จากกรุงเทพจนถึงตัวเมืองสระบุรี ถ้าท่านเลี้ยวขวาจะพบกับถนนมิตรภาพ อำเภอแรกที่ท่านต้องผ่าน คืออำเภอแก่งคอย ซึ่งเป็นถนนที่มี 10 เลน วิ่งระหว่างจังหวัดสระบุรีกับจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้ว ถนนมิตรภาพเป็นถนนที่มีเพียง 2 เลน อำเภอแก่งคอยในปัจจุบันเป็นอำเภอที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม จากเส้นทางการคมนาคมที่มีการเจริญอย่างรวดเร็ว บวกกับเป็นเส้นทางที่มีการขนส่งทางอุตสาหกรรม ทำให้อำเภอแก่งคอยมีผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางการจราจร ประมาณปีละ 100 คน ซึ่งในการสูญเสียชีวิตนั้น พบว่าการสูญเสียแต่ละครั้งนั้นเป็นการสูญเสียที่ค่อนข้างมหาศาลไม่สามารถประเมินค่าได้ อุบัติเหตุทางการจราจรที่อยู่ในอำเภอแก่งคอยเป็นอุบัติเหตุที่เป็นปัญหาเรื้อรัง ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องการสูญเสียของครอบครัว ทุกครั้งที่ผมได้ถูกตามไปชันสูตรศพจะเห็นว่าสภาพศพค่อนข้างที่จะเป็นสภาพที่ไม่น่าดู บางครั้งไม่สามารถดูได้ว่า บุคคลนั้นเป็นใคร ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นศีรษะ บางครั้งเห็นเพียงแขนและขาเท่านั้น เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในถนนมิตรภาพส่วนใหญ่จะรุนแรงเนื่องจากมีรถบรรทุก รถพ่วง ชนกับรถมอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์ ทำให้สภาพศพค่อนข้างที่จะไม่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นศพของใคร เมื่อมีญาติมาติดต่อดูศพจะเห็นได้ว่าลูกเมียหรือญาติที่มา มีความเสียใจ ร้องไห้ สนามหญ้าหน้าโรงพยาบาลบางครั้งก็เป็นที่นอนเกลือกกลิ้งเมื่อผู้ที่มารับศพไม่สามารถที่จะรับสภาพที่เกิดขึ้นนั้นได้ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือจากครอบครัวขาดรายได้ เนื่องจากผู้ตายอยู่ในฐานะเป็นผู้นำครอบครัว ภรรยาก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวแทน ลูกที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายสูงก็ต้องออกจากโรงเรียน มาหาโรงเรียนที่พอที่จะส่งเสียได้ ภาวะการเงินครอบครัวคงไม่ต้องพูดถึงค่อนข้างที่จะมีปัญหาเมื่อขาดผู้นำหลักในครอบครัว
ปัญหาอุบัติเหตุจราจรคงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ในอำเภอแก่งคอย ในประเทศไทยยังมีปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างมากมาย ผมมานั่งคิดว่าแล้วใครละที่จะเป็นผู้แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุเหล่านี้ เพื่อลดผลเสียที่จะตามมาจากการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง แม้ในโรงพยาบาลแก่งคอยซึ่งมีขนาด 60 เตียง จะมีระบบ EMS (Emergency Medical Service) ที่ค่อนข้างดี แต่ว่าการมี EMS เป็นเพียงการลดสภาวะการไม่ให้ตายหรือพิการ ให้ตายช้าลงเท่านั้น ผมคิดว่าถ้าเราจะทำเพียงแค่นี้คงไม่สามารถที่จะบรรเทาภาวะ การสูญเสียต่างๆได้ เพราะว่าการสูญเสียจากอุบัติเหตุแต่ละครั้งมันเป็นภาวะที่ไม่คาดคิด ไม่เหมือนเช่น โรคเอดส์ที่ว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงยังมีเวลา มียาที่บรรเทาหรือยืดระยะเวลาการเสียชีวิตได้ โรคมะเร็งที่ว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงหรือมีโอกาสรักษาน้อยมากแต่ก็สามารถรักษาได้ แต่อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดคิด และเมื่อเกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่งแล้ว บางครั้งไม่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับครอบครัวของตนเอง
ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลแก่งคอยปีนี้เป็นปีที่ 9 และได้ทำงานร่วมกับชุมชน ทั้งระดับในส่วนราชการ ระดับท้องถิ่น ผู้นำชุมชน โรงเรียน และโรงงาน ในเรื่องของการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งได้ทำมา 4-5 ปีแล้ว ผมคิดว่าคณะกรรมการที่เรามีอยู่นี้ หากจะนำมาช่วยกันในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรอีกน่าจะประสพความสำเร็จได้ อย่างที่ท่านอาจารย์ประเวศได้กล่าวไว้ว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นแพทย์น่าจะสามารถนำข้อมูลในส่วนที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมไว้ ซึ่งเป็นข้อมูลการบาดเจ็บและการเสียชีวิตของอุบัติเหตุจราจรมาใช้ประโยชน์ เพื่อนำข้อมูลนี้เข้าที่ประชุมเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงข้อมูลนี้ด้วยจึงเริ่มต้นจากการไปคุยกับท่านนายอำเภอถึงแนวคิดนี้ ท่านนายอำเภอและท่านผู้กำกับได้นั่งคุยกันก็คิดว่าแนวคิดนี้ น่าจะเป็นความคิดที่มีความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจมากกว่าการระดมพลเฉพาะในเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็สามารถสร้างความตระหนักได้ แต่อุบัติเหตุนั้นคงไม่มีใครคาดคะเนได้ว่าจะเกิดได้ ณ วันเวลาใด และคาดว่าแนวคิดนี้น่าจะดำเนินการได้จึงได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมยาเสพติด ซึ่งมีกรรมการจากทุกภาคส่วน ประมาณ 40 กว่าคนอยู่ในกรรมการชุดนี้ ซึ่งทุกคนเมื่อได้ฟังสรุปสถิติในการเกิดอุบัติเหตุจราจรและการเสียชีวิต ผลกระทบตามมาแล้วที่ประชุมมีแนวคิดว่านอกจากยาเสพติดแล้วเราคงจะต้องร่วมมือร่วมใจกันป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรนี้ด้วย ด้วยเหตุผลเบื้องต้นทางทีมงานคิดว่าเราควรมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ ในเรื่องของจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุจราจรและการเสียชีวิต จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเกิดขึ้นโดยจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในอำเภอแก่งคอย โดยมีกรรมการในทุกภาคส่วนประกอบด้วย เทศบาล อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงเรียน โรงงานอุตสาหกรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวจักรสำคัญในการที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ และได้ตั้งคณะทีมคณะทำงานเป็นอนุกรรมการ ในการรวบรวมข้อมูล จุดเสี่ยง ที่เกิดเหตุ ซึ่งประกอบด้วยโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ตำรวจ และมูลนิธิ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ทำหน้าที่ในการกำหนดจุดเสี่ยง จุดที่เกิดอุบัติเหตุ เจ็บ ตาย ในส่วนของถนนเส้นหลักคือ ถนนมิตรภาพ ถนนระหว่างอำเภอ ถนนระหว่างจังหวัด และเส้นทางที่อยู่ในตำบลนั้น ๆ ซึ่งผู้กำหนดคือ พยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ตำรวจ มูลนิธิ ดังนั้นเราจึงได้ข้อมูลจุดเสี่ยงเป็นจุดเกิดเหตุจริง และได้มีการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทุกเดือน
ซึ่งเราคิดว่าข้อมูลที่เกิดอุบัติเหตุนั้น คงไม่ได้เป็นข้อมูลเฉพาะที่โรงพยาบาลที่เดียว เพราะการเกิดอุบัติเหตุบางครั้ง เมื่อเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ จะไปรักษาที่สถานีอนามัย เมื่อเป็นมากก็จะส่งมาที่โรงพยาบาลแก่งคอย แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ประสบอุบัติเหตุไม่ได้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่เกิดเป็นคดีความเกิดขึ้น ก็จะมีการแจ้งความที่สถานีตำรวจ ดังนั้น เราจึงใช้หลักการนี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยคิดว่าถ้ารวบรวบข้อมูลจากสถานีอนามัย ตำรวจ และโรงพยาบาลแล้ว เราจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้นกว่าเดิม จากเมื่อในอดีตที่เราเก็บเฉพาะโรงพยาบาล เราจะเอาข้อมูลนี้นำเสนอในทีมคณะกรรมการ
หลังจากนั้นก็จะนำข้อมูลที่ได้นำเสนอไปให้กับทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัด, แขวงการทางบรรเทาและป้องกันสาธารณภัยจังหวัด ซึ่งเป็นส่วนที่จะไปใช้ในเชิงนโยบายในการกำหนด ในการปรับปรุงถนนเส้นทางหลัก U- tern หรือสะพาน U-tern ในอนาคต และเราได้มีการส่งข้อมูลลงสู่ในระดับพื้นที่ เทศบาล อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้รับทราบว่าในตำบลนั้น หมู่บ้านนั้น มีจุดที่อันตรายอย่างไร แล้วจะให้ทางพื้นที่ส่วนท้องถิ่นเข้ามาดำเนินการในการแก้ไขร่วม โดยมีทางแขวงการและทางหลวงชนบทเป็นที่ปรึกษา เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่างบประมาณของประเทศไทยนั้น คงไม่เพียงพอที่จะรอจากทางแขวงการทางหรือทางหลวงชนบท ก็คงต้องให้ทางท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งในสภาพที่ผ่านมาในอดีตทางท้องถิ่นไม่สามารถดำเนินการบนถนนของทางหลวงชนบทและแขวงการทางได้นั้น
ทางทีมคณะกรรมการจึงเป็นตัวประสานในการดำเนินการ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางแขวงการทางและทางหลวงชนบท ให้ส่งวิศวกรเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการของเราด้วย และช่วยในการประสานงานในการดำเนินการแก้ไขทางด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อความปลอดภัย โดยกรรมการได้ดำเนินการใน 2 เทศบาล 2 ตำบลนำร่อง ในส่วนตำบลอื่น ๆ ก็สามารถให้ดำเนินการแก้ไขตามลักษณะพื้นที่ได้ ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งอุบัติเหตุจะมีทั้งเรื่อง Education, Engineer, EMS, Evaluation, Enforcement (5E) ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราได้ดำเนินการประสานงานไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่มีมาตรการ 3ม 2ข 1ร ในโรงเรียน ให้ความรู้และสร้างความตระหนักให้กับนักเรียนเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุจราจรและกฎจราจรร่วมมือกับตำรวจ และการทำโรงเรียนให้โรงเรียนต้นแบบในการจราจร ซึ่งเราคิดว่าถ้ามีการแก้ไขโดยร่วมกันทั้งระบบแล้ว การจราจรของอำเภอแก่งคอยก็ควรที่จะลดลง ซึ่งการจะลดลงได้ก็คงต้องมีการร่วมมือจากทุกภาคส่วน
จากการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วนข้างต้น จะเห็นได้ว่าทุกส่วนซึ่งครั้งแรกเราคิดว่าคงจะไม่ได้รับความสนใจเท่าใดนัก ปรากฏว่าส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ โรงเรียน โรงงาน หมู่บ้าน ชุมชน อบต. เทศบาล ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมแก้ไขปัญหา หลังจากที่เราส่งข้อมูลให้กับส่วนต่าง ๆ และนำเสนอในคณะกรรมการ ดังนั้นจากที่เราเห็นว่าการทำงานที่ต้องแยกเป็นส่วนต่าง ๆ ในการใช้ยุทธศาสตร์ 5E ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมาย การให้การศึกษา ความรู้เรื่องของการประเมินผล และระบบทางการแพทย์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วภาคส่วนต่าง ๆ สามารถทำได้มากกว่า 1 เรื่อง อย่างเช่นว่าเทศบาลสามารถทำได้ทั้งในเรื่องของการให้การศึกษาเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องเกี่ยวกับวิศวกรรมความปลอดภัย และเรื่องเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลการดำเนินงานทุกภาคส่วนสามารถนำยุทธ์ศาสตร์ทั้ง 5Eไปดำเนินงานได้ทุกอย่าง โดยที่ไม่ต้องบอกว่าตรงนี้เป็นหน้าที่ของใคร
จากสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ในวันนี้ จะเห็นเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม คือ ทางโรงงานผลิตปูนได้มีการมาตรการบังคับให้พนักงานต้องมีใบขับขี่ ต้องสวมหมวกกันน๊อค และมีมอเตอร์ไซด์ปลอดภัย ทำให้จำนวนพนักงานเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบตรงนี้อย่างเคร่งครัด ก่อนที่จะข้าปฏิบัติงานในโรงงาน ใน 2 ตำบล และ 2 เทศบาลนำร่อง ได้มีการปรับปรุงผิวทางที่ชำรุด, ป้ายสัญญาณไฟ, เครื่องหมายจราจร, มีตำรวจจราจรดูแลจุดเสี่ยงในช่วงจราจรหนาแน่น สถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรหรือการตายจากข้อมูลใน 1 ปีที่ผ่านมาข้อมูลการตายมีสถิติจำนวนลดลง เมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อนหน้านี้ จำนวนผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุทางการจราจรมีจำนวนลดลง นอกจากนี้จะเห็นได้ว่านอกจากผลลัพธ์ที่ได้เกิดขึ้น
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่คิดว่าได้เกิดขึ้นจากการทำงานในครั้งนี้ คือ การที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยทุกคนทำงานภายใต้จิตสำนึก ที่มีจุดหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุ ที่ต้นเหตุ มากกว่าการตั้งรับเมื่อเจ็บป่วย
ซึ่งจะเห็นว่าท้ายสุดแล้วการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจร จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทุกคนทุกส่วนมีจิตสำนึกในการใช้ยวดยานพาหนะ ใช้ถนน ความมีสติของผู้ขับขี่ และปฏิบัติตามกฎจราจร ซึ่งในการทำครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนอุบัติเหตุที่ลดลงได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือ ทุกคนทุกส่วนร่วมกันและเห็นความสำคัญในเป้าหมายเดียวกัน ในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุไม่ใช่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่จะมาดำเนินการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกส่วนต้องร่วมกันทำงาน เราหวังว่าในอำเภอแก่งคอยคงจะมีจำนวนอุบัติเหตุทางการจราจรที่ลดลง มีการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ที่ลดลง ท้ายที่สุดก็คงจะทำให้ประชาชนมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น
...ชาตัวพ่อ...
