อ่านบันทึกของอ.ประพนธ์ทั้ง 2 เรื่องในวันนี้แล้วสะกิดใจขึ้นมาทันทีว่า การเลี้ยงลูกนี่ไงคือการใช้ KM ที่ใกล้ตัวที่สุด คนเป็นพ่อแม่ต้องรู้จัก "ใช้กระบวนการ KM และทำตัวเป็น "ผู้เอื้ออำนวย" การเรียนรู้ คือเป็น Facilitator ที่สามารถ "กวน" และ "กระตุ้น" " ให้ลูกเกิดการเรียนรู้ โดยที่ตัวพ่อแม่เองได้ตั้งเป้าหมายใหญ่ ("หัวปลา") ไว้แล้วว่ากำลังจะพัฒนาลูกไปทางไหน ...อยากให้ลูกเก่งอย่างเดียว หรือว่าเก่งด้วยดีด้วย มีความสุขด้วย "หัวปลา" ต้องชัดจะได้ไม่ไปผิดทาง ส่วนที่เป็นตัวเอนทั้งหมดหยิบมาและดัดแปลงจากที่อ.ประพนธ์เขียนไว้ ซึ่งอ่านแล้วเห็นภาพชัดมากค่ะ
นอกจากนั้นบรรดาครูอาจารย์ทั้งหลาย จะต้องไม่ลืม "เก็บเกี่ยว" สิ่งที่ได้จากกระบวนการดังกล่าว สร้างเป็น "คลังความรู้" ("หางปลา") ในเรื่องนั้นๆ เอาไว้ด้วย ตรงนี้ก็เหมือนกันค่ะ เราน่าจะช่วยกันถ่ายทอด เผยแพร่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเลี้ยงดูลูก โดยที่แต่ละคนก็จะมีผลผลิตที่คนอื่นสามารถจะเลือกได้ว่า อยากให้ลูกของตนเป็นแบบนั้นๆหรือไม่
KM แท้ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยาก เป็นเรื่องที่ลึก เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ...ทำไป เรียนรู้ไป ....เป็นเรื่องที่ต้องใช้ "ภาวะผู้นำ" ที่มีอยู่ในคนทุกระดับ เพื่อให้สามารถ "หยั่งราก" ลงไปถึงส่วนที่เป็น วัฒนธรรมองค์กร
นี่ไง...ใช่เลย การเลี้ยงลูกนั้นยาก ต้องใช้เวลา ทำไป เรียนรู้ไป พ่อแม่ทุกคนก็คือ "ผู้นำ" ที่จะต้องปลูกฝังสิ่งที่ตนคิดว่าดี ให้หยั่งรากลึกลงไปในความคิด และตัวตนของลูก
ขอขอบคุณอ.ประพนธ์ที่ช่างคิด ช่างเขียนอะไรให้คนอื่นได้คิดต่ออยู่เสมอค่ะ คราวนี้เจอกับตัวเองอย่างจัง ชอบจริงๆค่ะ