อืม...หายหน้าหายตาไปนาน เนื่องจากติดภารกิจมากมายหลายเรื่องค่ะ แต่พอมีเวลาก็แอบเข้ามาอ่านข้อเขียนดี ๆ จากเพื่อนๆบ้าง ช่วงนี้อากาศบ้านเรามันช่างปรวนแปรเสียเหลือเกิน วันหนึ่งมี 3 ฤดู เช้าเย็นสบาย กลางวันร้อนอบอ้าว พอตกกลางคืนฝนตกหนักซะแล้ว จนชาวเราเริ่มทำตัวไม่ถูกและยิ่งเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ไข้หวัด 2009 กำลังระบาดอย่างหนัก ทำให้หลายคนตื่นตะหนกตกใจไปตามกัน แต่ผู้เขียนไม่ค่อยกังวลหรอกค่ะ เนื่องจากว่าเรามีวิธีป้องกันที่ดีและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รู้อย่างเคร่งครัด เป็นห่วงแต่ผู้สูงอายุในบ้านและหลานตัวเล็ก ๆ ต้องดูแลเป็นพิเศษเลยนะคะ และตอนนี้ถึงข่าวจะเงียบๆ ไป แต่ชาวเราอย่างเพิ่งวางใจนะ เพราะของอย่างนี้เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะระบาดอีกตอนไหน อย่างไรก็ติดตามควรข่าวกันต่อเนื่องดีกว่า จะได้มีวิธีป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที และอย่าลืมหมั่นคอยดูแลสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวให้ดีค่ะ
วันนี้ผู้เขียนมีเรื่องเกี่ยวกับหัวใจมาไถ่ถาม คือได้ยินได้ฟังมารู้สึกแปลกใจจังค่ะ ซึ่งบางท่านอาจจะมีแง่คิดดี ๆที่พอจะแนะนำผู้เขียนได้บ้าง ผู้เขียนสงสัยว่าคนบางคนทำไมช่างตกหลุมรักง่ายเหลือเกิน แค่คุยกับเขา/เธอได้ไม่นานก็รู้สึกรักคุณเข้าแล้วเป็นไร รักจนคลั่งไคล้จริงจัง...(แน่ะฮัมเพลงสมัยคุณแม่ยังสาว) ทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว อ้าว...งงค่ะ แล้วแฟนที่คบกันอยู่ล่ะคะ ยังดีต่อกันหรือเปล่า ผู้เขียนสงสัยจริง ๆ ความรักของเรามันเก่าไปแล้วหรือ สำหรับผู้เขียนมิบังอาจไปตกหลุมรักใครได้อีกถ้าเรามีคนของเราอยู่ อันนี้เป็นความคิดของผู้เขียนนะคะ เพราะผู้เขียนรู้สึกว่าการที่เราจะมีความรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน มันเป็นเรื่องที่ดีก็จริงเพราะอย่างน้อยเราก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน แต่ควรมีระยะห่างให้หัวใจตัวเองด้วย และควรจะถามใจตัวเองก่อนว่าแท้จริงแล้วเรารู้สึกอย่างไรกันแน่ ก่อนที่จะตัดสินใจแล้วมานั่งเสียใจภายหลัง
เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ คงต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันพอสมควร บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ เพราะความรักมิได้สัมผัสด้วยสายตาแต่สัมผัสด้วยหัวใจค่ะ แล้วชาวเรามีความเห็นอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณมากค่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