ยิ่งมีเปลวไฟใหญ่ขึ้น เหมือนความพอใจ...ไม่พอใจ...สะสมไว้ ทำให้ใจไม่แจ่มใส ไม่ยอมละทิ้ง การที่ได้ยินคนพูดนินทา 10 ปี... 20 ปี...ก็ยังเป็นไฟที่เผาใจอยู่ตลอดเวลา ส่วนลิ้นเรา...เคยพอกับรสชาด เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ซึ่งกินมาตั้งแต่เกิดไหม? ...ไม่เคยพอ...มัวหลง..ไม่มีสติ

             

          การนุ่งห่มผ้า พระท่านสอนว่า เดิมเอาผ้าไว้ห่อศพกันอุดจาด พระนำมาซักและนุ่งห่ม เปรียบเหมือนร่างกายก็เหมือนซากศพเดินได้อีกหน่อยก็จะผุพังไป ดังนั้นให้นุ่งห่มอย่างมีสติ ให้น้อมมาดูตัวเอง ทำตัวเองให้แจ่มใสตลอดเวลา เมื่อเวลาโกรธ อาฆาต พยาบาท รู้จักและจงให้อภัย...และให้เราแผ่เมตตาออกไป...พยายามให้หมดจากใจ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีและทำได้ทุกเมื่อ

        

          พระท่านได้เตือนสติว่า ธรรมดาของทุกคนต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย การเป็นมะเร็งก็เป็นเรื่องธรรมดานะโยม... คนเป็นมะเร็งต้องกินยา คนไม่ป่วยกินข้าว(ก็เป็นยา) ความหิวก็เป็นโรค ... กินข้าวเพื่อรักษาเวทนาให้หายหิว ....ถ้ามีเวลาว่างลองปฏิบัติดู โยม...อย่าบอกว่าไม่มีเวลาไปวัด เนื่องจากทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันและอย่าคิดว่าเราป่วยคนเดียว ไม่ใช่คนเป็นมะเร็งตายคนเดียว คนอื่นๆก็ตายเหมือนกัน บ้างก็โดนรถชน ตกตึก เป็นลมตาย ป่วยตายกะทันหัน ตายก่อนคนเป็นมะเร็งซะอีก...ทุกคนมีลมหายใจ..เข้า...ออก...เหมือนกัน อย่าหลงว่าจะไม่ป่วย...ไม่ตาย...ตายทุกคน...   อาหารก็กินแค่อิ่ม เวลานอนก็ดูลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ควรทำเหมือนกันทั้งผู้หญิงและชายทั้งชีวิต ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ได้รับสิ่งนั้นเป็นเรื่องธรรมดา

        

          การเป็นมะเร็ง ก็ทำบุญ ให้ทานเป็นประจำได้ เช่น ความโกรธ(คนเป็นมะเร็งมักหงุดหงิด และน้อยใจโกรธง่าย)ให้ทานโดยไม่เสียเงิน ให้ความโกรธหมดไป ให้ใช้คำพูดที่ดีๆต่อลูกหลาน สิ่งที่ไม่ดีไม่ต้องบ่น...ด่า...ให้ลูกหลานรำคาญใจ จิตจะแจ่มใส ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่...เกิดจากใจเราเอง พยายามให้ทานแต่สิ่งดีๆ คนเราจิตไม่แจ่มใสเพราะปากเป็นเหตุ...(ใช่ไหม?โยม..) ...คำพูด คำด่า...มันเผาใจคนได้  จำไว้นะโยม...

       

          คำด่า...คำพูด...มันลืมยาก..คำหยาบ คำพูดโกหก ส่อเสียด ให้งด จะทำให้จิตใจแจ่มใส ร่างกายเป็นรังของโรค เช่น การมีหัว...มีใคร?บ้างไม่เคยปวดหัว มีขา...ใครบ้างไม่เคยปวดขา...มีกันทุกคน โรคที่เป็นนั้นเขาสมมุติว่า...เป็นมะเร็ง...เป็นโรคที่น่ากลัว..น่าเกลียด ให้นึกเสียว่า กายไม่ใช่ของเรา ไม่สามารถขอร้องหรือบังคับให้ ไม่แก่...ไม่เจ็บ...ไม่ตายไม่ได้ ...เราเพียงแค่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น ร่างกายเป็นที่ตั้งของจิต ให้พิจารณาดูกาย –ใจ ถ้าขาดสติแล้ว จิตใจจะไม่แจ่มใส

          คนเราไม่มีอะไร...มีแต่บุญและบาปที่นำติดตัวไป ให้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ภาวนา(ทำให้เจริญขึ้น) ถ้ารู้ว่าจิตใจไม่ดีก็ให้ภาวนา อย่ายึดติดทุกข์...จะเห็นการเกิด-ดับ อาศัยสติ ความเพียรให้นึกว่าคนเรา เมื่อตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ ให้ถือศีลภาวนา ถ้าไม่รักษาศีลก็ทุกข์ ศีลทำให้จิตใจมีความสุข ร่างกายแตกดับได้...แต่ใจ..ไม่แตกดับ... และมะเร็งนั้นจะเป็นไม่ถึงใจ มันเกิดแต่กาย ดังนั้นก่อนตายให้ขยี้ความโลภ ความโกรธ หลง ให้ตายก่อน แล้วเราค่อยตาย ดังนั้นอย่าห่างศีล....ห่างธรรม เพราะเราต้องไปเกิดใหม่อยู่ดี จะไม่ติดไปชาติใหม่ ตายแต่กาย...จิตไม่ตาย... ดังนั้น ทำจิตให้แจ่มใส...เถิด.

                        

          ธรรมะโอสถนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่พระจากวัดสังฆทาน ท่านมาเทศน์ให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ฟังธรรมะโอสถที่ใช้เตือนใจเป็นการรักษาควบคู่กันไปกับทางกาย จงเชื่อใจ...เถิดว่า...ทางเราจะดูแลท่านเวลาเจ็บป่วย...ประดุจญาติมิตร...ขอให้ท่านจงสบายใจได้ ทำจิตให้แจ่มใส...แล้วกายจะเป็นสุข....สวัสดี...

หมายเลขบันทึก: 308482เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2009 18:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท