รายงานการวิจัย
การสังเคราะห์ข้อเสนอแนะของผู้ประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก โดย สมศ.
ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1
โดย
นางสาวอำนวยพร คำพันธ์
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1
คำนำ
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) ได้ดำเนินการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาในรอบแรก และครบรอบเวลาในปี 2548 ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งขณะนี้สถานศึกษาทุกแห่งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1 ได้รับการประเมินจาก คณะผู้ประเมินภายนอกของ สมศ. แล้ว จึงเป็นที่น่าสนใจว่าผลการประเมินภายนอกในรอบแรกนี้จะเป็นอย่างไร สถานศึกษามีคุณภาพมาตรฐานในด้านผู้เรียน ผู้สอน ผู้บริหาร และในภาพรวมของสถานศึกษาอยู่ในระดับใดบ้าง และคณะผู้ประเมินภายนอกของ สมศ. ได้ให้ข้อเสนอแนะอย่างไร เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1 ให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณศึกษานิเทศก์และสถานศึกษาทุกแห่งที่ให้ความร่วมมือในการรวบรวมรายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2549 จนทำให้การวิจัยในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ตามวัตถุประสงค์ทุกประการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานศึกษาที่จะนำผลการสังเคราะห์ข้อเสนอแนะไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาต่อไป
อำนวยพร คำพันธ์
ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การสังเคราะห์ข้อเสนอแนะของผู้ประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก โดย สมศ.
ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1
ชื่อผู้วิจัย นางสาวอำนวยพร คำพันธ์
ปีที่วิจัย 2550
การวิจัยครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1 ที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) และเพื่อสังเคราะห์ข้อเสนอแนะของคณะผู้ประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในรอบแรก ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือสถานศึกษา ที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกแห่ง ที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายในรอบแรก ตั้งแต่ปีการศึกษา 2545-2548 จำนวน 139 โรงเรียน เก็บรวมรวมข้อมูลโดยการศึกษาจากรายงานการพัฒนาการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2549 ของสถานศึกษา จำนวน 139 เล่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้านปริมาณและด้านเนื้อหา (Content Analysis) แล้วนำมาสังเคราะห์ (Synthesis) โดยจัดกลุ่มข้อเสนอแนะและสรุปสาระสำคัญ ผลปรากฏดังนี้
ผลการสังเคราะห์ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า
1.1 ด้านการบริหารสถานศึกษา ควรพัฒนาเกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลสารสนเทศให้สามารถนำไปใช้ในการบริหารสถานศึกษาได้เมื่อมีความต้องการ คิดเป็นร้อยละ 27.34 รองลงมา คือ ควรปรับปรุงระบบนิเทศภายในสถานศึกษา และควรจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติงาน คิดเป็นร้อยละ 25.90 และ 25.18 ตามลำดับ
1.2 ด้านการส่งเสริมงานวิชาการ ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อปรับปรุงและพัฒนางานให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น คิดเป็นร้อยละ 35.97 รองลงมา คือ ควรพัฒนาครูให้มีความสามารถในการวัดและประเมินผลด้วยวิธีที่หลากหลาย ตรงตามสภาพจริง คิดเป็นร้อยละ 32.37 และควรส่งเสริมให้ครูใช้สื่อที่สอดคล้องกับมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 30.93
1.3 ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ควรมีการสำรวจและจัดทำทะเบียน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและแหล่งเรียนรู้ในชุมชน คิดเป็นร้อยละ 15.11 รองลงมาคือ ควรเชิญคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมาประชุมเพื่อให้มีส่วนร่วมในการวางระบบประกันคุณภาพ และตรวจสอบการดำเนินงาน คิดเป็นร้อยละ 12.95 และควรจัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์โดยให้มีการประเมินความพึงพอใจในการบริหารงานของสถานศึกษาด้วย คิดเป็นร้อยละ 7.19
2. ข้อเสนอนะสำหรับครูผู้สอน
2.1 ด้านการจัดการเรียนรู้ ควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 25.90 รองลงมาคือ ควรฝึกให้ผู้เรียนทำโครงงานในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 23.02 และควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นทักษะกระบวนการคิด คิดเป็นร้อยละ 21.58
2.2 ด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมหรือพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 30.93 รองลงมาคือ ควรมีข้อมูลเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อดูแลช่วยเหลือ คิดเป็นร้อยละ 12.95 และควรจัดหาหรือผลิตสื่อนวัตกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น แบบเรียนสำเร็จรูป แบบฝึก ชุดการสอน CIA และสื่ออื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 11.51
2.3 ด้านการพัฒนาตนเอง ควรได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 61.15 รองลงมาคือ ครูควรได้รับการอบรม ให้มีความรู้และความสามารถด้านการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง คิดเป็นร้อยละ 49.64 และครูควรได้รับการอบรมเกี่ยวกับการสร้างและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 12.23
3. ข้อเสนอแนะสำหรับผู้เรียน
3.1 ด้านความรู้ ควรได้รับการพัฒนาคุณภาพเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ให้สูงขึ้น ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รองลงมาคือ ควรได้รับโอกาสในการเรียนรู้โดยใช้แหล่งเรียนภายนอกให้มากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 15.83 และ ควรได้รับการฝึกให้ทำโครงงาน คิดเป็นร้อยละ 14.39
3.2 ด้านคุณลักษณะ ควรได้รับการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง คิดเป็นร้อยละ 23.81 รองลงมาคือ ควรปลูกฝังให้มีวินัย ความรับผิดชอบ ความประหยัด ความซื่อสัตย์และความละเอียดรอบคอบ คิดเป็นร้อยละ 12.23 และควรได้รับการฝึกให้รู้จักดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 5.75
3.3 ด้านทักษะกระบวนการ ผู้เรียนควรได้รับการพัฒนาทักษะด้านศิลปะ ดนตรีและกีฬา ที่เหมาะสมกับท้องถิ่น อย่างน้อยด้านละ 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 31.65 รองลงมาคือ ผู้เรียนควรได้รับการฝึกทักษะกระบวนการคิด คือ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดไตร่ตรอง และตัดสินใจ คิดเป็นร้อยละ 28.77 และควรได้รับโอกาสในการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ได้วิพากษ์วิจารณ์ คิดเป็นร้อยละ 12.23
อย่าลืมแวะมาดูเผยแพร่งานวิจันด้วยนะคะ
เป็นงานวิจัยของ ม.แม่โจ้ค่ะ
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร
สามารถนำไปใช้ได้จริงด้วยค่ะ
ถ้าทำได้จริงก็ดี แต่ท่าทางจะยกเมฆมากกว่า ดูจากผลสัมฤทธิ์ของเขต หรือถามครูก็ได้
สนใจงานวิจัยเกี่ยวกับสมองมากเลยค่ะ กำลังจะทำผลงาน คศ. 4 เกี่ยวกับสมอง อยากเห็นตัวอย่างแบบฝึกสมอง ช่วยส่งให้ดูเป็นแนวทางได้ไหมคะ จะทำระดับมัธยมต้นค่ะ โรงเรียนขยายโอกาสค่ะ จะทำทั้งอำเภอน่าจะได้นะคะ ขอคำแนะนำด้วยคะ
ว่านวัตกรรมแบบไหนจะเหมาะสมกับระดับ คศ. 4
ขอขอบคุณ ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