จักรยานกับวิ่งใช้แรงต่างกันกี่เท่า


จักรยานมีแนวโน้มจะใช้กำลังงานน้อยกว่าวิ่ง สูตรที่นิยมใช้กันคือ วิ่ง 1 ไมล์ใช้กำลังงาน (แคลอรี) มากพอๆ กับขี่จักรยาน 4 ไมล์ (1 ไมล์ = 1.609 กม.) หรือต่างกันประมาณ 4 เท่าถ้าใช้ระยะทางเท่าๆ กัน [drmirkin]

การวิ่งไม่ว่าจะเร็วหรือช้า มีแนวโน้มจะใช้กำลังงานใกล้เคียงกันคือ ประมาณ 110 แคลอรี/ไมล์ ส่วนจักรยานมีแรงต้านที่สำคัญ คือ ความเร็วลม หรือแรงเสียดทานจากอากาศ ยิ่งปั่นเร็ว-แรงต้านยิ่งมาก

...

อ.ดร.เอดเวิร์ด คอยล์ และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสทิน สหรัฐฯ ทำการศึกษาอัตราการใช้ออกซิเจนของนักจักรยานพบว่า

ถ้าปั่น 20 ไมล์ที่ 15 mph (mph = mile per hour = ไมล์/ชั่วโมง) จะใช้กำลังงาน 620 แคลอรี = 20 ไมล์ x 31 แคลอรี/ไมล์ = 620 แคลอรี

...

ถ้านำค่าเฉลี่ยแคลอรีที่ใช้ในการวิ่ง 110 แคลอรี/ไมล์ไปหาร 620 แคลอรี จะได้ = 5.63 ไมล์เพื่อเผาผลาญกำลังงานเท่าๆ กัน

ถ้าขี่จักรยาน 20 ไมล์ที่ 15 mph ใช้กำลังงานพอๆ กับวิ่ง 5.6 ไมล์

...

อ.ดร.คอยล์ทำการคำนวณมาให้เสร็จสรรพ คือ ให้ใช้ตัวเลขต่อไปนี้มาเปรียบเทียบ 10MPH=4.2, 15MPH=3.5, 20MPH=2.9, 25MPH=2.3, and 30MPH=1.9

ถ้าขี่จักรยานไปกี่ไมล์ที่ความเร็วเท่าไรก็ให้ใช้ค่าตัวแปลง (conversion factor) ข้างต้นนี้หารได้ เช่น ถ้าขี่จักรยาน 20 ไมล์ที่ 10 mph > ใช้กำลังงาน = 20/4.2 = 4.8 ไมล์ของการวิ่ง ฯลฯ 

...

สูตรนี้ใช้กับผู้ใหญ่ฝรั่งขนาดกลาง 155 ปอนด์ = 0.4536 x 155 กก. = 70.31 กก. (1 ปอนด์ = 0.4536 กก. หรือประมาณ 0.454 กก.)

คนที่มีน้ำหนักน้อยจะใช้กำลังงานน้อยลงในการปั่นจักรยาน และถ้าทำ 'drafting' หรือปั่นจักรยานตามหลังคนอื่น จะใช้กำลังงานน้อยลงได้มากจนถึง 1/3 ซึ่งอาจต้องนำมาคำนวณด้วย

...

ถ้ารู้สึกว่า สูตรพวกนี้จะทำให้ชีวิตวุ่นวาย หรือขี่จักรยานไม่เร็วเท่ามืออาชีพละก็ ให้กลับไปใช้ค่าเดิม คือ เอา 4 หารระยะทางจักรยาน จะได้ระยะทางวิ่งที่ใช้กำลังงานพอๆ กัน

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

...

 ติดตามบล็อกของเราได้ทางทวิตเตอร์ > [ Twitter ]

ที่มา                                                                      

  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > 4 ตุลาคม 2552.
  • ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.
หมายเลขบันทึก: 303316เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2009 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 17:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท