จิตวิวัฒนาการ พัฒนามนุษยชาติ สู่สมดุลโลก


จิตวิวัฒนาการพัฒนามนุษยชาติสู่สมดุลโลก

 

คำว่า จิตวิวัฒน์ นั้นสั้นและมีความหมายอยู่แล้วในตัวเอง ซึ่งสามารถถ่ายทอดได้ด้วยภาษาง่ายๆเพื่อให้ผู้คนเข้าใจได้ในทุกชนชั้นและทั่วถึง สามารถอธิบายได้หลายหน้ากระดาษจนสามารถเขียนเป็นหนังสือได้หลายเล่ม แต่แก่นความคิดของ จิตวิวัฒน์นั้น ก็คือ การปฏิวัติความคิดจิตสำนึกของผู้คน เพื่อนำไปสู่วิวัฒนาการขั้นสูงสุดของมวลมนุษยชาติ เพื่อการพัฒนาโลกและจักรวาล ที่ถูกที่ควรจะเป็นไป โดยเริ่มด้วยการวิวัฒนาการทางความคิด จิตสำนึก ให้ซึมลึกถึงจิตวิญญาณ ของมนุษยชาติ จากการปฏิวัติความคิด จิตสำนึก ที่เรียกว่า จิตวิวัฒน์ นั่นเอง

                ซึ่งก็คงมีที่มาจากกฎสั้นๆที่ว่า “กรรม คือ เจตนา” อันหมายถึง การกระทำและคำพูด เกิดมาจาก ความคิด และความคิด มาจาก จิตใจ ในที่นี้หมายถึง จิตสำนึก ขั้นลึกถึงจิตวิญญาณ นั่นเอง 

                ดังนั้น ถ้าคิดผิด หรือที่เรียกว่า อวิชชา ก็จะก่อให่กิดการ การกระทำและคำพูดที่ผิดๆ แต่ถ้าคิดถูก ก็จะก่อให่กิดการ การกระทำและคำพูดที่ถูกที่ควร ที่กล่าวนี้หมายถึงเฉพาะบุคคล แต่ถ้าทั้งสังคมมีความคิดที่ผิด ดังจะเห็นได้จากผลการสำรวจของหลายสำนักโพลที่ผ่านมา เช่น กรณี ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ถ้าข้าราชการหรือนักการเมืองโกงกิน แต่มีผลงาน หรือกรณี ทัศนคติตำรวจยอมรับได้ที่เจ้านาย ใจถึง พึ่งได้ โกงไม่เป็นไร ฯลฯ เมื่อสังคมคิดผิดทั้งมวลเช่นนี้ ก็ย่อมเกิด การกระทำที่ผิดๆทั้งสังคมนั้นๆ และถ้าหากว่า ทั้งสังคมที่ว่านี้ใหญ่ขึ้นเป็นทั้งสังคมโลกแล้ว ก็ลองนึกภาพดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งเราก็สามารถพบเห็นได้ในเหตุการณ์ปัจจุบันแทบทุกวัน ไม่ว่าเรื่อง อาชญากรรม การก่อการร้าย จนถึงเรื่องใหญ่ๆเช่น ภาวะโลกร้อน ภาวะภัยพิบัติอย่างรุนแรงในหลายๆประเทศทั่วโลก ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลที่มาจากการการกระทำของมวลมนุษยชาตินั่นเอง และการกระทำเหล่านั้นก็มีที่มาจาก ความคิด จิตสำนึก ที่ผิดๆ จนนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาโลกที่ผิดๆ ย่อมส่งผลให้เกิดเป้าหมายการพัฒนาระดับประเทศที่ผิดๆ ย่อยลงไปสู่เป้าหมายการพัฒนาระดับสังคมที่ผิดๆ ย่อยเล็กลงไปสู่เป้าหมายการพัฒนาครอบครัวของแต่ละครอบครัวที่ผิดๆ เล็กที่สุดจนกระทั่งตัวบุคคลมีเป้าหมายการพัฒนาชีวิตที่ผิดคือคิดผิด จิตสำนึกไม่ถูกต้อง หรือ อวิชชา ตามกฎ “อิทิปปัจจัตตา” นั่นเอง

                ดังนั้นวิกฤติต่างๆทั้งโลกใบนี้ จึงต้องใช้วิถีแห่งการเปลี่ยนแปลง ทางความคิด จิตสำนึก อย่างง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมาก โดย วิถีจิตวิวัฒน์ เพื่อพัฒนาปรมาณูทางความคิด จิตสำนึก ลึกถึงจิตวิญญาณ ให้แพร่กระจายจากคนเล็กๆ สังคมเล็กๆ สู่ สังคมที่ใหญ่ขึ้นๆจนถึงสังคมโลกได้ในที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นทุกๆท่านคงมีแต่สันติสุขถ้วนหน้า โลกาสุขี

                เมื่อเราพบปัญหา(วิกฤติโลกและสังคมแห่งทุกข์) เหตุแห่งปัญหา(ความคิด จิตสำนึกที่ผิด) เป้าหมายในการแก้ไขปัญหา(จิตวิวัฒน์กันทั้งหมดเพื่อโลกสันติสุข) ก็ขอเข้าเรื่องแนวทางวิธีการแก้ปัญหา ว่าควรจะเป็นอย่างไร ก็เริ่มจาก จิตวิวัฒน์ พัฒนาความคิด จิตสำนึกที่ถูกต้องดีงาม จากคนเล็กๆ สู่ สังคมเล็กๆ สู่สังคมที่ใหญ่ขึ้นๆ จึงถึงทั้งโลก เปรียบคล้าย ระเบิดปรมาณูของจิตวิวัฒน์ นั่นเอง

                ลงรายละเอียดไปอีกว่า ความคิดถูกต้องดีงามที่ว่านี้ คือ อะไร จะวิวัฒน์จิต อย่างไร ก่อนอื่นเลยก็ต้องเข้าใจพื้นฐานแห่งการดำรงชีวิตของตัวเราเองก่อน ว่าตัวเราประกอบด้วยอะไร ต้องการอะไร จะได้กำหนดเป้าหมายชีวิตว่าควรเป็นอย่างไร

                คนเราประกอบด้วย ร่างกายและจิตใจ  แยกเป็น จิตใจอันหมายถึง อารมณ์ความรู้สึก นึกคิด จิตสำนึก จิตวิญญาณ ซึ่งมีหน้าที่กำกับร่างกายให้ดำเนินตามต้องการ คือบัญชาการร่างกาย ดังคำว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” นั่นเอง  ต่อมาก็ว่าด้วยเรื่องของร่างกายก่อนว่า ประกอบด้วยอะไร ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะต่างๆทั้งภายนอกและภายใน เช่น ภายนอกก็มี แขน ขา หน้าหลัง ภายในก็มี สมอง หัวใจ ไต ตับ ปอด เลือดฯลฯ  อวัยวะต่างๆประกอบด้วยเซลล์ต่างๆมากมายหลายล้านๆเซลล์ ซึ่งเซลล์ต่างๆประกอบด้วย สารประกอบต่างๆที่หลากหลาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ฯลฯ สารประกอบต่างๆก็ประกอบด้วยโมเลกุลต่างๆมากมายมหาศาล เช่น น้ำ ไฮโดรคาร์บอน ฯลฯ โมเลกุลก็ประกอบด้วยอะตอมธาตุต่างๆ เช่น Cคาร์บอน Hไฮโดรเจน Oอ็อกซเจน Nไนโตรเจน Feเหล็ก Ca แคลเซียมฯลฯ อะตอมธาตุต่างๆก็ล้วนเหมือนกันคือประกอบไปด้วย อิเล็กตรอน โปรตรอน นิวตรอน โพสิตรอน ควากส์  ซึ่งที่กล่าวมานี้ก็คือ อนุภาคพื้นฐานของสรรพสิ่ง ทุกๆสิ่ง นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น อิฐ หิน ดิน ทราย อากาศ ทะเล แม่น้ำ ต้นไม้ สัตว์ทั้งหลาย ไปจนกระทั่ง โลก ดวงดาว ดวงอาทิตย์ และจักรวาลทั้งมวล ล้วนมีพื้นฐานอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง  แล้วอนุภาคพื้นฐานเหล่านี้จะดำรงคงอยู่ได้ด้วยอะไร ขอตอบแบบง่ายๆเพื่อความเข้าใจของทุกๆคนโดยไม่ขอลงรายละเอียดถึงระดับโพสิตรอนและควากส์ว่า อะตอมธาตุต่างๆที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของทุกๆสิ่งนั้น ประกอบด้วย อิเล็กตรอนที่วิ่งวนเป็นวงโคจรรอบนิวตรอนโปรตรอน(เรียกว่านิวเคลียส) โดยไม่เคยหยุดนิ่งเลยตลอดเวลา เปรียบไปก็คล้ายกันกับ โลก และดวงดาวต่างๆ ที่วิ่งวนรอบดวงอาทิตย์โดยไม่เคยหยุดนิ่งเลยเป็นล้านๆปี โดยมีแรงยึดเหนี่ยว แรงดึงดูดกันไว้ไม่ให้หลุดจากกันชั่วกาลนาน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงคงอยู่เช่นนี้ก็คือ “พลังงาน”  เพื่อให้มีแรงวิ่งวนและแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน นั่นเอง

                ดังนั้นสำหรับมนุษย์แล้ว  พลังงาน ที่ อิเล็กตรอน นิวตรอนโปรตรอนต้องการ เพื่อการดำรงคงอยู่ของอะตอมธาตุ ก็เพื่อการดำรงคงอยู่ของโมเลกุล ก็เพื่อการดำรงคงอยู่ของสารประกอบ ก็เพื่อการดำรงคงอยู่ของเซลล์ ก็เพื่อการดำรงคงอยู่ของอวัยวะ ในที่สุดก็เพื่อการดำรงคงอยู่ของร่างกายทั้งหมดคือมีชีวิต นั่นเอง  ซึ่ง พลังงาน ที่ต้องการนี้ก็มีที่มาจากกระบวนการต่างๆทั้งหลายของร่างกาย ในการย่อยสลาย เปลี่ยนแปลง แปรรูป อาหาร อากาศ น้ำ ที่คนเรา ต้องดื่มกิน หายใจ เข้าไปทุกวัน นั่นเอง

ดังนั้น ความจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับร่างกายคนเราก็คือ “อาหาร”(ในที่นี้หมายรวมถึง อาหาร น้ำ อากาศ ที่เราดื่ม กิน หายใจ เข้าไปทุกวัน) เมื่อรับเข้าไปก็ต้องมีการขับออก ก็คือ “การขับถ่าย” ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล รวมถึงการหายใจออก และเมื่อมีพลังงานสะสมก็จำเป็นต้องมีการใช้พลังงานนั่นคือ “การทำงาน” เมื่อใช้ไปมากๆจึงจำเป็นต้องมี “การพักผ่อนนอนหลับ”  กล่าวโดยสรุปแล้วสิ่งที่มนุษยชาติต้องการขั้นพื้นฐานก็คือ “กิน ถ่าย ทำงาน นอน” เท่านั้นเอง นอกนั้นเป็นความต้องการส่วนเกินจากความจำเป็นที่แท้จริงทั้งสิ้น

                เมื่อความต้องการขั้นพื้นฐานของร่างกายคนเราเป็นดังที่กล่าวมานี้ ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของ จิตใจ จิตวิญญาณ จิตสำนึก กลั่นกรองด้วย ปัญญา ออกมาเป็น อารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด นำพาร่างกายให้เกิดการกระทำ เพื่อนำมาซึ่งสิ่งตอบสนองร่างกายคือ “กิน ถ่าย ทำงาน นอน”  ให้มีชีวิตดำรงคงอยู่ต่อไปได้ และการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวงของมวลมนุษยชาติ ก็ควรจะต้องเป็นไปในทิศทางที่ถูกที่ควร จะให้ถูกให้ควรได้ก็ต้องเกิดจาก ความรู้แจ้ง เห็นชัด เข้าใจจริง ในทุกสิ่งทุกอย่างแบบทั้งหมดโดยองค์รวมว่า ล้วนมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเพียงใดดัง “กฏอิทิปปัจจัตตา” หรือว่า “กฎปฎิจสมุปปาท” ล้วนมีองค์ประกอบขั้นพื้นฐานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และต่างก็ล้วนมีความต้องการขั้นพื้นฐานอันหนึ่งอันเดียวกันคือพลังงาน นั่นเอง ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในรูปแบบวิธีการแต่ต้องถูกต้องดีงามโดยไม่เบียดเบียนกันและกันนั่นเอง เพราะเรารู้แจ้งชัดแล้วว่า ทุกๆสิ่งล้วนเป็นสิ่งเดียว มีองค์ประกอบและความต้องการขั้นพื้นฐานแห่งการดำรงคงอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นพื้นฐานของการปฏิวัติความคิด ปรับปรุงจิตสำนึก เพื่อแก้ไขวิกฤติทั้งหลายทั้งปวงทั้งในตัวตนคนเล็กๆสังคมเล็กๆจนกระทั่งสังคมใหญ่ๆอย่างโลกใบนี้ เพื่อก่อให้เกิดสัมมาทิฐิ ที่เรียกว่าความคิดถูกต้องดีงาม แล้วจึงจะเกิดสัมมาวิถีต่างๆทั้งหลายตามมาอย่าง มรรคมีองค์แปด นั่นเอง โดยกระบวนการการพัฒนาจิตสำนึก พัฒนาความรู้สึกนึกคิด เริ่มจากจุดเล็กๆ สังคมเล็กๆ สู่สังคมที่ใหญ่ขึ้นๆจนทั่วถึงทั้งหมดได้ทั้งโลกใบนี้ในที่สุด

นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า “วิถีแห่งจิตวิวัฒน์” อันจะนำมาซึ่ง วิวัฒนาการทางจิตขั้นสูงสุดของมวลมนุษยชาติ ยังผลให้มีการปรับปรุงทิศทางการพัฒนาโลกสู่สมดุล อย่างยั่งยืนแท้จริง

 

 

 

 

 

30 กย 2552

บทความโดย

กัลยาณมิตร 

หมายเลขบันทึก: 306459เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2009 23:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 01:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับคุณ กัลยาณมืตร

อ่านข้อคิดข้อเขียนของท่านแล้วนึกถึงวรรณกรรมเรื่องโลกาวิวัฒน์ ของท่านยุค ครับ อ่านแล้วต้องอ่านอีกหลายเที่ยวจบครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท