“ประชาสัมพันธ์ด่านหน้า: การเยียวยาด้วยหัวใจ”♥♥
อังคณา วังทอง
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี
ดิฉันเริ่มปฏิบัติงานด้วยตำแหน่ง จพ.สสช. ได้ทำงานกับชาวบ้าน ใกล้ชิดประชาชนได้ลงพื้นที่ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างแท้จริง เนื่องจากทำงานที่สถานีอนามัยแห่งหนึ่งในอำเภอปะนาเระ หลังจาก 1 ปี ข้าพเจ้าก็ย้ายมาอยู่สถานีอนามัยในตัวเมืองปัตตานี เกิดการเรียนรู้ สัมผัส และรับรู้สิ่งดีๆ จากชุมชนและพี่ๆ ที่ร่วมงานด้วยกันอย่างมากมาย และนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน ชีวิตการทำงาน ทำให้เข้าใจคำว่า “ชีวิต” มากขึ้น
จากคำพูดของพี่สะปินะ ลาเต๊ะ หัวหน้าสถานีอนามัยที่ดิฉันเคยปฏิบัติงาน “การที่คนไข้มาหาเรา เค้าไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เค้าขอให้เราพูดกับเค้าดีๆ กระทำกับเค้าดีๆ ซึ่งถ้าเราพูดกับเค้าดีๆ เป็นกำลังใจให้ คอยดูแล เค้าไม่สบายและมาหาเราด้วยอาการเต็มร้อย อาการอาจเหลือแค่ครึ่งหนึ่ง หรืออาจไม่ต้องใช้ยาเลยก็ได้” จากคำพูด และการกระทำของพี่เค้า ถือได้ว่าเป็น “ROLE MODEL”ในใจดิฉันตลอดมา และเป็นข้อคิดที่ดิฉันจดจำ นำไปใช้ในการทำงาน คอยดูแลผู้ป่วยที่มารับบริการที่โรงพยาบาล หรือแม้แต่เวลาลงชุมชนก็ตาม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
จนกระทั่งมีโอกาสได้ปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ ที่โรงพยาบาลหนองจิก คอยคัดกรองผู้ป่วย ดูแลประสานงานในเรื่องทั่ว ๆ ไปของผู้รับบริการ ถือว่าเป็นการทำงานที่มีความสุข คอยดูแลผู้ป่วยเหมือนญาติ ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจไม่ชอบงานตรงนี้ เพราะเป็นงานที่ต้องคอยรับอารมณ์ทั้งผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ แต่ดิฉันมีหลักคิดในการทำงาน และคอยเตือนตนเองอยู่เสมอ คือให้คิดถึงใจเขาใจเรา ให้บริการด้วยใจประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคนในครอบครัว และยังพบอีกว่าการทำงานด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ เป็นการบูรณาการเข้ากับงานทุกแผนกในการทำงาน และการใส่ใจ และติดตามเอาใจใส่ผู้ป่วย ไม่เฉพาะเรื่องอาการความเจ็บป่วยทางกายเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยรักษาอาการทางใจของเขาด้วย ซึ่งการดูแลและการใส่ใจด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ ให้ง่ายขึ้น และเป็นการพัฒนาระบบงานโดยผู้รับบริการ พร้อมดึงภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมามีส่วนร่วม เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการบริการที่ดีที่สุด เกิดความพึงพอใจ ไว้ใจ มีใจ และมีความสุขในการมารับบริการ จนรู้สึกเกิดคำว่า “พวกเรา” ขึ้นมา เพื่อง่ายต่อการทำงาน และยังเป็นเกราะป้องกันในการทำงานกับชาวบ้านท่ามกลางสถานการณ์ใต้ อีกทั้งสามารถทำให้เกิดเป็นเครือข่ายการให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ที่โรงพยาบาลหนองจิกขึ้นมา ถึงแม้การทำงานจะไม่มีคำว่าดีที่สุด ถึงแม้บางจุด เราจะช่วยได้บ้างหรือช่วยไม่ได้เลย แต่เราก็ทำให้ดีที่สุด ผู้ป่วยและญาติก็รู้สึกดี เพราะเป็นการช่วยเหลือด้วยความจริงใจ และเต็มใจ
จากประสบการณ์การทำงาน“เวลาคัดกรองคนไข้ จุดแรกก็จะเริ่มที่ตัวเราก่อน คือ แสดงสีหน้าท่าทางที่เต็มใจให้บริการ ยิ้มแย้ม พูดจาดี แต่งกายสุภาพ คอยให้คำแนะนำ ซึ่งเป็นการ Healing Environment อย่างหนึ่ง ควบคู่กับการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม สะอาด ปลอดภัย สะดวก เพื่อแสดงถึงความเต็มใจของการให้บริการ ซึ่งเราจะเน้นการดูแลดุจญาติมิตร โดยเฉพาะเวลาผู้รับบริการที่สูงอายุ ผู้พิการ หรือเด็ก ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเรา เราก็จะไปรับถึงข้างหน้า เปิดประตูรถให้ ทักทาย คอยดูแลหรือประคอง เราจะดูแลเหมือนว่าเค้าเป็นเสมือนญาติเรา เอาใจเค้ามาใส่ใจเราให้มากๆ ค่ะ เพราะเวลาเราไปรับบริการที่หน่วยงานราชการอื่น เราต้องการการรับบริการอย่างไร เวลาคนที่เค้ามาใช้บริการที่เราก็ต้องการเช่นเดียวกับเรา และเป็นต้นแบบให้น้องและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในการให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาระบบงานที่ยั่งยืนโดยเน้นผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง”
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ดิฉันเกิดการเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของชีวิต คำว่า “น้ำใจและรอยยิ้ม” ที่เราหยิบยื่นให้เค้า บางครั้งเกิดความประทับใจของเค้าไปชั่วชีวิต โดยบางครั้งเราอาจไม่รู้เลยว่า “การให้” มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขามากมายเพียงใด แม้สิ่งดีๆ เพียงเล็กน้อย ก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้ สามารถช่วยให้เค้ามีความสุข จนนำความสุขที่เค้าได้ไปประยุกต์ใช้ในการดูแลกับคนในครอบครัว กับคนรอบข้างต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมกลับมาหาดิฉันพร้อมรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความจริงใจที่มีให้กันอย่างยั่งยืน
พยายามทำงานให้ดีที่สุดต่อไป พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้
ชื่นชม คอยเป็นกำลังใจให้
เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า "หลาย ๆ คนอาจไม่ชอบงานตรงนี้ เพราะเป็นงานที่ต้องคอยรับอารมณ์ทั้งผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่" รู้สึกชื่นชมกับความอดทน เพราะคนที่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ต้องมีความอดทนและมีจิตบริการอย่างสูง
ทั้งสวย ทั้งเก่ง น่าชื่นชม