…...พระไทยเข้าคุกของเคาน์ตี………


........มีคนผิวดำคนหนึ่ง เป็นอิสลาม เป็นอิหม่ามเข้ามาโค้ง ถามว่าเป็นพระศาสนาพุทธใช่ไหม บอกว่าใช่ ถามอีกว่า...........

                                   ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ

“อาตมานั่งรถเมล์จากโพโมน่ามาที่ดาวน์ทาวน์ มาลงแถวๆ ยูเนี่ยนสเตชั่นใกล้ๆ คุกอลามีน่า ก็มีคนผิวดำคนหนึ่ง เป็นอิสลาม เป็นอิหม่ามเข้ามาโค้ง ถามว่าเป็นพระศาสนาพุทธใช่ไหม บอกว่าใช่ ถามอีกว่าไปช่วยสอนนักโทษหน่อยได้ไหม คือเจอกันก็ถามตูมเลย ไม่อ้อมค้อม อาตมาตอบว่าสอนได้ เขาบอกไม่เยอะนะ อาตมาบอกเจอคนเดียวก็สอนได้ แกก็เลยจูงมือหลบคนไปนั่งคุยกันที่ข้างๆ ตู้เครื่องแช่แถวนั้น ถามอาตมาว่าประวัติการศึกษาอย่างไร อาตมาก็บอกรวบๆ ว่าจบตรี Buddhist Studies (พุทธศาสตรบัณฑิต) จบโทและเอกด้าน Politic (รัฐศาสตร์) ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง The Buddha’s socio-political ideas (ศึกษาแนวคิดทางการเมืองและสังคมของพระพุทธเจ้า) เขาก็บอก โอ กำลังหาอยู่เลย ก็รีบจดประวัติ ขอเบอร์โทร อีเมล์อะไรไป แล้วก็ให้นามบัตรมา เขียนว่า Department of Justice, Federal Bureau of Prisons คือเป็นอนุศาสนาจารย์ของเรือนจำ คงจบมาทางศาสนศาสตร์ บรรจุตำแหน่งนักการศาสนา”

 เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา เผยต่อไปว่า วันรุ่งขึ้น ตนได้รับอีเมล์จากอิหม่ามคนดังกล่าวบอกว่าในคุกของเคาน์ตี มีนักการศาสนาคริสต์และอิสลาม เข้าไปพูดคุยให้คำปรึกษากับนักโทษเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ยังไม่มีศาสนาพุทธ แม้ว่าจะมีการเสาะหามานาน และที่สำคัญคือเขากำลังจะเกษียณในอีกไม่นานข้างหน้า

 “เขาบอกว่าอาตมาเหมือนคนที่พระเจ้าของเขาส่งมา เพราะเขาสวดขอจากพระเจ้าของเขา ก็บอกมาว่าจะไปสอนวันไหน เวลาไหน จะจัดรถมารับ อาตมาก็บอกว่าวันพุธ ให้เวลาเขาตั้งแต่บ่ายเป็นต้นไป ก็ลงตัวที่ตอนหกโมงเย็นทุกวันพุธ แต่ไม่ต้องส่งรถมา อาตมาไปรถเมล์สะดวกกว่า ชั่วโมงเดียวถึง”

 ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ กล่าวต่อว่า การสอนธรรมะในคุกครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 26 สิงหาคม แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเป็นนักโทษหญิง ในเวลา 18.00-19.00 น. จากนั้นเป็นนักโทษชายระหว่างเวลา 19.00-20.00 น. โดยมีการจัดเตรียมสถานที่อย่างดี และเหมาะสม

“ครั้งแรกมีผู้หญิงมาคุยประมาณสิบกว่าคน เป็นแม่หญิงลาวสองคน บอกว่าติดคุกเก้าเดือน อยากเจอพระมาก อยากเจอผ้าเหลือง ได้เจอก็ดีใจ วันแรกเอาหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษไปแค่ห้าเล่ม หยิบพรึบเดียวหมด แล้วอ่านแบบหิวโหยเลย สนใจมาก เริ่มรายการก็บอกคุยกันก่อน ยังไม่สอนอะไรเป็นพิธีการ นั่งคุยกันเรื่องความทุกข์ อยากออกจากทุกข์ ก็อธิบายตามหลักพุทธศาสนาง่ายๆ ว่าความทุกข์คือของที่มาเยือนเป็นครั้งคราว แต่ความสงบคือความมีอยู่นิรันดร์ ให้พิจารณาตรงนี้ดีๆ จากนั้นก็เป็นนักโทษชาย พวกนี้เป็นนักวิชาการหลายคน มากันสิบกว่าคน มีคนหนึ่งท่องพระสูตรของมหายานได้หลายสูตร คุยกันเรื่องพระไตรปิฎก คุยอริยสัจ อีกคนพูดไทยได้ เคยอยู่เมืองไทย 15 ปี ติดคุกคดียาเสพติดในเมืองไทย อยู่เจ็ดปีก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็กลับมาอเมริกา แต่อยากกลับเมืองไทย คิดถึงภรรยาคนไทย แต่เขาไม่ให้ออกนอกประเทศ ทำพาสปอร์ตปลอม เลยติดคุกอีกสองปี คนนี้เป็นขาใหญ่ ท่าทางมีอิทธิพล อย่างคนนั่งฟังเทศน์ยกขาแบบสบายๆ หมอนี้สะกิด เอาลงหมด มีคนจีนคุยกัน แกจุ๊ๆ เงียบหมด เป็นขาใหญ่ที่สนใจธรรมะ ตัวแกนั่งพับเพียงใกล้ๆ ขาพระเลย บอกว่าสามเดือนจะออกแล้ว”

 การเข้าไปสอนธรรมะ และให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ กับเหล่านักโทษในเรือนจำ เมโทรโปลิแตน ดีเทนชั่น เซ็นเตอร์ อันเป็นสถานที่กักกันนักโทษในคดีไม่ร้ายแรง ซึ่งเกิดขึ้นทุกวันพุธนั้น ดร.พระมหาจรรยากล่าวว่า แต่ละครั้งจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ “ครั้งล่าสุดนี่ มากันเต็มห้องเลย” พระนักเทศน์ชื่อดังของชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส กล่าว

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญากล่าวด้วยว่า ครั้งล่าสุด อิหม่ามได้แนะนำให้ตนรู้จักกับ พาสเตอร์หนุ่มชาวอเมริกัน ที่จะเข้ารับหน้าที่แทนหลังเกษียณอายุราชการ มีการสั่งเสียฝากฝังกันเอาไว้อย่างดีแล้ว ทำให้ตนเชื่อว่ากิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคุกของแอลเอ เคาน์ตี จะยังมีต่อไปเรื่อยๆ ไม่ขาดตอน

“คุยกันถึงคุกที่ลองบีชด้วย ที่นั่นเป็นที่ขังนักโทษคดีร้ายแรง เขาจะพาไปเหมือนกัน แต่กำลังหารถหารากันอยู่ คือ ถ้าเขาต้องการก็จะสอนไปเรื่อยๆ เพราะเป็นที่เผยแผ่ธรรมะแห่งหนึ่งที่มีคนสนใจแท้ๆ เลย คือตั้งแต่มาอเมริกา 7-8 ปีนี่ ก็มีครั้งนี้ที่เข้าถึงคนอเมริกันมากขนาดนี้ และมาแบบสนใจแบบสุดๆ เลยด้วย พระสงฆ์ไทยคนแรกที่เข้าไปเผยแผ่ธรรมในคุกของอเมริกากล่าว และว่าอาจจะเป็นเพราะนักโทษเหล่านั้น บางส่วนอยู่ในสภาพที่มีทุกข์ การได้สนทนาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดี แม้ว่าเกือบทั้งหมดจะไม่ใช่พุทธศาสนิกชนก็ตาม

“ครั้งที่แล้ว มีคนหนึ่ง อายุ 20 กว่าๆ ไหว้สวย เขาสนใจคุยกับอาตมามาก พอหมดเวลาก็บอกว่าวันพุธหน้าให้มาคุยกันอีกนะ เขาบอกไม่ล่ะ พรุ่งนี้เขาจะออกจากคุกแล้ว หัวเราะกันครืนเลย เขาบอกติดคุกมาหกเดือน วันนี้เป็นวันที่วิเศษที่สุด อาตมาก็ดีใจ” เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญากล่าวในที่สุด.

 นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม
แหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์

 http://wwww.thaitownusa.com/New-0909000169-1.aspx

 

หมายเลขบันทึก: 296775เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2009 11:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีคุณหนุ่มกร

ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ ของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเผยแผ่คุณของพระพุทธศาสนา

ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม

(^___^)

  • สวัสดีค่ะ ปู่กร
  • พุทธศาสนิกชนล้วนให้ความศรัทธาพุทธศาสนานะคะ ขาใหญ่ก็ยังไม่เว้น
  • ขอให้พุทธศาสนิกชนสงบสุขกันทั่วหน้าค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีวันพระค่ะคุณหนุ่มกร

ธรรมะจัดสรรให้ทุกผู้ทุกคน ขอบคุณค่ะ

 

  • เป็นการเผยแพร่หลักธรรมที่เข้าถึงคนทุกชาติทุกภาษาทุกสถานที่เลยนะคะ โดยเฉพาะคนคุก หากเปลี่ยนแปลงภายในพวกเขาได้ ถือว่าเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ค่ะ
  • ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นชาวพุทธ และปลื้มใจกับพระสงฆ์ของไทยเราค่ะ
  • คุณหนุ่มกรสบายดีนะคะ

เจริญธรรม สำนึกดี อาจารย์วัลภา วันหยุดได้พักผ่อน สุขกาย สุขใจ นะครับ

สวัสดีครับป้าแดง ยังระลึกถึงกันอยู่เสมอหนึ่งปีผ่านไป ขอบพระคุณป้า ครับ

ธรรมะสวัสดีครับอาจารย์ poo เก็บบรรยากาศและเรื่องราวแดนใต้มาฝากเยอะๆ นะครับ

เจริญพร โยมหนุ่มกร

เรือนจำจังหวัดสงขลา ผู้ต้องขังเรียนและสอบธรรมศึกษากันมาหลายปีแล้ว

และส่วนใหญ่จะชอบเรียนธรรมศึกษากันเพราะได้สิทธิ์ลดโทษด้วย

เจริญพร

สวัสดีครับอาจารย์ ศิลา จริงด้วยครับ ภาคภูมิใจ อ่านแล้วมีความรู้สึกดี ๆ มากมาย ได้กำลังใจขึ้นมาอีกเยอะเลย  ขอบพระคุณมากครับ

กราบนมัสการพระอาจารย์ 

"..เรือนจำจังหวัดสงขลา ผู้ต้องขังเรียนและสอบธรรมศึกษากันมาหลายปี และส่วนใหญ่จะชอบเรียนธรรมศึกษากันเพราะได้สิทธิ์ลดโทษด้วย.."

...บุญทันตาเห็นเลยนะครับพระอาจารย์...ขออนุโมทนาด้วย ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท