บ่มเพาะความสดใสในชีวิต
ความทุกข์ยากวันนี้ มาเพื่อที่จะผ่านเลยไป
อย่ายึดมันเอาไว้ และก็อย่าปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ
เก็บบางเสี้ยวส่วนมาแปรเป็น "อาหาร"
แก่ปัญญาและจิตใจของเราบ้าง ...
โปรดยิ้มน้อยๆ เป็นของขวัญให้แก่ตัวเองเถิด...
.....................................................
ความหวังอันงดงามบินหนีจาก
แม้ความฝันก็พลันเหือดแห้ง
แต่กล้วยไม้ป่ายังผลิบานทุกหน้าหนาว
ชีวิตไม่ถึงกับโหดร้ายไปเสียหมด
แม้เคราะห์กรรมจะกระหน่ำซัดจนความฝันไม่หลงเหลืออยู่เลย
แต่เบื้องหน้าเรา ณ บัดนี้ก็ยังมีดอกไม้ป่าชูดอกงามให้เราชื่นชม
วันข้างหน้าแม้จะไม่ชวนพิศมัย จนไม่อยากจะวาดหวังอะไร
แต่วันนี้ ขณะนี้ เรายังมีโชคที่ได้สัมผัสกับความงามจากธรรมชาติ
ความเป็นจริงไม่ถึงกับโหดร้ายไปเสียหมด
เพราะยังมีบางแง่บางมุมที่ให้ความสุขแก่เราได้
ถ้าเราลองเปิดใจและกวาดตาไปทั่วๆ ดูบ้าง
ประกายแห่งความสุขย่อมปรากฏแก่เรา
จากนกตัวน้อยที่บินผ่านอย่างเริงร่าและเบากาย
จากดวงจันทร์วันเพ็ญ หรือ
จากรอยยิ้มของเด็กน้อยที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม
ธรรมชาติมีพลังแห่งชีวิตที่สามารถสื่อให้เราหยัดกายยืนขึ้นใหม่ได้
.............................
นี่ใช่ไหมที่ท่านพุทธทาสแนะนำเราเสมอ
ยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า..........
ให้รู้จัก "ฟังเสียงต้นไม้พูด" บ้าง
ในยามทุกข์ยากแสนสาหัส แม้มีความตายเป็นเบื้องหน้า
ถ้าเรารู้จักเปิดใจและเงี่ยหูฟังเสียงธรรมชาติพูดบ้าง
เราจะประจักษ์ชัดถึงปัจจุบันและปัจจุบันจะทำให้เราประจักษ์ว่า
เรายังมีชีวิตอยู่เพราะอะไร?
ก็เพราะว่าปัจจุบันคือชีวิต
ความทุกข์ยากวันนี้ มาเพื่อที่จะผ่านเลยไป
อย่ายึดมันเอาไว้ และก็อย่าปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ
ไม่มีความเห็น