นายแพทย์ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร
สวัสดีค่ะ SHA ตัวพ่อ น่ารักมากๆ ค่ะ เขียนดีจังเลยค่ะ
เขียนอีกนะคะ
สวัสดี ร่วมแรงร่วมใจกัน ระมัดระวัง รักษากฎ ทุกอย่างความสูญเสีย ก็น้อยลงนะคะ ให้กำลังใจท่านปฎิบัติหน้าที่นะคะ
เข้าถึงทุกประเด็นร้อน
การป้องกันอุบัติเหตุทางการจราจรถือเป็นเรื่องสำคัญของชาวแก่งคอย เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ดีจังเลย
อยากเห็นการทำงานทุกภาคส่วนแบบมีส่วนร่วม
อาจยังไม่เห็นผลวันนี้ แต่เชื่อ คนแก่งคอยคงได้ตระหนักถึงความปลอดภัยอย่างแท้จริง
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วย...เห็นด้วย
รอเห็นผลดีที่จะมากมายก่ายกองตามมา
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาให้กำลังใจ
คนไทยจะได้ไม่ตายด้วยโรคที่ป้องกันได้
สวัสดีค่ะ
- แวะมาทักทายและเรียนรู้ด้วยคนค่ะ
- ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ
* สวัสดีค่ะ อ.พอลล่า เป็นไงบ้างคะ "ชาตัวพ่อ" บ้านเรา เข้าร่วมมหกรรม sha 2009 แน่นอนค่ะ...และ "SHA-ยาเสพติด" พอใช้ได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์
* ขอบคุณพี่นิด, anlee, rosemary และ กาแฟ ที่เป็นกำลังใจนะคะ ทำให้มีแรงขึ้นเยอะเลยค่ะ
* ขอบคุณน้องอัจ...sha-พระโต๊ะ หลังจากพวกเราได้ร่วมกันคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ชามาด้วยกัน ไม่นึกว่า ชาพระโต๊ะจะโตได้อย่างเร็ว และสวยงามนะคะ อย่างนี้ทุกคนต้องร่วมกันดูแลและรดน้ำเป็นแน่แท้ แล้วอย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันบ้างนะ..คิดถึง เสมอ..
* ขอบคุณ คุณเพชรน้อย...โนนไทย มีของดีมากมายเลยค่ะ แอบไปเยี่ยมชม แต่ลืมเซ็นต์สมุดเยี่ยม...อิอิ แล้วจะคอยติดตามเรื่องของโนนไทย ให้กำลังซึ่งกันและกันค่ะ
* ใครมีอะไรมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ฝากบันทึกไว้ที่ blog ได้เลยนะคะ
เข้ามาให้กำลังใจและชื่นชมครับ รพ.นี้ ผอ. ขยันจัง ไม่รู้กินอะไรมา ทำดีต่อไปเพื่อถ่วงดุลย์กับคนทำไม่ดีครับ
ขอบคุณค่ะคุณหมอบรรพต
ผอก.รพ.แก่งคอย ยังขยันได้อีกเยอะค่ะ พลังเหลือหลาย
แท่..เลยนะ
P'วุต p'น้อย P'เเป๊ะ ป่อเต๊กตึ้ง
รถอ่ะทารมไหม่ได้แล้ว
เครื่อง j เทอร์โบ อ่ะเน่าแล้วหรอ
เห๊นวิ่งอย่างกะเต่าเลย