จากบันทึกที่แล้วที่ผมได้ไปเยี่ยมบ้านลอเรนโซ หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้ว พวกเราก็ได้ไปบางแสนกันต่อ และได้ซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน ส่วนตัวผมเองชอบไปเดินตลาดสดด้านหลัง เพราะจะได้ของที่ขายกันในชุมชนจริงๆ ไม่ใช่นักท่องเที่ยว วันนั้นตั้งใจจะซื้อปลาทูกลับไปทำต้มยำใส่ลูกมะดัน ( ปลาทูแท้ๆ ไม่ใช่ปลาตาโต หรือปลาข้างเหลือง) พอดีน้องที่ทำงานซึ่งเป็นคนพื้นเพทางภาคตะวันออก (ระยอง) ไปพบ “ปลาแป้น” และได้บอกว่า เป็นปลาที่หากินยาก แต่ไม่ค่อยมีคนนิยม เพราะไม่ใช่ปลาตลาด ส่วนใหญ่เป็นปลาที่ติดอวนมา น้องเค้าบอกว่า ปลาชนิดนี้จะนำไปต้มใส่เกลือ น้ำปลา บีบมะนาว พริกสดตำ บุบ โรยด้วยใบกะเพรา กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติดีมาก ผมถามว่าทำไมไม่ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด น้องเค้าบอกว่า เครื่องเทศเหล่านี้จะไปกลบกลิ่นและรสหวานของปลาหมด
ภาพจาก http://www.siamensis.orgwww.siamensis.org/board/10345.html วันนั้นก็เลยลองซื้อกลับไปลองซัก 1 กิโล ซึ่งราคาก็ถูกอย่างมากเลยทีเดียว แค่ 20 บาท เท่านั้นเอง ใช้เวลาเดินทางกลับบ้านประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ จากหนองมนประมาณ 5 โมงเย็น ไปถึงปทุมธานี ประมาณ ทุ่มกว่าๆ ก็รีบจัดแจงตัดหัวควักไส้ออกตามคำแนะนำของแม่ค้า จากนั้นก็ทำการต้มน้ำให้เดือดใส่แค่เกลือกับน้ำปลาตามคำแนะนำของน้องที่ทำงาน หลังจากน้ำเดือดก็ใส่ปลา จนสุก ตักชิมดูผมรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเนื้อปลาและน้ำซุปถึงมีรสหวานทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลเลย และเพื่อให้ครบสูตรตามที่น้องได้บอกไว้ จึงไปเก็บใบกะเพราที่ปลูกไว้กระถางหน้าบ้านมาใส่ ก็พบว่ากะเพราทำให้ความหอมของน้ำซุปและเนื้อปลาเป็นอย่างดี วันนั้นไม่ได้ลองใส่มะนาวและพริกเลย เพราะหมดข้าวไปหลายทัพพีแล้ว ผมคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับความอร่อยของมื้อนี้แล้ว และเด็กๆ ที่บ้านก็ได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารมื้อนี้ด้วย
ผมได้ไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก Google มีข้อมูลทางวิชาการเป็นแหล่งอ้างอิงได้ดังนี้ครับ 1. ข้อมูลจาก wikipedia วงศ์ปลาแป้นแก้ว (Ambassidae อดีตเคยใช้ Chandidae) วงศ์ปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง ในอันดับปลากะพง พบทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และทะเล มีลักษณะโดยรวมมีรูปร่างเป็นรูปไข่ ส่วนหัวและท้องกว้าง ลำตัวแบนข้าง หัวโต ตาโต ปากกว้าง ครีบหลังแบ่งออกได้เป็น 2 ตอน ตอนแรกเป็นก้ามแข็งแรงและแหลมคม ตอนหลังเป็นครีบอ่อน ครีบหางเว้าลึก ครีบก้นมีก้านแข็ง 3 ชิ้น ครีบท้องมีก้านแข็ง 1 ชิ้น ครีบอกเล็ก ลำตัวโดยมากเป็นสีใสหรือขุ่นจนสามารถมองเห็นกระดูกภายในลำตัวได้ ด้านท้องมีสีเงิน เป็นปลากินเนื้อ มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ เป็นปลาขนาดเล็กมีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นของชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียจนถึงฟิลิปปินส์และออสเตรเลีย มีทั้งหมด 8 สกุล 49 ชนิด สำหรับในประเทศไทยพบในน้ำจืด 5 ชนิด โดยชนิดที่พบมากที่สุดคือ ปลาแป้นแก้ว (Parambassis siamensis) และชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ ปลาแป้นแก้วยักษ์ (Parambassis wolffii) มีชื่อสามัญเรียกโดยรวมว่า "แป้นแก้ว" หรือ "แป้นกระจก" หรือ "กระจก" ในภาษาถิ่นเหนือเรียกว่า "แว่น" ในภาษาอีสานเรียกว่า "คับของ" หรือ "ปลาขี้ร่วง" มีความสำคัญคือเป็นปลาเศรษฐกิจใช้บริโภคในพื้นถิ่น เช่น บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลาง โดยทำปลาแห้งและบริโภคสด อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงกันเป็นปลาสวยงามด้วย โดยมักฉีดสีเข้าในลำตัวปลา เป็นสีสันต่าง ๆ เช่น สีเหลือง, สีส้ม, สีน้ำเงิน และเรียกกันในแวดวงปลาสวยงามว่า "ปลาเรนโบว์" หรือ "ปลาสายรุ้ง" ซึ่งเมื่อเลี้ยงนานเข้า สีเหล่านี้จะหลุดหายไปเอง โดยที่ปลาไม่ได้รับอันตราย 2. ข้อมูลจาก http://61.19.69.9/~m39a48/m3905/fish_10.htm ปลาแป้น ชื่ออื่น ๆ กระจก ลักษณะทั่วไป ขนาดเล็ก ตัวใสหรือสีขาวคล้ายสีข้าวเม่า มีครีบหลัง 2 อัน ครีบหลังอันแรก มีก้านครีบแข็งเป็นหนามแหลมอยู่ 7 ก้าน ครีบหลังอันที่สองมีเฉพาะก้านครีบฝอย ครีบก้นมีก้านครีบที่เป็นหนามแหลมอยู่ 3 ก้าน มีเกล็ดกลมบางใสและหลุดง่าย ลักษณะเนื้อโปร่งใสจนมองเห็นอวัยวะภายใน ตามลำตัวมีจุดสีดำอยู่ทั่วไป อยู่รวมกันเป็นฝูง รักสงบไม่รบกวนปลาอื่น ถิ่นอาศัย อยู่ทั่วไปตามแม่น้ำลำคลอง พบมากที่บริเวณลุ่มน.แม่กลอง
ชื่ออังกฤษ SIAMESE GLASSFISH
ชื่อวิทยาศาสตร์ Chanda siamensis
อาหาร กินจุลินทรีย์และตัวอ่อนของแมลงน้ำ
ขนาด ความยาวประมาณ 3 - 6 ซม
ทำเอาน้ำลายไหลเลยคะ อยากกินบ้างจัง
แค่อ่านก็น้ำลายไหลแล้ว
ขอบคุณ คุณปอปอ
และคุณ อมยิ้ม ทื่เข้ามาเยี่ยมเยือนกันครับ
หิวครับ จะลองหามาทำกินกบคนพิเศษสักครา คิคิ
ต้องขอขอบคุณคุณ"ไทเลย-บ้านแฮ่"ที่แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเยือนในBlogของKrujuie คำชมเชยหรือความคิดเห็นต่างๆที่ทานได้กล่าวมานั้นนับเป็นสิ่งก่อเกิดกำลังสำหรับคนสร้างBlogเป็นอย่างยิ่ง
ต้องขอขอบคุณมากครับสำหรับการเยี่ยมเยือนในครั้งนี้
Krujuie