มารู้จัก : ระบบโพยก๊วน[1]
เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้มีโอกาสลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อเก็บข้อมูลในการทำวิจัยด้านการค้าชายแดนประกอบกับผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านคู่มือประชาชนเรื่อง “การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งในเอกสารฉบับนี้ได้มีการกล่าวถึงวิธีการต่างๆของการฟอกเงิน ไว้ซึ่ง ๑ ในวิธีการดังกล่าวก็คือ การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยการโอนผ่านระบบใต้ดิน เช่น “โพยก๊วน”[2] ดังนั้น ผู้เขียนจึงอยากจะใช้โอกาสนี้เขียนถึงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เรียกกันว่า “โพยก๊วน” ตามที่ผู้เขียนพอจะรู้จักบ้าง เพื่อเป็นพื้นฐานให้ท่านที่สนใจได้ต่อยอดความคิดต่อไป
มารู้จักระบบโพยก๊วน
ประวัติความเป็นมาของระบบ “โพยก๊วน” ในประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าเป็นกิจการที่มีการพัฒนามาจากชาวจีนที่มาอาศัยและทำมาหากินอยู่ในประเทศไทย ในอันที่ที่จะส่งเงินดังกล่าวกลับไปยังญาติพี่น้องชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน[3] ทั้งนี้เนื่องจากในสมัยนั้นระบบการเงินการธนาคารยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ดีแม้ในปัจจุบันระบบการเงินการธนาคารจะเจริญก้าวหน้ากว่าในอดีตก็ตาม แต่ระบบ “โพยก๊วน” นี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากความเชื่อที่ว่าระบบการเงินการธนาคารในสมัยปัจจุบันก็ถูกควบคุมและครอบงำโดยกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่มากมายจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน[4] ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ. ๒๔๘๕ หรือ พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๔ หรือพระราชบัญญัติการป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ระบบ “โพยก๊วน” เป็นได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มของแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในการทำธุรกรรมการเงินในระบบของธนาคารพาณิชย์ในการส่งเงินไปให้ญาติพี่น้อง
ระบบ“โพยก๊วน” นั้นโดยลักษณะแล้วจะเกี่ยวข้องกับเงินหรือธุรกรรมทางการเงิน และเงินหรือธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวนั้นจะมีการโอนกันระหว่างประเทศ[5]หรือข้ามประเทศ ในระบบโพยก๊วนนั้นจะต้องมีพ่อค้าการเงินนอกระบบหรือ“ตัวแทนหักบัญชี” (Clearing Agent)[6] คอยทำหน้าที่เป็นคนกลางเสมือนเป็นนายธนาคารในการรับโอนหรือส่งมอบเงินให้แก่บุคคลที่ผู้ใช้บริการโพยก๊วนระบุ ซึ่งอาจจะเป็นผู้ใช้บริการโพยก๊วนเองหรือบุคคลอื่นๆที่ผู้ใช้โพยก๊วนระบุไว้ก็ได้ โดยผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินจากพ่อค้าการเงินนอกระบบหรือตัวแทนหักบัญชี (Clearing Agent) ได้นั้นก็คือต้องบุคคลที่มี “หลักฐานการรับเงิน”หรือ”โพย”เท่านั้น[7] ซึ่งหลักฐานการรับเงินหรือโพยนั้นอาจจะเป็นธนบัตร[8]หรือสิ่งอื่นๆตามแต่จะตกลงกันระหว่างผู้ใช้บริการโพยก๊วนและพ่อค้าการเงินนอกระบบหรือ“ตัวแทนหักบัญชี” (Clearing Agent) ดังนั้นในระบบโพยก๊วนจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยกัน ๓ ฝ่าย คือ
๑) ผู้ใช้บริการโพยก๊วน
๒) พ่อค้าการเงินนอกระบบหรือ“ตัวแทนหักบัญชี” (Clearing Agent)
๓) ผู้รับเงิน
ตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับ “โพยก๊วน” เช่น
“เอ็นจีโอเสนอรัฐอนุญาตต่างด้าวเปิดบัญชีแบงก์”
นางสาวปราณี สมวงศ์ ตัวแทนเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองกล่าวว่า แรงงานต่างด้าวจะประสบปัญหาในเรื่องการส่งเงินกลับให้ทางครอบครัว เพราะมักถูกฉกชิง ปล้นทรัพย์สินเงินทอง จึงได้มีการเสนอต่อทางราชการและธนาคารต่างๆเพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้เปิดบัญชีธนาคารที่จะเป็นประโยชน์ในด้านข้อมูลทางเศรษฐกิจ และเพื่อความปลอดภัย
ขณะนี้การส่งเงินของแรงงานต่างด้าวในไทยให้กับญาติเป็นไปในลักษณะ “โพยก๊วน” คือให้คนกลางนำเงินไปมอบให้กับทางญาติโดยตรง จึงมักเกิดปัญหาการสูญหายหรือคนกลางที่ถือ “โพยก๊วน” มีเงินอยู่มากก็มักถูกปล้น ขณะที่แรงงานเองเมื่อทำงานระยะหนึ่งเก็บเงินไว้มากพอ ก็จะถูกรีดไถ แย่งชิงทรัพย์สิน และนายจ้างบางส่วนก็มักไม่จ่ายเงินเดือนแต่ละงวด โดยอ้างว่าจะเก็บเป็นเงินสะสมให้
นายธวัชชัย สมศิลป์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สอด กล่าวว่า ขณะนี้แรงงานต่างด้าวได้ใช้บริการของธนาคารกรุงไทยที่เปิดให้บริการโอนเงินแบบเงินด่วน คือเป็นการโอนเงินสดผ่านสาขาต่างๆของธนาคาร โดยยื่นหลักฐานบัตรประจำตัวคนต่างด้าวต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลการโอนเงิน ผู้ที่โอนก็สามารถแจ้งผู้รับปลายทางรับเงิน ให้ไปรับเงินที่ธนาคารกรุงไทยสาขาที่ให้บริการ ทั้งนี้ผู้ขอโอนเงินจะได้รับสลิปใบโอนเงินที่ระบุรายละเอียดของผู้โอนเงินที่เป็นข้อมูลส่วนตัว รหัสลับ และจำนวนเงิน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการรับเงินปลายทาง โดยธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการโอนเงินรายการละ 30 บาท วงเงินโอนครั้งละไม่เกิน 3 หมื่นบาท”
..............................................
[1] อาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุลและอาจารย์สิทธิพร ภู่นริศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ
[2] คู่มือประชาชนเรื่อง “การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, มกราคม ๒๕๔๙, พิมพ์ครั้งที่ ๙ หน้าที่ ๑๒.
[3] ผศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ และ น.ส.ปิยวรรณ สุขศรี, รายงานสรุปผลการวิจัยเรื่อง “สภาพความรุนแรงของปัญหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศไทย” (หัวข้อที่ ๑ ของโครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ระยะที่ ๒), สถาบันกฎหมายอาญา, สำนักงานอัยการสูงสุด, หน้าที่ ๒๐.
[6] พ่อค้าการเงินนอกระบบหรือ“ตัวแทนหักบัญชี” (Clearing Agent) ถือได้ว่าการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และเป็น ๑ ในความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ในอันที่จะทำการยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงินดังกล่าว
พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“การธนาคารพาณิชย์” หมายความว่า การประกอบธุรกิจประเภทรับฝากเงินที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้ และใช้ประโยชน์เงินนั้นในทางหนึ่งหรือหลายทาง เช่น (ก) ให้สินเชื่อ (ข) ซื้อขายตั๋วแลกเงินหรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด (ค) ซื้อขายเงินปริวรรตต่างประเทศ
มาตรา ๘ ห้ามมิให้บุคคลใดนอกจากธนาคารพาณิชย์ประกอบการธนาคารพาณิชย์
มาตรา ๓๕ ทวิ ให้ผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ใดๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรา ๗ ทวิ หรือมาตรา ๘ เพื่อตรวจสอบได้ และให้มีอำนาจยึดหรืออายัดเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดีได้
ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ตามวรรคหนึ่งให้เจ้าของหรือบุคคลซึ่งอยู่ในสถานที่นั้นมีหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์ตามสมควร
มาตรา ๔๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[7] บางครั้งผู้รับเงินไม่จำเป็นต้องมีโพยก็สามารถที่จะรับเงินจากพ่อค้าการเงินนอกระบบหรือ“ตัวแทนหักบัญชี (Clearing Agent) : ข้อมูลจากการสอบถามผู้ที่เคยใช้ระบบ “โพยก๊วน”
[8] ระบบ “โพยก๊วน” ในการค้าชายแดนไทย-พม่านั้นจะใช้ธนบัตรใบละ ๑ จัต/จ๊าต (สกุลเงินของพม่า) เป็นตราสารทางการเงิน (โพย) และจะใช้หมวดอักษรกับหมายเลขธนบัตรดังกล่าวเป็นตัวกำหนดมูลค่า เช่น กำหนดให้ ๑ จัต/จ๊าต มีมูลค่าเท่ากับ ๑๐,๐๐๐ บาท หรืออาจจะมีมูลค่าสูงหรือต่ำกว่านี้ก็ได้แล้วแต่จะตกลงกัน
สวัสดีครับอาจารย์
ผมมาติดตามอ่านงานของอาจารย์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ และธุรกิจระหว่างประเทศ
ดี และเป็นประโยชน์มากเลยครับ อย่างไรจะรออ่านอีกนะครับผม
สวัสดีครับ
อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
เพิ่งจะรู้วันนี้แหละ
เจ้า.............
"โพยก๊วน"
ขอบคุณมากสำหรับความรู้นี้
อาจารย์ ครับ
สรุปแล้วมันผิดกฎหมาย ไหม๊ครับ และธุรกิจแบบนี้สามารถทำได้อีกนานไหม๊ครับ
ตอบคุณพงษ์ประทาน
ธุรกิจแบบนี้ผิดกฎหมายแน่นอนคะ แต่ธุรกิจแบบนี้อาจจะยังคงมีอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นระบบค่าเงินที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ การเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินของสถานบันการเงินของประชาชนในบางประเทศโดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนเป็นต้น
อารายยยยยยยยว่ะ มั่ยเห่งจะรุเรื่องเรย
โพยก๊วนอารัยเนี่ย เฮ้อ
ผมคิดว่าไม่มีอะไรถูกต้องเสมอไปหรอก ในโลกนี้มีแค่สองสิ่งเท่านั้น คือ ถูกหรือผิด ไช่หรือไม่ไช่ มีหรือไม่มี ทุกข์หรือสุข ถ้าเราเลือกสุขก่อน ทุกข์ก็จะอยู่อีกด้านหนึ่ง ลองคิดดูครับ
ผมคิดว่าไม่มีอะไรถูกต้องเสมอไปหรอก ในโลกนี้มีแค่สองสิ่งเท่านั้น คือ ถูกหรือผิด ไช่หรือไม่ไช่ มีหรือไม่มี ทุกข์หรือสุข ถ้าเราเลือกสุขก่อน ทุกข์ก็จะอยู่อีกด้านหนึ่ง ลองคิดดูครับ
โพยก๊วน ยังคงมีต่อไปตราบเท่าที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพ่อค้าและแรงงานได้ และสิ่งที่พ่อค้าและแรงงานต้องการคือ
1. อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม เพราะในปัจจุบัน โพยก๊วนและพวกเอ็กเช๊น ให้อัตตราที่ดีกว่ามาก
2. ระยะเวลาที่รวดเร็วหรือเรียกได้ว่าแทบจะทันที ทันใด แต่ธนาคารใช้เวลาหลายวันหรือเป็นอาทิตย์
3. ค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่ามาก หรือฟรีค่าธรรมเนียม แต่ธนาคาร ชาร์จเต็มๆ
4. ไม่มีคำถาม หรือต้องกรอกเอกสารให้ยุ่งยาก จ่ายเงินมา เอาใบเสร็จไป รอ5นาที โทร เช็คปลายทางได้เลย
โดยทั่วไปหากเราใช้บริการโพยก๊วน เราจะประหยัดเงินไปได้5-15%เลยทีเดียว แถมยังรวดเร็วกว่า