……แล้วเธอก็หาย(ป่วย)…..ไปกับบรรยากาศ!!


ดิฉันรู้สึกโชคดีจริง-จริง ที่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีทีมงานที่เข้มแข็ง ที่มองภาพรวมของกระบวนการผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม ไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลให้เกิดคุณภาพในการดูแลผู้ป่วย และได้จัดให้โรงพยาบาลมีหน่วยบริการที่มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งในหลายๆวันของอาทิตย์นี้ ที่ฝนได้ตกลงมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่เช้ามืด ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย… บางคนก็บอกว่าชอบนะ…ที่ฝนตกเพราะทำให้รู้สึกเย็น และสดชื่นดี…ดิฉันมานั่งทบทวนดูก็ชักจะเห็นด้วย…อืออ…เย็นดีเหมือนกัน 

 …. แต่สำหรับบางคนแล้วดูเหมือนว่าความเย็นของสายฝนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะดับความร้อนที่เกิดขึ้นภายในใจได้เลย….

 ….หญิงวัยกลางคน อายุ 45 ปี มารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลด้วยอาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัว ขณะที่พี่พยาบาลกำลังซักประวัติเบื้องต้น

ผู้ป่วยก็ร้องให้ออกมาจนพี่พยาบาลและคนไข้ที่นั่งรอตรวจอยู่ตกใจ… พี่พยาบาลประเมินเบื้องต้นพบว่าท่ามกลางผู้รับบริการที่รอตรวจโรคประมาณสองร้อยกว่าคน และความวุ่นวายในยามเช้าเช่นนี้ คงไม่เหมาะสมแก่การพูดคุยเป็นแน่….จึงส่งต่อผู้ป่วยมารับบริการแผนกสุขภาพจิต…..

   เมื่อผู้ป่วยมาถึงดิฉันเดินไปรับผู้ป่วยหน้าประตูห้องพร้อมส่งยิ้มไปให้ และจับมือพามานั่งยังโซฟาที่จัดไว้  พร้อมกับเดินไปดึงม่านหน้าต่างออก เผยให้เห็นสวนหย่อมสีเขียวขจี ทอดยาวไปจนถึงห้องประชุมใหญ่ของโรงพยาบาล มองเห็นสายฝนที่ยังโปรยปรายอยู่บ้างแต่เบาบางจนมองเห็นความสดชื่นของต้นไม้ที่เบ่งบานรอรับสายน้ำ….

  ดิฉันหันไปมองผู้ป่วยอีกครั้งเห็นตาแดงๆที่มีแวววิตกกังวลมองออกไปยังหน้าต่างที่ดิฉันได้เปิดม่านออกแล้วถอนหายใจออกมาจนกระทั่งดิฉันสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ…. ดิฉันจึงเดินไปเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ฟังผสมผสานกับเสียงน้ำตกเล็กๆที่จัดไว้ ณ มุมหนึ่งของหน่วยบริการ เปิดไฟดาวไลท์ที่เมื่อแสงกระทบกับสีโอรสของผนังห้อง ก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนเสมือนจะปลอบโยนความรู้สึกร้อนรุ่มภายในใจของผู้มาเยือน….. ดิฉันนั่งลงข้างๆผู้ป่วย…. ยิ้มให้…และนั่งนิ่งๆฟังเสียงเพลง ควบคู่ไปกับเสียงน้ำไหลพร้อมกับผู้ป่วย….ดูเหมือนความเงียบจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยขณะนี้……

  “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” ….. เป็นคำถามแรกที่ดิฉันถามผู้ป่วยหลังจากที่เรานั่งเงียบๆกันประมาณ ห้านาที และเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้น…. ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆของผู้ป่วย หรือ ก๊ะสาว….

 ก๊ะสาวบอกว่ารู้สึกเหนื่อย และหดหู่กับตัวเองมีลูกชายอยุ่หนึ่งคน แต่ดื้อเหลือเกินไม่เคยจะเชื่อฟังในสิ่งที่ตักเตือน และสั่งสอน เมาเหล้ากลับมาดึกๆ ดื่นๆ ก๊ะต้องนั่งรอด้วยความร้อนใจทุกคืน กลัวจะเกิดเหตุร้ายกับลูก ส่วนสามีก็เบื่อระอากับพฤติกรรมของลูกจนไม่พูดอะไรแล้ว และมักหาทางออกด้วยการหนีหน้าออกไปจากบ้านบ่อยๆ ทำให้ก๊ะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่า…… พูดอะไรไปก็ไม่มีใครฟัง…. เครียดจนนอนไม่หลับ และบางครั้งก็ปวดหัวจนทนแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจมาหาหมอในวันนี้…

  ดิฉันนั่งฟังเรื่องราวของก๊ะสาวด้วยความตั้งใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือก๊ะสาวแล้วบีบเบาๆ ร่วมด้วยการพูดคุยโดยการเสริมสร้างกำลังใจ การคิดเชิงบวก และการฝึกหายใจเพื่อคลายเครียดด้วยตนเอง จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว…. จนกระทั่งก๊ะสาวบอกว่า รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแล้วค่ะ…. จึงได้ยุติการพูดคุยในครั้งนี้…..

  ต่อมาดิฉันก็ได้นัดก๊ะสาวมาติดตามผลการรักษาที่หน่วยงาน อีก สาม สี่ครั้ง สังเกตุได้ว่าครั้งหลังๆนี้ก๊ะสาวมีสีหน้าที่สดชื่นและแจ่มใสขึ้น บอกว่าตนเองสามารถปรับความคิด และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้มากขึ้น มีสติและแก้ไขปัญหาได้ สามีก็เริ่มปรับตัวกลับมาพูดคุยและร่วมกันแก้ไขปัญหา ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาก…. และที่สำคัญ ก๊ะสาวบอกว่า …. . “การได้มาที่นี่ บางครั้งแค่มานั่งเฉยๆ หรือได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่ ได้ยินเสียงน้ำ และเห็นสวนเขียว-เขียวก็รู้สึกดีแล้วค่ะ...”

  ดิฉันรู้สึกอึ้งไปชั่วอึดใจที่ได้ยินอย่างนั้น….หลังจากนั้นรอยยิ้มแห่งความยินดีก็ปรากฎออกมาบนใบหน้า รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจของตัวเองและโรงพยาบาลที่ได้พยายามให้การดูแลคนไข้โดยคำนึงถึงทุกองค์ประกอบที่ส่งผลต่อการรับบริการโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม…ที่ใครๆมักจะมองข้าม และเกิดความสงสัยว่าจะเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยได้อยางไร?? ……โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีสถานที่พอจะรับผู้รับบริการนั้น… จะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?….ดิฉันรู้สึกโชคดีจริง-จริง ที่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีทีมงานที่เข้มแข็ง ที่มองภาพรวมของกระบวนการผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม ไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลให้เกิดคุณภาพในการดูแลผู้ป่วย และได้จัดให้โรงพยาบาลมีหน่วยบริการที่มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย….

  และในวันนี้โรงพยาบาลละงูก็ได้คำตอบชัดเจนแล้วว่าสิ่งแวดล้อมมีผลอย่างไรต่อการเยียวยาผู้ป่วย…..เฮ่อ…สบายใจจัง!!

 

ด้วยรัก…..งานสุขภาพจิต โรงพยาบาลละงู

หมายเลขบันทึก: 305438เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2009 08:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอชื่นชมนะคะ เพราะคุณคือคนสำคัญค่ะ..

ดีใจกับก๊ะสาวด้วยนะค่ะ ที่เจอกับเจ้าหน้าที่ที่แสนดีของโรงพยาบาลที่ดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท