หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

อ่อบื๊อซอโข่ ตอนที่ ๓


การถวายอาหารแก่ก้อนเส้านี้ เป็นการระลึกถึงความอดทนของก้อนเส้าที่ต้องทนความร้อนจากฟืนไฟ ซึ่งชาวบ้านใช้หุงหาประกอบอาหารวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

๗...

      ไม่ทันเย็นผมก็ชิงอาบน้ำเสียก่อน ผมคว้าผ้าโสร่งสีแดงสดมาสวมคู่กับเสื้อปกาเกอะญอจนดูเนียนและกลมกลืน โดยไม่สนใจกับสายตาค่อนขอดจากหญิงสาวของผม

      ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง ชาวบ้านก็เริ่มมาที่ลาน เพราะเย็นวันนี้บริเวณลานกลางบ้านจะมีงานรื่นเริงของชุมชน มีทั้งการละเล่นและการแสดงหลายชุด

      ผมตื่นตาตื่นใจกับผู้คนที่มารวมกันที่ลานนี้เป็นอันมาก ชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าสีสันงามตา ชายหนุ่มบางคนก็ใส่ชุดแบบดั้งเดิมที่เป็นเสื้อทรงกระบอกยาวลงไปถึงตาตุ่มสีชมพูสด บางคนก็ใส่เสื้อนุ่งโสร่งทั้งเสื้อและโสร่งสีแดงสด หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานก็จะใส่ชุดเชวาสีขาว แม่บ้านที่แต่งงานแล้วก็นุ่งซิ่นบ้างก็ใส่เสื้อสีดำ บ้างก็สีน้ำเงิน

      ตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว ความมืดมาเยือนพร้อมกับความหนาวเย็น กิจกรรมรื่นเริงของชุมชนก็เริ่มขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ เครื่องยนต์คูโบต้าที่เคยใช้ไถนาบัดนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องบั่นไฟ สร้างความสว่างไสวให้บริเวณงาน รวมทั้งใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องขยายเสียงบนเวที

      การละเล่นแรกที่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม เป็นการประลองกำลังระหว่างสองคนคล้ายซูโม่หรือมวยปล้ำ กรรมการอย่างน้อยสองคนนำโสร่งผูกไว้ที่เอวของทั้งคู่ แล้วให้แต่ละคนจับผ้าที่ผูกอยู่บริเวณด้านหลังของคู่ต่อสู้ แล้วใช้พละกำลังของตัวเองดันให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลง การแข่งขันมี ๓ ยก ใครชนะ ๒ ใน ๓ ถือเป็นผู้ชนะ

      คู่แข่งขันแรก ๆ เป็นเด็ก ๆ ถัดมาโตขึ้นมาหน่อยเป็นเด็กหนุ่ม คนเฒ่าคนแก่ก็ไม่เว้นจับคู่เข้ามาแข่งขันด้วย คู่ที่เป็นไฮไลท์ของงานคือคู่ของผู้ใหญ่บ้านกับชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่ง ดูด้วยสายตาก็รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง ก็รูปร่างผิดแผกกันอย่างเห็นได้ชัด ผู้ใหญ่บ้านของเรารูปร่างเพรียว ขณะที่ชายหนุ่มคู่ต่อสู้หุ่นใหญ่ล่ำบึ้ก และก็เป็นอย่างที่คาดผู้ใหญ่บ้านเราแพ้รวดสองยกอย่างง่ายดาย

      ผู้ใหญ่คุยกับผมหลังแข่งเสร็จว่า รู้ว่าแพ้แน่นอนแต่อยากแข่งเพราะอยากให้ชาวบ้านได้สนุก ผมกับเพื่อนผู้พี่คุยกันต่อว่า นี่เป็นความฉลาดของผู้ใหญ่บ้านที่ต้องการลดช่องว่างระหว่างแกกับชาวบ้าน บางคราวก็ต้องยอมลูกบ้านบ้าง มิใช่ว่าจะต้องเป็นผู้นำตลอดไป เป็นผู้นำก็พลาดและแพ้ได้ ผมคิดในใจว่าแม้ผู้ใหญ่บ้านมีความสามารถที่จะชนะได้ อย่างไรเสียแกก็ต้องยอมทำเป็นแพ้สำหรับงานรื่นเริงในคืนนี้

      การละเล่นถัดมาคือ เต๊าะดูคะ คู่ต่อสู้แรก ๆ เป็นเด็ก ถัดมาเป็นเด็กหนุ่ม ไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่ เช่นเดียวกับการละเล่นแรก คู่ไฮไลท์ก็คือคู่ของผู้ใหญ่บ้าน เหมือนเดิมครับผู้ใหญ่บ้านแพ้รวดทั้งสองยก เรียกเสียงหัวเราะจากลูกบ้านได้อย่างครื้นเครง

      ถัดมาเป็นการไต่บันไดลิงหรือ ตะอึ๊คอ ผู้เล่นจะต้องไต่บันไดเชือกจากเสาฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง ผู้เล่นคนแล้วคนเล่าขึ้นไปปีแต่บันไดเชือกก็พลิกทำเอาผู้เล่นหล่นก่อนถึงเป้าหมาย ผ่านไปกว่า ๑๐ คน จึงจะมีคนไต่ไปจนถึงอีกฟากหนึ่งได้ คว้ารางวัลที่แขวนไว้ปลายเสาอีกข้างสำเร็จ

      ต่อมาเป็น กะฮะหริ ที่ผู้เล่นต้องโดดจากคานไม้ไผ่ไปคว้าและเกาะคานที่ห่างออกไปเกือบ ๒ เมตร แล้วปีนขึ้นไปเอาของรางวัลที่อยู่ปลายเสา ผู้เล่นกะฮะหริมีไม่มากนัก เพราะต้องใช้พละกำลังมาก บางคนกระโดดไปเกาะได้ แต่ก็ปีนต่อขึ้นไปไม่ได้เนื่องจากความลื่นของคานจากท่อนไม้ไผ่ที่สวมไว้เป็นแนวยาว แต่ในที่สุดก็มีชายหนุ่มร่างกายกำยำพิชิตของรางวัลได้สำเร็จ เรียกเสียงปรบมือจากชาวบ้านได้กึกก้อง

      หลังจากที่ผู้ชมได้ดูการละเล่นจนจุใจแล้ว ความสนใจทั้งหมดก็พุ่งมาบนเวที จากเสียงประกาศจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โฆษกจำเป็นสำหรับคืนนี้ ผมฟังไม่ออกว่าพูดอะไรบ้าง แต่สักพักเมื่อสิ้นเสียงประกาศพะตี (ลุง) ๒ คนก็ขึ้นเวที คนหนึ่งถือเตหน่าขึ้นไปด้วย สักพักผู้ชมทั้งหลายก็ได้ชมและฟังการเล่นเตหน่าคู่ไปกับการขับลำนำ คนหนึ่งขับลำนำพร้อมกับดีดเตหน่า อีกคนเป็นลูกคู่ แม้ว่าผมจะฟังไม่ออกว่าการขับลำนำนั้นมีเนื้อหาอย่างไร แต่เสียงที่ได้ยินก็ไพเราะมาก

      การแสดงดนตรีพื้นบ้านบนเวทีกินเวลาราว ๒๐ นาที จากนั้นก็เป็นการละเล่นที่เหลือต่อ เริ่มจากการปีนเสาน้ำมัน ซึ่งกว่าจะมีผู้ปีนขึ้นไปเอาของรางวัลที่ปลายเสาสำเร็จก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผู้ชมต่างก็เอาใจช่วยอย่างใจจดใจจ่อ

      ในขณะที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งชมการปีนเสาน้ำมัน อีกด้านหนึ่งก็เป็นการแข่งขัน ขะโก๊ะโก๊ะ คล้ายกับการยิงธนู อุปกรณ์ที่ใช้ยิงคล้ายธนูทำจากไม้ไผ่ สายทำจากไม้ไผ่และหวาย ส่วนกระสุนที่ใช้เป็นก้อนหิน ผู้เล่นจะใช้ขะโก๊ะโก๊ะยิงเชือกที่แขวนของรางวัลอยู่ ซึ่งได้แก่น้ำอัดลมขวดพลาสติกและเหล้าใส่ขวดแก้วที่ต้มกันเองในหมู่บ้าน เหล้าที่เป็นของรางวัลมิมีใครได้ไปดื่มกินเพราะพลาดท่าถูกลูกกระสุนจากขะโก๊ะโก๊ะแตก มีเพียงน้ำอัดลมเท่านั้นที่แม้จะถูกลูกกระสุนกระหน่ำใส่แต่ก็ไม่แตก

      จนการละเล่นมีผู้พิชิตได้หมดแล้ว บนเวทีก็เริ่มมีการแสดงอีกครั้ง เริ่มจากการสาธิตการปั่นฝ้ายจากผู้อาวุโสชายหญิง ต่อด้วยหญิงสาวปกาเกอะญอ ถัดมาเป็นการแสดงรำดาบปกาเกอะญอโดยชายหนุ่มในหมู่บ้าน ต่อด้วยผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ตามด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโฆษกจำเป็น ชาวบ้านดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งผม

      ปิดท้ายด้วยการแสดงจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชื่อการแสดงว่า สัตว์ร้ายทำลายโลก ผู้ช่วยฯ ให้ทีมงานนำกล่องกระดาษใบเขื่องออกมาตั้งหน้าเวที กล่องถูกมัดแน่นหนา กิจกรรมนี้ผู้ช่วยพูดเป็นภาษาปกาเกอะญอแล้วให้ผู้ใหญ่บ้านแปลเป็นภาษาไทย แล้วแกะกล่องให้ชาวบ้านมาชมสัตว์ร้ายทำลายโลก โดยบอกให้แขกเยือนจากกรุงเทพฯ มาชมก่อน

      ผมเป็นคนแรกที่เข้าไปดู ทันทีที่เห็นของในกล่องก็อดยิ้มไม่ได้ กระจกครับ ผู้ช่วยเอาใส่ไว้ในกล่อง ผมชะโงกหน้าไปดูในกล่องเห็นเงาตัวเองอยู่ในกระจก อ๋อ! นี่น่ะหรือสัตว์ร้ายทำลายโลก ผู้ช่วยนะผู้ช่วย... ชาวบ้านคนต่อ ๆ มา ทยอยกันมาดูทีละคนสองคน สุดท้ายโฆษกได้พูดทิ้งท้ายเป็นคำสอนด้วยภาษาปกาเกอะญอ

      งานเลิกเกือบเที่ยงคืน ชาวบ้านทยอยกลับ ผมกลับขึ้นไปนอนที่เดิมบนบ้านไม้ไผ่ ความเหน็ดเหนื่อย และง่วงนอน ผมหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน

 

๘...

      ผมตื่นเช้ากว่าเมื่อวาน แม้อากาศยังเย็นยะเยือก วันนี้เป็นวันประกอบพิธีอ่อบื๊อซอโข่ กิจกรรมหลายอย่างเริ่มแต่ไก่โห่...

      ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ข้างหลองข้าวจำลองทางทิศใต้ บรรดาภาชนะต่าง ๆ รวมทั้งน้ำ ข้าวสาร สัตว์บก สัตว์น้ำและพืชผักที่เตรียมไว้ ถูกลำเลียงจากบ้านพะตีจ่อวาเอมาไว้ที่นี่ ก้อนหิน ๓ ก้อน ถูกนำมาวางเป็นก้อนเส้า แล้วสุมฟืนก่อไฟ หม้ออลูมิเนียมขนาดใหญ่วางบนก้อนเส้าที่มีไฟอยู่เบื้องล่าง

      เทน้ำใส่หม้อ เอาข้าวสารซึ่งเป็นข้าวใหม่ใส่ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ ทั้ง อ้น นกคุ้ม หอย ปู กุ้ง ฯลฯ สุมไฟแรงจนความร้อนทำให้อาหารในหม้อสุก จึงค่อยยกลงจากเตา

      ตะกะโป่ที่สุกและยกลงจากก้อนเส้าแล้ว พะตีผู้ซึ่งเป็นผู้นำพิธีกรรมของชุมชน ตักเอาอาหารครบทุกส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น เนื้ออ้น ไก่ ปู หอยและกุ้ง ใส่ชามแล้วนำไปถวายบนหลองข้าวในภาชนะทรงสี่เหลี่ยมทำจากไม้ไผ่ ด้านข้างมีสวิงซ้อนปลาแขวนอยู่ ภายในมีกระทอเปล่า ข้าวเปลือกที่ชาวบ้านนำมาใส่รวมกันไว้ตั้งแต่เช้า ข้าวสุก ๑ ชาม ข้าวหลามราว ๑๐ กระบอก น้ำและเหล้าอยู่ในกระบอกไม้ไผ่อย่างละหนึ่ง มีหัวเผือกทั้งที่เผาและยังไม่ได้เผาอย่างละ ๒ ๓ หัว รอบ ๆ ภาชนะประดับด้วยดอกหงอนไก่ ดาวเรือง และพืชน้ำชนิดหนึ่ง

      ถวายข้าวของบนหลองข้าวแล้ว ก็กลับมาที่ข้างก้อนเส้า ตักเอาข้าวจากหม้อใส่ใบตอง เลือกตักเอาเฉพาะปู กุ้งและหอยในหม้อตะกะโป่ วางลงบนข้าวในใบตอง จากนั้นหันหน้าเข้าหาก้อนเส้าท่องบทสวดแล้วนำข้าวไปวางบนก้อนเส้าทั้งสาม นำกุ้ง ปูและหอยวางทับข้าวบนก้อนเส้า เสร็จแล้วก็รินเหล้าจากขวดใส่แก้วไม้ไผ่เทลงไปบนก้อนเส้าแต่ละก้อน

      การถวายอาหารแก่ก้อนเส้านี้ เป็นการระลึกถึงความอดทนของก้อนเส้าที่ต้องทนความร้อนจากฟืนไฟ ซึ่งชาวบ้านใช้หุงหาประกอบอาหารวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

      เทเหล้าลงก้อนเส้าเสร็จ พะตีก็รินเหล้าแจกจ่ายคนที่อยู่รอบกองไฟ เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ ทีแรกนึกว่าคงจะแจกจ่ายเฉพาะผู้อาวุโส ที่ไหนได้พวกเราได้รับแจกเหล้าทุกคน เริ่มจากเพื่อนผู้พี่ เพื่อนผู้น้อง และผม นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ผมดื่มเหล้า...

      จากนั้นพะตีผู้นำพิธีกรรม ก็เดินไปที่หน้าเวที พูดผ่านเครื่องขยายเสียงด้วยภาษาปกาเกอะญอ แล้วเดินขึ้นบนหลองข้าว มีชาวบ้านหลายคนเดินตามขึ้นไปทั้งหญิง ชาย ทั้งคนเฒ่าคนแก่และคนหนุ่มสาว ร่วมกันท่องบทสวดเพื่อส่งนกโถ่บีข่ากลับคืนสู่สวรรค์ ในระหว่างนั้นก็รินเหล้าแจกจ่าย เสียงหัวเราะครื้นเครงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

      เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง พิธีกรรมก็แล้วเสร็จ พะตีผู้นำพิธีกรรมรวมทั้งแม่เฒ่าและชาวบ้านหลายคนลงมาจากหลองข้าว ชายหนุ่มสามคนคว้าเครื่องดนตรี กลอง ฉาบ และฆ้องคนละอย่าง ตีเป็นจังหวะเดินตามขบวน

      จุดแรกที่ขบวนไปหยุด คือมุมของลานกลางบ้านทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พะตีนั่งยอง ๆ วางสวิงกับพื้น ใช้ไม้ไผ่ด้ามยาวเคาะลงบนพื้นดินหน้าสวิง ท่องบทสวดพึมพำ เสร็จแล้วให้แม่เฒ่าที่ตามมากระทำในลักษณะเดียวกัน จากนั้นขบวนก็เคลื่อนย้ายไปอีกมุมหนึ่งของลานทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ กระทำเช่นเดิม จนครบทั้ง ๔ มุม แล้วเคลื่อนขบวนขึ้นสู่ศาลากลางบ้าน เมื่อถึงบนศาลา ตรงหน้าบันไดพะตีหันหน้าออก วางสวิงลงกับพื้น เคาะไม้ไผ่บนพื้นหน้าสวิง ท่องบทสวด เสร็จแล้วแม่เฒ่าทำต่อ แล้วก็เดินเข้าไปในศาลา

      ช่วงที่พะตีทำพิธีอยู่หน้าศาลา ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็ไปนำดอกหงอนไก่สีแดงที่ประดับอยู่บริเวณหลองข้าว นำมาเสียบแซมผมทั้งของตนเองและคนอื่น ยามนี้ดอกหงอนไก่สีแดงจึงย้ายจากหลองข้าวไปทัดหูและแซมผมชาวบ้านทั้งหญิงชายทุกผู้ทุกคน ไม่เว้นแม้แขกเยือน

      ในขณะทำพิธีเลี้ยงส่งนกโถ่บีข่าขึ้นสวรรค์อยู่นั้น ชาวบ้านที่เหลือก็มากินข้าวร่วมกันบนศาลา ชาวบ้านนำข้าวห่อใส่ใบตองมารวมกัน กับข้าวนอกจากตะกะโป่ที่แกงเมื่อเช้าแล้ว ยังมีแกงหยวกกล้วยที่ทำเลี้ยงกันในงานนี้เป็นพิเศษ เมื่อพะตีและแม่เฒ่า รวมทั้งชาวบ้านที่ประกอบพิธีกรรมเข้ามาถึงศาลาก็กินข้าวร่วมกัน

      หลังจากที่ทุกคนกินข้าวร่วมกันเสร็จแล้ว เป็นพิธีกี้จือ (มัดมือ) เริ่มจากแม่เฒ่าอาวุโสของหมู่บ้านมัดข้อมือให้กับพะตีผู้นำพิธีกรรม ด้ายที่ใช้มัดข้อมือเป็นฝ้ายสีขาว ผู้เฒ่าและหนุ่มสาวช่วยกันเด็ดด้ายความยาวราว ๑ คืบ วางพาดบนน่องไก่ต้ม ข้าวหลาม ข้าวสวย แก้ว (ไม้ไผ่) น้ำและเหล้า แล้วนำไปผูกข้อมือให้แก่ผู้ร่วมพิธีพร้อมกับอวยพร ผูกเสร็จแล้วด้ายที่เหลือจะถูกเด็ดออก ผู้ผูกจำนำไปวางบนหัวพร้อมกับข้าวสุก

      การมัดมือโดยมากแล้วคนสูงอายุกว่าจะมัดให้คนที่มีอายุต่ำกว่า แต่ก็มีบ้างที่คนมีอายุน้อยจะมัดให้กับผู้ที่สูงวัยกว่า สำหรับเราทั้ง ๔ คน ถูกมัดข้อมือทั้งซ้ายและขวา ทั้งจากคนเฒ่าคนแก่ พ่อบ้านแม่บ้านที่อายุมากกว่า เรื่อยไปจนถึงหนุ่มสาวที่มีอายุน้อยกว่า

      เสร็จพิธีบนศาลาแล้ว พะตีจ่อวาเอและผู้ใหญ่บ้านเชิญเราไปด้านหน้าเวที มอบของที่ระลึกให้ อันได้แก่ ย่าม ข้าวหลามและข้าวปุ๊ก นอกจากจะให้เราแล้ว ยังฝากย่ามอีกกว่า ๑๐ ใบฝากไปให้ผู้ที่เคยมาเยือนคราวแล้ว แต่มิได้มาในครั้งนี้

      เราออกจากหมู่บ้านตอนบ่ายแก่ ๆ หลังจากกินข้าวร่วมกับผู้ใหญ่บ้านบนบ้านไม้ไผ่หลังงาม ถ่ายรูปร่วมกันไว้เป็นที่ระลึก ผมถือโอกาสถ่ายรูปครอบครัวผู้ใหญ่และรับปากว่าจะอัดแล้วส่งไปให้

 

หมายเลขบันทึก: 291814เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2009 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ไม่ได้อ่านเรื่องปกากะญอ
  • นานมากๆๆ
  • ผมพบว่าทุกๆๆคนใจดี
  • มีน้ำใจ
  • ตะบลือ

ตามมาอ่านตอนที่ สาม น่าสนใจ..จะตามตอนต่อไป

ขอบคุณครับ

ปกาเกอะญอที่ไหน ๆ ก็ใจดีเหมือนกันหมดครับ

เหมือน ๆ กับคนแถวเกษตรกำแพงแสนครับ

(ผมเป็นเพื่อนผู้พี่ อ.วนิดา, อ.พิเชษฐ์ และเคยร่วมงานกับท่านรองชวลิตและผู้ช่วยอธิการ-อ.หน่อย ครับ เลยรู้ว่าคนแถวนั้นใจดีจริง ๆ เหมือนกับปกาเกอะญอ)

บทความนี้เขียนไว้นานแล้ว แต่ไม่มีคนอ่าน

แค่อาจารย์แวะมาอ่านก็ดีใจแล้วครับ

ฮาเล่อเก -มาอ่านเรื่องใสๆ ในหมู่บ้านค่ะ

ได้บรรยากาศมากๆ คิดถึงๆ

ตะบรือๆ - hser hser poo

 

P ขอบคุณครับ คุณ poo
ขอบคุณที่ชอบและแวะมาอ่านครับ

ต้นปีหน้าผมจะไปร่วมงานนี้อีกตามคำเชิญของพะตี

สนใจไหมครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท