คำนี้ ถ้าจะเขียนให้ตรงตามบาลีแท้ ก็ต้องเขียนว่า อธิฎฐานปรมัตถปารมี แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยจะคุ้นตาในภาษาไทยจึงได้สะกดเป็น อธิษฐาน...
อธิษฐาน (อธิฎฐาน) แปลว่า ความตั้งมั่น เป็นสภาพทางใจที่ประสงค์จะทำอะไรก็ให้ได้ดังใจ ไม่วอกแวกโลเล ภาษาไทยรับมาใช้ ความหมายก็แปรไปบ้างตามถ้อยคำสำนวนนั้นๆ... อธิษฐานจัดเป็นบารมีลำดับที่แปดซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องอบรมสั่งสมให้เกิดขึ้นในตนเอง ซึ่งโบราณาจารย์ได้ยกปฏิปทาของพระโพธิสัตว์ใน มูคปักขชาดก หรือ เตมิยชาดก เป็นการบำเพ็ญบารมีขั้นสูงสุดระดับปรมัตถ์...
ขอนอกประเด็นนิดหนึ่ง กล่าวคือ ตั้งแต่ผู้เขียนนำนิทานชาดกมาเทศน์ ทำให้ทราบว่านิทานชาดกบางเรื่องมีสองชื่อ ดังเช่น มูคปักขชาดก กับ เตมิยชาดก นี้เป็นเรื่องเดียวกัน (เฉพาะเรื่องนี้ ค้นกันหลายวันกว่าจะรู้) และถ้าจะแปลตามชื่อก็อาจได้ว่า..
เนื้อเรื่องโดยย่อที่สุดความว่า... พระราชกุมารชื่อว่าเตมิยะ ระลึกชาติได้ตั้งแต่เป็นทารก ว่าพระองค์เคยเป็นพระราชาเมื่อชาติก่อนโน้น เคยทำทารุณกรรมในฐานะพระราชา จึงต้องไปตกนรกถึงแปดหมื่นปี จึงไม่อยากจะเป็นพระราชาอีกในอนาคต และได้รับการแนะนำจากนางเทพธิดาให้แกล้งเป็นใบ้ หูหนวก และง่อยเปลี้ย เพื่อจะได้เป็นคนกาฬกิณี...
พระราชกุมารถูกทดลองอยู่ตลอดว่าเป็นดังนั้นจริงหรือไม่ ภายหลังเมื่ออายุสิบหกปีจึงได้ถูกนำไปทิ้งในป่าช้าผีดิบโดยข้อหาว่าเป็นคนกาฬกิณี ตอนนั้นเอง พระกุมารจึงแสดงพระองค์แล้วถือเพศเป็นนักบวช แสดงธรรมสอนพระราชบิดา พระราชมารดา และชาวพระนครทั้งสิ้น ดังเช่นเนื้อหาตอนหนึ่งของธรรมเทศนา...
ผู้สนใจจะอ่านเรื่องราวโดยละเอียดทั้งหมดก็... คลิกที่นี้...
ความตั้งใจมั่นที่จะไม่ขอทำทารุณกรรมในฐานะพระราชาเพราะเกรงผลกรรมที่ต้องไปชดใช้ในนรก ทำให้พระโพธิสัตว์แกล้งเป็นใบ้ หูหนวก และง่อยเปลี้ย เป็นเวลาถึง ๑๖ ปีติดต่อกัน จึงทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการบำเพ็ญอธิษฐานบารมีขึ้นสูงสุดที่เรียกว่าขั้นปรมัตถ์...
อธิษฐานบารมี นี้ สำหรับคนทั่วไป นั่นคือ ตั้งใจจะทำอะไรในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรมแล้ว ก็ควรจะทำให้ได้ ถ้ามีความยากลำบากหรืออุปสรรคบางอย่างเข้ามาบั่นทอน การระลึกถึงบารมีของพระเตมีย์ที่ยอมทนเป็นใบ้ หูหนวก และง่อยเปลี้ยถึง ๑๖ ปี ก็น่าจะช่วยให้เรามีกำลังใจเกิดขึ้นได้บ้าง...
นมัสการพระคุณเจ้า
เดือนนี้ เป็นแห่งบุญบารมีของคนมุสลิม กลางวันถือศิล อดอาหาร งดเรื่องไร้สาระ กลางคืนก็เข้าเฝ้าพระเจ้า คนที่เข้าใจรู้ซึ้งถึงผลบุญ จะไม่ยอมปล่อยโอกาสให้สูญไป (กลับมาจากมัสยิด ก็มาเอาบุญดึกต่อในทางโลก )
ไม่รู้ไครไปตั้งชื่อการขึ้นปฎิบัติงานนอกเวลาว่าอยู่"เวร"ทำให้ฟังดูแล้วไม่อยากทำงาน แต่ความเป็นจริงแล้วควรจะเป็นอยู่"บุญ" เพราะคนที่มาหามาใช้บริการยามนี้ ล้วนมีความเดือดร้อนเจ็บไข้ได้ป่วยแสนสาหัสห์ จึงได้มาหามาให้รักษายามดึกดื่น
อ่านเรื่องอธิษฐานบารมี แล้ว เพิ่งมาเข้าถ่องแท้ ที่ ป๋าเปรม ได้ฉายาจากนักหนังสือพิมพ์ ว่า"เตมีย์ใบ้"ในสมัยที่ท่านเป็นนายกอยู่ได้นานถึง แปดปี
ท่านใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว โดยการไม่พูด
เห็นด้วยในคำว่า เวร เพราะรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน... ด้วยเหตุที่มีความรู้สึกทำนองนั้น สำนวนในวัดจึงไม่ใช้คำว่า ทำเวร แต่ใช้คำว่า ทำวาระ นั่นคือ แจกวาระกันไป ว่าวาระใด ใครทำอะไร ...
ตอนเทศน์ก็ปรารภนิดหนึ่งว่า อดีตนายกของไทยคนหนึ่งเคยได้รับฉายาว่า เตมีย์ใบ้ ซึ่งคนทั่วไปที่สนใจการเมือง (เ่ช่นบังหีม) ก็คงรำลึกนึกได้...
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้า
มารับธรรมเทศนาในยามเช้าเจ้าค่ะ
ไม่ทราบว่าถามใน blog นี้ถูกต้องหรือไม่ คืออยากถามว่า " สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนอนบนแคร่......" หมายถึงอะไรคะ
อธิษฐานตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เกิดอะไรพร้อมรับใช้ศาสนา
หนึ่งพระสงฆ์ตามรอยบาทพระศาสดา อุบาสกอุบาสิกาอย่าเปลี่ยนใจ
อธิษฐานศรัทธาบารมี ขอเป็นผู้โชคดีมีบุญใส
ปฏิบัติบูชาละอบาย ตราบถึงชาติสุดท้ายได้นิพพาน
เคยได้ยินพระธรรมกถึกบางรูป ยกขึ้นมาแสดงทำนองว่า...
อนึ่ง ยังมีสำนวนและการตีความ แตกต่างไปจากที่ยกมานี้อยู่บ้าง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าของใครถูกต้องที่สุด เพราะยังไม่ทราบต้นตอที่มา....
............