ซื่อกินไม่หมด..คดกินไม่นาน..


เสียชีพอย่าเสียสัตย์..เสียเข็มกลัดอย่าเสียกางเกง..

          ปัจจุบันนี้..มักได้ยินข่าวเรื่องการทุจริตคอร์รัปซันอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการใด ๆ ก็ตามทีเถิด  มีการทุจริตเป็นว่าเล่น  มีให้เห็นกันอยู่ทุกหย่อมหญ้า  เช่น ข่าวว่า..มีการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ ข่าวว่า..มีการทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียงฯลฯ  ทุกข่าวๆที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากความไม่ซื้อสัตย์ไม่มีคุณธรรมกันทั้งนั้น วันนี้อาตมา..อยากจะนำเสนอธรรมะข้อว่า สัจจะ หรือความซื่อสัตย์  มาเล่าให้ญาติโยมได้อ่านได้เข้าใจกันก่อนอื่นอยากให้อ่านนิทานธรรมะนี้ก่อน

          เล่ากันมาว่า.. ครอบครัวหนึ่งซึ่งร่ำรวยมากและมีลูกหลายคน  ผู้เป็นพ่ออยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง  ลูกทุกคนต่างหวังว่า  วันหนึ่งเมื่อเสาหลักของบ้านจากไปตนจะได้รับมรดกมากกว่าคนอื่น 

         แล้ววันนั้นก็มาถึงเมื่อคุณพ่อล้มป่วยลงและนอนอยู่กับเตียง เขาเรียกลูกๆ เข้ามาพร้อมหน้ากัน แล้วยื่นเมล็ดถั่วให้คนละถุงและสั่งว่า  "จงเอาไปเพาะปลูกในกระถางนะลูก  ถ้าถั่วของใครงอกงามกว่า  คนนั้นจะได้รับมรดกจากพ่อ" 

         ทุกคนรีบกลับไปเพาะเมล็ดถั่วของตนเอง  สองอาทิตย์ผ่านไป คุณพ่อก็ขอดูต้นถั่วของพวกลูกๆ ปรากฏว่า..กระถางของแต่ละคนมีต้นถั่วงอกเขียวชอุ่ม ผู้เป็นพ่อมองดูกระถางเหล่านั้นด้วยสีหน้าเฉยๆ จนกระทั่งมาถึงกระถางของลูกชายคนสุดท้องซึ่งว่างเปล่า

         "ผมเสียใจครับคุณพ่อ" บุตรคนเล็กพูดพร้อมก้มหน้า "ผมเอาเมล็ดถั่วที่คุณพ่อให้วันนั้นไปเพาะ พยายามรดน้ำและใส่ปุ๋ย แต่มันไม่ยอมงอกเลย"  

         "ลูกทำดีมาก" ผู้เป็นพ่อชมเชย แล้วหันไปประกาศเสียงดังว่า "ลูกคนเล็กสมควรเป็นผู้ได้รับมรดก"

         "ไม่ยุติธรรมครับคุณพ่อ" พวกพี่ชายพากันประท้วง "ต้นถั่วของพวกเรางอกงามดี กลับไม่ได้รับอะไรตามสัญญา แต่ของไอ้คนเล็กมีแต่กระถางว่างเปล่า คุณพ่อกลับยกมรดกให้มัน"

          "ลูกเอ๋ย มันยุติธรรมแล้วที่ความซี่อสัตย์จะต้องได้รับผลตอบแทน"  ชายชราพูดเบา ๆ  "เพราะในเมล็ดถั่วที่พ่อมอบให้แก่พวกเจ้าในวันนั้น พ่อได้เอาใส่กระทะคั่วไฟ แล้วต้นถั่วของพวกเจ้านั้นมาจากไหนกันลูก"

          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..ถ้าเรามีความซื่อสัตย์แล้ว  เราก็จะเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นและได้รับสมบัติได้รับเกียรติได้โดยไม่จำเป็นต้องโกหกหลอกลวงหรือทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้นนะโยม  ถ้าบุคคลใดมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น  บุคคลนั้นก็ย่อมมีความเจริญอยู่เป็นนิตย์ทีเดียว  ตรงข้ามกับคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์ย่อมจะล้มจม และพินาศไปเหมือนกับนิทานธรรมะเรื่องนี้ คือ ถุงเงินของเศรษฐี

          เล่ากันมาว่า ..  เศรษฐีขี้เหนียวคนหนึ่งได้ทำถุงเงินหล่นหายระหว่างที่ไปทำธุระนอก เมือง ภรรยาของเขาจึงบอกให้เขาติดประกาศไว้ทั่วหมู่บ้านว่า “ถ้าใครเก็บถุงเงินได้ และนำมาคืนให้ จะได้รับเงินรางวัลอย่างงาม”

