(อ่าน) การจัดเวที RW3 จังหวัดราชบุรี
เวทีการเรียนรู้ เพื่อนำเสนอกรณีตัวอย่างการทำงานส่งเสริมการเกษตรที่ได้ผลของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี ได้นำกรณีตัวอย่าง “เรื่องศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง” จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี และสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่จากจังหวัดต่าง ๆ ได้ศึกษาเรียนรู้ โดยมีผู้รับผิดชอบงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ของเขตทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายงาน
กรณีตัวอย่างที่ 1 การดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ของสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การดำเนินงานได้เริ่มปี 2551 ตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตรก็คือ มีศูนย์หลัก และศูนย์เครือข่าย มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นจุดนัดพบและเป็นจุดเรียนรู้ของเกษตรกรในการทำงานส่งเสริมการเกษตรระหว่างเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรกับเกษตรกร ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ ประมง และปลูกพืช ปัญหาที่เกิดขึ้นพบว่า ศักยภาพการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่มีความแตกต่างกัน ความสนใจของเกษตรกรมีน้อยเพราะไม่ตรงกับความต้องการของเกษตรกร และระยะทางที่เกษตรกรต้องมาพบกันนั้นไกล ต้องมีการเคลื่อนย้ายเกษตรกรมาเรียนรู้ยังสถานที่ดังกล่าว ดังนั้น จึงปรับแก้โดยให้ทุกตำบลมีศูนย์หลัก จำนวน 43 ศูนย์ และอีกจำนวน 2 ตำบล ไม่มีพื้นที่การเกษตรจึงไม่ต้องมีศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอพียง
แนวทางการดำเนินงานจึงเริ่มจากกการจัดกระบวนการเพื่อค้นหาความต้องการของเกษตรกรมาใช้เป็นประเด็นในการเรียนรู้ มีการจัดกิจกรรมตามที่เกษตรกรต้องกร ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เกษตรกรให้ความสนใจมาก เกษตรกรเดินทางสะดวก ส่วนเจ้าหน้าที่ก็มีความกระตือรือร้นเพราะทุกตำบลต้องดำเนินกิจกรรมดังกล่าว บทบาทของศูนย์เรียนรู้ฯ ที่เกิดขึ้นก็คือ
1) มีศูนย์เดี่ยว ซึ่งเกษตรกรจะเป็นเจ้าของ ไม่ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ การดำเนินกิจกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำกิจกรรมการเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ ใช้สารสกัดชีวภาพ เป็นการผลิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงขั้นที่ 2 คือ ผลิตเพื่อบริโภคเอง เหลือจึงนำมาขาย (แถม) มีการทำบัญชีฟาร์ม โดยมี เจ้าหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ กับเกษตรกร
2) มีศูนย์กลุ่ม ซึ่งทำกิจกรรมร่วมกันคือ ปลูกพืชคล้ายคลึงกัน มีพื้นที่ใกล้เคียงกัน มีงบประมาณมาสนับสนุน แก้ไขปัญหาที่คล้ายคลึงกัน ดำเนินกิจกรรมที่กลุ่มสนใจ วิธีการทำงานจะเป็นกลุ่มตัดสินใจ ได้แก่ การทำกิจกรรม จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ “ฐานการเรียนรู้” มีวิทยากรเกษตรกรประจำฐานเรียนรู้ จำนวน 5 ฐาน ได้แก่
1) ฐานพืช ที่ปลูกพืชตามข้อตกลงของกลุ่ม หรือตามฤดูกาลเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำท่วม
2) ฐานปุ๋ยหมัก
3) ฐานสารสกัดน้ำหมักชีวภาพ โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
4) ฐานหมูหลุม ซึ่งหมูจะสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น
5) ฐานน้ำส้มควันไม้
กระบวนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานร่วมกับกลุ่มและเจ้าหน้าที่ทำแล้วได้ผลคือ
1) รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล ที่เป็นปัญหาของเกษตรกร ได้แก่ เกษตรกรต่างคนต่างทำกิจกรรม ไม่มีการวางแผนการผลิต และราคาผลผลิตตกต่ำ
2) รวมกลุ่มเกษตรกร โดยรวมเกษตรกรที่เกิดปัญหาคล้าย ๆ กัน มีความสนใจเหมือน ๆ กัน และมีความต้องการเป็นแนวทางเดียวกัน
3) ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมกลุ่ม โดยนำความรู้ เทคโนโลยีเข้ามาถ่ายทอดให้กับเกษตรกรผ่านสื่อต่าง ๆ
5) ประเมิน สรุปผลการดำเนินกิจกรรม โดยจัดเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นกับกลุ่มในแต่
ละช่วงกิจกรรม ติดตามการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ให้คำปรึกษาแนะนำ เครื่องมือที่เจ้าหน้าที่ใช้ ได้แก่ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ปัจจุบันได้มีการยกระดับกลุ่มกิจกรรม เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มีการวางแผนกิจกรรมที่หลีกเลี่ยงน้ำท่วม ปลูกพืชหมุนเวียน และทำแล้วได้ผล ส่วนเป้าหมายที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะดำเนินการต่อไป ได้แก่ ลดต้นทุนการผลิต จัดการด้านการตลาด และปลูกพืชปลอดภัยจากสารพิษ
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทำให้เกิดประเด็นในการทำงานส่งเสริมการเกษตรของหน่วยงานที่สามารถทำร่วมกันได้ต่อเนื่อง เพราะทั้ง 2 ภาคส่วนต่างมีข้อสงสัยที่ตนเองต้องการคำตอบดังนี้
