เส้นทางในการเดินทาง
ดิฉันจะเล่าเรื่องวันที่ดิฉันกับเพื่อนๆจะไปสวนส้ม ก่อนที่จะไปดิฉันกับเพื่อนๆเก็บผ้ากันตั้งแต่หัววัน ตื่นเต้นมากไม่รู้ว่าไปจะเป็นอย่างไง พอวันจะไปดิฉันกับเพื่อนตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า แต่ว่าจะไปกันตั้งแต่เช้าแต่ก็ไม่ได้ไปเพราะติดเรียนก็เลยเลื่อนไปตอนบ่าย ใจของดิฉันอยากจะไปตั้งแต่เช้าเพราะว่าอากาศตอนเช้ากำลังดีแต่ก็ไปไม่ได้เพราะต้องเรียนก่อน
พอเรียนเสร็จแล้วพวกเราก็รีบไปซื้อตั๋วเพื่อจะเดินทางและรถก็ออกเดินทางประมาณสามโมงตรง ดิฉันกับเพื่อนไปกันห้าคน ตอนนั่งรถไปดิฉันกับเพื่อนก็ชมวิวกัน วิวข้างทางสวยมากเห็นชาวไร่ชาวนาทำงานกันตลอดทาง แต่พอรถขับขึ้นดอยมันเป็นทางโค้ง จากที่ดิฉันกับเพื่อนชมวิวข้างทางกันอย่างสนุกสนานเกิดอาการไม่ไหวเพราะทางโค้งเยอะมากจนทำให้ดิฉันกับเพื่อนๆเวียนหัวกันเกือบทุกคน แต่สำหรับดิฉันถ้าไม่พกยาดมไปด้วยคงจะอ้วกสุดทางเลยแหละ แต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกอย่างหนึ่ง ว่าเราจะไปดูสวนส้มก็ต้องผ่านอะไรที่ลำบากก่อนที่จะไปถึงจุดมุ่งหมาย
พอไปถึงบ้านของเพื่อนก็ประมาทหกโมงเย็นแต่ดิฉันกับเพื่อนอยากจะเห็นสวนส้มกันมากก็เลยชวนเพื่อนไปดูอย่างเร่งด่วน ไม่ได้พักผ่อนกันเลยไปถึงก็จะไปดูกันแล้ว พ่อของเพื่อนที่ทำสวนส้มบอกกับดิฉันและเพื่อนว่า ถ้าจะไปดูสวนของพ่อที่ปลูกข้างบ้านก่อนก็แล้วกัน เพราะว่าสวนส้มที่มันสวยๆอยู่ไกลจากบ้านวันพรุ่งนี้ค่อยไปกันเพราะว่ามันเย็นมากแล้ว ดิฉันกับเพื่อนก็เลยบอกว่างั้นไปดูสวนส้มข้างบ้านก่อนก็แล้วกันค่ะ เพราะดิฉันกับเพื่อนอยากจะเห็นกันมากก็เลยไปดูก่อน
ก่อนทำงานก็ต้องถ่ายรูปเฮฮาตามประสาค่ะ
พอไปถึงพวกดิฉันก็ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ได้เห็นต้นส้มแบบใกล้ๆนั้นว่าการปลูกส้มนั้นเป็นยังไง สิ่งที่ดิฉันเข้าไปแล้วเห็นครั้งแรกก็คือต้นส้มที่เรียงกันสวยงามมากเรียงเหมือนกับเรายืนเข้าแถวเคารพธงชาติเลยทีเดียวแหละ มันเป็นอะไรที่สวยไม่เคยเห็นมาก่อนและก็เป็นครั้งแรกที่ได้ไปสัมผัสกับสวนส้มก่อนจะกลับบ้านกันดิฉันเห็นมะเขือสีม่วงสวยมาก ก็คือมะเขือม่วงได้เก็บไปจิ้มน้ำพริก
พอดิฉันกับเพื่อนๆได้เดินดูจนไม่อยากกลับเพราะกินส้มกันจนเพลินแต่ก็จำเป็นต้องกลับเพราะว่ามันมืดมากแล้ว พอกลับไปถึงบ้านพ่อกับแม่ของเพื่อนก็ทำกับข้าวไว้ให้พวกดิฉันทานกันเยอะมาก ก่อนที่ดิฉันกับเพื่อนจะมาที่สวนส้มได้บอกให้แม่ทำกับข้าวพื้นบ้านเพราะอยากทานกันมาก แม่ก็เลยทำ ลาบ แกงหน่อส้ม ปลานึ่ง และอาหารอย่างอื่นอีกมากมาย
พอทานกันเสร็จแทบจะลุกกันไม่ได้อิ่มกันมาก พ่อกับแม่ใจดีมากต้อนรับดิฉันกับเพื่อนเป็นอย่างดี ดูแลเหมือนเป็นลูกเป็นหลานท่านอีกคนหนึ่ง ดิฉันไปในครั้งนี้จะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว พอตกหัวค่ำก็พากันไปอาบน้ำ พอดิฉันกับเพื่อนอาบน้ำกันเสร็จหมดแล้วก็มานั่งคุยกับพ่อเรื่องที่จะไปวันพรุ่งนี้และพวกดิฉันกับเพื่อนก็มาปรึกษากันว่าเราจะเริ่มทำงานกันยังไงแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะทำอะไรบ้าง เพื่องานจะได้ออกมาดี พอดิฉันกับเพื่อนพูดกันเข้าใจก็ต้องไปนอนกันเพราะว่าวันพรุ่งนี้ก็ ต้องตื่นเช้าไปทำงานกัน
ขนาดอยู่บนรถยังสู้กล้อง ฮ่าๆๆ
พอรุ่งขึ้นดิฉันกับเพื่อนตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันกันและแม่ก็ทำกับข้าวให้ดิฉันทานกันก่อนที่จะไปสวนส้ม พอทานข้าวกันเสร็จพ่อกับแม่ก็พาดิฉันกับเพื่อนไปสวนส้ม ระหว่างที่เดินทางกันไปดิฉันกับเพื่อนก็ได้ชมวิวข้างทางเหมือนกับตอนที่นั่งรถจากเชียงใหม่มา แต่อันนี้ไปไม่เวียนหัวเพราะไม่มีดอย พอขับไปพ่อก็ถามว่าจะแวะเที่ยวตลาดนัดวันอาทิตย์ไหมดิฉันกับเพื่อนว่าไหนๆก็ผ่านแวะซื้ออะไรกินก่อนก็ได้ พวกเราจึงแวะตลาดนัดกันก่อนไปสวนส้ม
พ่อค้าแม่ขายที่ตลาด ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเชียวค่ะ
พอดิฉันกับเพื่อนลงรถไปก็คิดว่าตลาดจะไม่ค่อยมีคนแต่ที่จริงคนเยอะมากเลย ของขายก็เยอะ ตอนที่ดิฉันกับเพื่อนเดินเที่ยวกันมีแต่คนมองและก็มีคนเดินเข้ามาถามว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำไมที่นี่คะ ดิฉันกับเพื่อนก็ตอบไปว่ามาทำงานที่สวนส้มกันค่ะ เพราะว่าที่เค้ามองและรู้ว่าพวกดิฉันกับเพื่อนๆ อยู่แม่โจ้ก็เพราะดิฉันกับเพื่อนใส่ชุดงานหนักกันไป มันเป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของแม่โจ้อยู่แล้วเค้าก็เลยสงสัยว่ามากันทำไมดิฉันกับเพื่อนก็คิดว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด หลังจากที่พวกเราเดินตลาดกันเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปสวนส้มกันต่อ
ทางเข้าสวนค่ะ มีบ่อน้ำกว้างไว้สำหรับใช้ในทางการเกษตร
เย้ๆๆ เห็นประตูเข้าสวนแล้ว
หน้าที่หลักของดิฉัน ช่างถ่ายภาพค่ะ
พอถึงสวนส้มแล้วพวกเราก็แบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนดิฉันทำหน้าที่เป็นช่างภาพเก็บภาพของสวนส้มและเพื่อนๆ ส่วนเพื่อนอีกสี่คนก็แบ่งกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน เช่นการสัมภาษณ์คนสวนและการปลูกส้ม การฉีดยา การเก็บส้ม และอื่นๆอีกมาก หลังจากที่พวกเราทำงานกันเสร็จแล้วก็กลับบ้าน พอไปถึงก็ทานข้าวกัน
วันนี้เป็นวันที่ดิฉันกับเพื่อนเหนื่อยมาก เพราะทำงานกัน ทานข้าวเสร็จแล้วก็มานั่งคุยกับพ่อเรื่องการฉีดยาว่าต้องทำยังไงบ้าง ใช้ยาอะไรถึงจะทำให้ส้มออกมาสวยพอคุยกับ พ่อเสร็จถึงเวลาที่พวกเราจะต้องกับเชียงใหม่แล้ว แต่การกลับเชียงใหม่ในครั้งนี้พวกเราไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับเหมือนตอนมาเพราะว่า ตาของเพื่อนได้มาส่ง ระหว่างเดินทางไม่ ค่อยมีใครพูดคุยกันเท่าไหร่เพราะหลับกันจนมาถึงเชียงใหม่