          สามวันผ่านไป มีพ่อค้าคนหนึ่งนำถุงเงินมาที่บ้านของเศรษฐี เพื่อคืนให้  แต่ทันทีที่เศรษฐีเห็นเป็นพ่อค้า ก็เกิดความโลภ อยากได้มากกว่าเดิม และไม่อยากเสียเงินรางวัลตามที่ประกาศไว้ จึงแกล้งบอกไปว่า

          “ถุงใบนี้ที่เจ้าเอามา มีแค่เงินอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว ถุงใบนี้มีเพชร พลอย อีกมาก เจ้าต้องขโมยไปแน่ๆ ”

          เมื่อพ่อค้ายืนยันว่าไม่ได้เอาไปเศรษฐีก็แกล้งทำเป็นโมโหและเรียกคนใช้ในบ้านมาจับกุมพ่อค้าไว้

          “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะต้องส่งเจ้าไปให้ท่านเจ้าเมืองตัดสิน” เศรษฐีพูดพร้อมกับสั่งคนใช้ให้นำตัวพ่อค้าไปหาท่านเจ้าเมือง

           หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเศรษฐีและพ่อค้าแล้ว ก็รู้ทันทีว่า เศรษฐีเป็นคนไม่ซื่อ และโลภมาก  ท่านเจ้าเมืองนั่งคิดอุบายเพื่อหาทางตัดสินอยู่สักครู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า

            “ท่านเศรษฐี...ถุงเงินใบนี้เป็นถุงเงินที่ท่านทำหาย ใช่หรือไม่

            “ถุงเงินของข้าที่หายไปนั้น นอกจากเงินแล้ว ยังมีเพชรพลอยอีกด้วย” เศรษฐีตอบด้วยความเจ้าเล่ห์

            ท่านเจ้าเมืองจึงถามต่อไปว่า “แสดงว่าถุงเงินใบนี้ไม่ใช่ของท่าน”

           “ถ้าเป็นของข้า ต้องมีทั้งเงินและเพชรพลอย” เศรษฐีกล่าวยืนยันด้วยความโลภ

           “หากเป็นดังที่ท่านกล่าวมา ก็แสดงว่าถุงเงินนี้ ไม่ใช่ของท่าน เพราะฉะนั้น พ่อค้าก็ไม่มีความผิด ข้าจะเก็บถุงเงินนี้ไว้ และให้ติดประกาศแจ้ง จนกว่าเจ้าของตัวจริงจะมารับคืนไป แต่ถ้าไม่มีผู้ใดมารับในกำหนด 1 เดือน เงินนี้จะตกเป็นของคลังหลวง”

           ฝ่ายเศรษฐีได้ยินเจ้าเมืองตัดสินดังนั้น ก็ตกตะลึง รู้สึกเสียดายเงินเป็นอย่างมาก  ขณะที่พ่อค้าแสดงความดีใจ ก้มลงกราบท่านเจ้าเมืองผู้ยุติธรรม

           นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “โลภมาก มักลาภหาย” เพราะเมื่อความโลภที่เป็นกิเลสเข้าครอบงำจิตใจของบุคคลใดก็ตาม ย่อมทำให้บุคคลนั้นสามารถกระทำความชั่วได้ทุกสิ่ง ทั้งพูดชั่ว ทำชั่ว คิดชั่ว เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการนั้น แต่ผลสุดท้ายก็ต้องรับกรรมชั่วที่ตนได้ทำไว้นั่นเอง

           ดังนั้นแล้ว  อาตมภาพอยากจะให้ญาติโยมทั้งหลายได้ตระหนักถึงคุณธรรมเรื่องของความซื่อสัตย์นี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก  โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ เจ้าหน้าที่ข้าราชการ หรือแม้พ่อค้าประชาชนทั้งหลายก็ตาม  อยากจะให้มีความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน..บ้านเมืองของเราจะได้อยู่เย็นเป็นสุข.. “เสียชีพอย่าเสียสัตย์  เสียเข็มกลัดอย่าเสียกางเกง”..นะคุณโยม..ขอเจริญพร..


MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com

อ้างอิง

http://www.tamdee.net/db/forum_posts.asp?TID=1886

http://www.pikpod.com/profile/blog.php?memberid=227&blogId=131

หมายเลขบันทึก: 295997เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2009 20:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

นมัสการครับ

นิทานอ่านเพลินๆ ใช้ได้ผลดีกับเด็กๆประถม แต่คงไม่ได้ผลกับ นักกามเมือง

การเมืองปัจุบันในเมืองไทยเป็นเหตุแห่งความเสื่อม

คงต้องรอ อย่างเดียว...

รอวันหายนะ

ขอบใจมากท่าน สำหรับนิทานทีให้คติ และแนวคิดทีดีแก่ชุมชนของพวกเรา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท