๒. อาการวัตตชีวิต : กิน ดื่ม ทำ พูด คิด / อินทรีย์ ๕,พละ ๕
ข้อนี้สืบต่อเนื่องมาจาก อิริยาบถชีวิต คือ การยืน เดิน นั่ง นอน ของเราที่มีสติ
สัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อมในการเป็นอยู่ของกายและความรู้สึกนึกคิด ข้อนี้ขยายย่อยออกมาอีก ซึ่งหากรวมเอาทั้งอิริยาบถชีวิตกับอาการวัตตชีวิตเข้าด้วยกันก็จะเป็นกระบวนการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ๙ อย่าง ได้แก่ การยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด
อิริยาบถชีวิตนั้นเป็นลักษณาการชีวิตต้นบท ส่วนอาการวัตตชีวิตเป็นลักษณาการสืบเนื่อง เมื่อมนุษย์เรียนรู้ รู้จักและกระทำอิริยาบถได้ถูกต้องแล้วก็ต้องหนุนอาการกิริยาทางกาย วาจา ใจให้แข็งกล้ามีกำลังที่จักดำเนินชีวิตอยู่
องค์ธรรมนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า ได้แก่ อินทรีย์ ๕ และ พละ ๕
อินทรีย์ ๕ เป็นธรรมที่เป็นใหญ่สำหรับการทำหน้าที่ของมนุษย์ ข้อแรก คือ สัทธา ให้มีความเชื่อมั่นศรัทธา ๒. วิริยะ ให้มีความพากเพียรพยายาม ๓. สติ ใช้สติให้เต็มกำลัง ๔. สมาธิ ให้มีความตั้งใจมั่นแน่วแน่ในการกระทำการทั้งปวง ๕.ปัญญา ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต
ส่วน พละ ๕ นั้นก็คือข้อธรรมเดียวกันทั้ง ๕ ข้อนี้
อินทรีย์ ๕ นั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตมนุษย์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เราต้องกระทำให้เกิดพลังเพิ่มขึ้นเพื่อเอาพลังศรัทธา พลังวิริยะ พลังสติ พลังสมาธิ และพลังปัญญา นั้นมาก่อมาสร้างมาสานให้ชีวิตเราดำเนินไปอย่างถูกต้องมีคุณค่ามีประโยชน์สุข
อินทรีย์ ๕ และ พละ ๕ จึงได้แก่ ยุทธศาสตร์ชีวิตมนุษย์ที่ต้องกำหนดไว้ภายในตนแล้วกระทำการออกมาให้สำเร็จทางจิตธรรมและวัตถุธรรม
อาการวัตตชีวิต คือ การเป็นอยู่ที่มีความเป็นไปต่าง ๆ นานา ชีวิตมนุษย์ดำเนินไปตามความเคลื่อนไหวของชีวิตและสังคม จำเป็นที่เราต้องกระทำอินทรีย์ คือความเป็นใหญ่ในชีวิตให้เกิดกำลัง เป็นกำลังภายในที่จักต้องเอามาต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค
ไม่มีความเห็น