โจทย์กลุ่มวิสาหกิจชุมชน |
โจทย์เจ้าหน้าที่ |
1) ลดต้นทุนการผลิตทำได้อย่างไร 2) ผลิตพืชปลอดภัยจากการสารพิษทำได้อย่างไร 3) การจัดการการตลาด ได้แก่ (1) ค้นหาความต้องการของตลาด |
1) ทำอย่างไรถึงจะให้เป็นศูนย์ “ต้นแบบ” การเรียนรู้ให้ได้ 2) ทำอย่างไร ถึงจะให้เกิดเป็นศูนย์ที่นำไปปฏิบัติได้จริง (1) เกษตรกรต้องการอะไร แล้วนำมาเป็นประเด็นในการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ |
จึงสรุปได้ว่า ศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง เป็นจุดเรียนรู้ให้กับเกษตรกรโดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำ ค้นหาวิทยากรเกษตรกร ติดตาม ประเมิน และสรุปผลงาน
กรณีตัวอย่างที่ 2 ความสำเร็จของการทำงานเรื่องศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ของสำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี กรณี : การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ระดับจังหวัด
การดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ของสำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี มีเป้าหมายคือ เพื่อฝึกเกษตรกรให้เกิดการเรียนรู้ โดยเรียนรู้จากศูนย์เรียนรู้ฯ ที่สำเร็จ จำนวน 23 ศูนย์ ที่เป็นศูนย์หลักมีอยู่ทุกอำเภอ จำนวน 1 ศูนย์ และเป็นศูนย์ขยายที่กระจายอยู่ทุกอำเภอ ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 1 ศูนย์ก็ได้ และเพิ่มจุดเรียนรู้ที่เกษตรกรต้องการเรียนรู้ ซึ่งมีประมาณ 400 กว่าแห่ง
วิธีการทำงานมีกระบวนการ คือ 1) คัดเลือกเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจากทุกอำเภอมาเป็นผู้ดำเนินงาน 2) คัดเลือกเกษตรกรจากทะเบียนเกษตรกรคนจน 3) จัดฝึกอบรมเกษตรกรที่เป็นผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3 ครั้ง โดยมีการทดสอบเกษตรกรก่อนอบรม จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามที่เกษตรกรต้องการ และประเมินผลการฝึกอบรม ซึ่งพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ค่อยจดบันทึก 4) ติดตามผลงานในการปฏิบัติของเกษตรกร ซึ่งพบว่า เกษตรกร ประมาณ ร้อยละ 70 ที่ปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง 5) ประเมินผลงาน ซึ่งพบว่า การสนับสนุนงบประมาณของกรมส่งเสริมการเกษตรมีความล่าช้ากว่าการปฏิบัติของเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เกษตรกรไม่ค่อยมา เกษตรกรต้องไม่ซ้ำคนเดิมในแต่ละปี ไม่มีงบประมาณสนับสนุน ดังนั้น จึงมีแนวทางแก้ไขก็คือ การสนับสนุนงบประมาณควรจัดสรรให้ตรงตามช่วงเวลาการปฏิบัติงานของเกษตรกรและในพื้นที่
ผลที่เกิดขึ้นกับการดำเนินงานของหน่วยงานก็คือ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกตำบลต้องมีงานทำเหมือนกัน มีการกระจายงานสู่พื้นที่สู่เจ้าหน้าที่ทุกคน มีศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงเกิดขึ้นในทุกตำบล
จึงสรุปได้ว่า ศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อใช้เป็นจุดเรียนรู้ให้กับเกษตรกรตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรใช้ศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง เพื่อเป็นเครื่องมือ หรือสื่อการเรียนรู้ในการทำงานส่งเสริมอาชีพการเกษตรให้กับเกษตรกรได้บรรลุผลตามหลักการและเป้าหมาย
ผลการวิเคราะห์ กรณีตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จดังกล่าว คือ จากปรากฎการณ์ทั้ง 2 กรณีตัวอย่าง ที่ได้นำเสนอบทเรียนเพื่อการเรียนรู้ และเพื่อการเผยแพร่ผลงานส่งเสริมการเกษตร ของสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี จะเห็นได้ว่า องค์ความรู้หลัก ที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง ได้แก่ เรื่องกระบวนการกลุ่ม (วิเคราะห์กลุ่ม รวมกลุ่ม กิจกรรมกลุ่ม ประเมินผลกลุ่ม) เรื่องเทคโนโลยีการเกษตร (การผลิตพืช สัตว์ ประมง และอื่น ๆ) เรื่องการถ่ายทอดความรู้/ เทคโนโลยีวิชาการ และเรื่องการทำงานกับชุมชน ทางด้านองค์ความรู้ที่เจ้าหน้าที่ได้นำมาใช้สนับสนุนการปฏิบัติ ได้แก่ หลักการวิจัย (เชิงเหตุ-ผล) กระบวนการหาคำตอบร่วมกับชุมชน ซึ่งจะเห็นความเด่นชัดได้จากกรณีตัวอย่างของสำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนเทคนิคและวิธีการทำงานที่รวดเร็ว ผู้เกี่ยวข้องมีความเป็นเจ้าของและร่วมรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ชัดเจนจากกรณีตัวอย่างของสำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรีคือ การจัดระบบการทำงาน และการกระจายงานให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และเจ้าหน้าที่ทุกระดับ
ผลงานดังกล่าวเชื่อว่า ทุกหน่วยงานในกรมส่งเสริมการเกษตร มีสิ่งเหล่านี้กันอยู่แล้ว เพียงแต่หมั่นจดบันทึก หมั่นวิเคราะห์สรุป และหมั่นค้นหาสิ่งดี ๆ แล้วนำมาถ่ายทอด แลกเปลี่ยน ก็จะเป็นปรากฏการณ์ขององค์ความรู้ได้มหาศาล.
ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่าน