คฤหบดีชื่อ ทสมะชาวเมืองอัฏฐกะได้ฟังธรรมจากพระอานนท์เกิดความเลื่อมใสได้ชักชวนชาวเวสาลีร่วมกันสร้างวิหาร ๕๐๐ แห่ง ถวายพระอานนท์.
เรื่องนี้ปรากฏในอัฎฐกนาครสูตร(สูตรว่าด้วยคฤหบดีชาวเมืองอัฏฐกะ) ภายหลังพุทธ ปรินิพพาน เมื่อกรุงปาตลิบุตรเป็นราชธานีมคธแทนราชคฤห์แล้ว ความว่า
สมัยเมื่อ พระอานนท์อยู่ ณ เวฬุวคาม ใกล้กรุงเวสาลี สมัยนั้น คฤหบดีชื่อทสมะชาวเมือง อัฏฐกะ ไปธุระที่กรุงปาตลิบุตร และได้ไปยังกุกกุฏาราม ถามหาพระอานนท์กับภิกษุรูปหนึ่ง ทราบว่าท่านอยู่ใน เวฬุวคามใกล้กรุงเวสาลี เมื่อเสร็จธุระในกรุงปาตลิบุตรแล้วจึงเดินทางไปหา พระอานนท์ ถามถึงธรรมะ ข้อหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ซึ่งภิกษุผู้ไม่ประมาทมีความเพียร ส่งใจไปในธรรมนั้นแล้ว จิตที่ไม่หลุดพ้นก็จะหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็จะถึงความสิ้นไป ผู้นั้นย่อมบรรลุธรรมอันยอดเยี่ยม อันปลอดโปร่งจากกิเลสที่ผูกมัด
พระอานนท์ตอบว่า มีธรรมะเช่นนั้น และอธิบายว่า ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ได้ฌานที่ ๑-๔ ได้เจโตวิมุติอันประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔ ได้อรูปฌานถึงอากิญจัญญายตนะ (อรูปฌานที่ ๓) ตั้งอยู่ใน ธรรมะที่ได้นั้น ๆ แล้ว ก็อาจสิ้นอาสวะได้ แต่ถ้าไม่สิ้นก็จะละสัญโญชน์ ๕ ได้ เป็นอุปปาติกะ (เกิดขึ้นใหญ่โตขึ้นทันที) ปรินิพพานในชั้นสุทธาวาสนั้น (ที่อยู่ของพระอนาคามี) ไม่กลับมาจากโลกนั้น
ทสมคฤหบดีชื่นชมภาษิตของพระเถระ กล่าวว่า ตนแสวงหาประตูอมตะประตูเดียว แต่ได้พบถึง ๑๑ ประตู เปรียบเสมือนคนแสวงหาปากขุมทรัพย์แห่งเดียว แต่ได้พบปากขุมทรัพย์ถึง ๑๑ แห่ง (รูปฌาน ๔, ฌานประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔, และอรูปฌาน ๓ = ๔ + ๔ + ๓ = ๑๑) เปรียบเหมือนอาคาร มี ๑๑ ประตู เมื่อไฟไหม้ บุคคล ก็อาจทำให้ตนปลอดภัยได้โดยอาศัยประตูใดประตูหนึ่ง ตนก็อาจทำตนให้ปลอดภัย ได้โดยอาศัยประตู อมตะประตูใดประตูหนึ่งฉันนั้น ทสมคฤหบดีได้ปรารภในใจว่า ก็พวกเดียรถีย์เหล่าอื่นยัง แสวงหาทรัพย์บูชาอาจารย์ได้ ไฉนตนจะบูชาพระอานนท์บ้างไม่ได้ ทสมคฤหบดีจึงได้นิมนต์ภิกษุชาวกรุง ปาตลิบุตรและชาวเวสาลีประชุมกันถวายอาหาร ถวายผ้าคู่แก่ภิกษุทุกรูป ถวายไตรจีวรแก่พระอานนท์ และให้สร้างวิหาร ๕๐๐ แห่ง ถวายพระอานนท์
บุคคลใดเมื่อมีความรักความเคารพในครูบาอาจารย์ย่อมจะสร้างสิ่งที่เป็นเครื่องหมายแห่งความเคารพบูชาอย่างสูงสุดถวายแด่อาจารย์ของตนฉันใด เนื่องในศุภมงคลสมัยที่พระธรรมวิสุทธิมงคล(พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) เจริญชนมายุยาวนานครบ ๘ รอบ ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ พระอาจารย์ ภูสิต(จันทร์) ขันติธโร เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จึงได้เป็นผู้นำในการจัดสร้างมหาวิหารมหาเจดีย์ ถวายแด่พระอาจารย์ของท่านเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความกตัญญู ณ.วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน เฉกเช่นเดียวกับ ทสมคฤหบดีและชาวเวสาลี ฉันนั้น
มีผู้คนสงสัยว่า พระอาจารย์มหาบัว ท่านเป็นพระสำคัญทำไมจะสร้างเจดีย์จึงไม่บอกท่านก่อน
พระอาจารย์ภูสิตท่านเลยเทศน์กัณฐ์ใหญ่ให้ฟังว่า เราสร้างที่วัดของเราเพื่อเป็นการเชิดชูอาจารย์ที่ท่านเคารพทำไมต้องขออนุญาตด้วย อย่างนี้เราจะสร้างกุฏิสักหลังในวัดของเรา ก็ต้องขออนุญาตด้วยซิ
เป็นอันว่าศิษย์สร้างถวายอาจารย์โดยเคารพและไม่ได้ทำให้ท่านเดือดร้อน
ก็ช่วยกันทำให้สำเร็จเถิด
บุญเป็นของเราทุกคนต้องทำด้วยตัวเราเอง
คิดถึงครับ อุตส่าห์แวะมาเยี่ยม นึกว่าจะได้อ่านบทความใหม่ ๆ
สงสัยงานจะมาก ขอลงบทความให้เป็นวิทยาทานด้วยครับ
เคารพและคิดถึง
ดอยผาตั้ง ครับ