เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ดิฉันทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายงาน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสัก 10.00 น. เห็นจะได้ หญิงชราคนหนึ่งอายุประมาณสัก 70 ปี สวมเสื้อคอกลมแขนสั้นสีมอ แต่ดูสะอาดตา ผ้าถุงทีแกสวมสีเรียบเข้ม รองเท้าแตะหูคีบสีดำพอดีเท้า ผมสีขาวทั้งศีรษะ ร่างผอมเล็ก ริ้วรอยบนใบหน้า โดยเฉพาะหน้ายามแกขมวดคิ้วช่างเห็นเด่นชัดเหลือเกิน ฉันยิ้มทักทายแกเมื่อแกนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าฉัน แววตาของแกเหมือนอยากบอกอะไรฉันสักอย่าง และเริ่มคำถามอย่างช้าๆ อย่างไม่มั่นใจ จนฉันต้องเติมรอยยิ้มให้แกอีกครั้ง
“คุณหมอคะ”....และหยุดไปสักพัก พร้อมยื่นบัตรประจำตัวให้ฉันและบัตรทอง ในบัตรระบุว่าสถานบริการหลักคือ รพ.สระบุรี ฉันรับบัตรจากแขกผู้มาเยือนพร้อมกับคำถาม
“ คุณป้าจะมาทำอะไรจ๊ะวันนี้”
“ คือว่าป้าจะมาทำฟันปลอมจ๊ะ” ในใจตอนนั้นฉันคิดแต่เพียงว่า สงสัยป้าต้องไป รพ.สระบุรีแล้วล่ะ เพื่อใช้บัตรตามสิทธิที่ระบุในบัตร แต่ยังไม่ได้พูดตามที่ใจคิด เพราะสิทธิของป้า ป้าคงต้องการมาทำที่ รพ.แก่งคอย เสียเงินก็ไม่ว่า โรงพยาบาลเราต้องดีจนคนไข้ไว้วางใจจึงอยากมาทำฟันที่โรงพยาบาลของเรา ฉันคิดอย่างนั้นจริง
“คุณหมอคะ คุณป้าจะมาทำฟันปลอม” คุณป้าแจ้งความประสงค์หลังจากที่คุณหมอตรวจฟันให้คุณป้าแล้ว
“คุณป้าคะ ฟันของคุณป้าทำยากมาก” ตามสไตล์ของหมอฟันบ้านฉันที่พูดช้ากันทุกคนจนฉันอดคิดไม่ได้ว่า เป็นหมอฟันต้องพูดช้าๆรึไง ไม่ว่าจะจบจากสถาบันไหน พูดช้าเหมือนกันทุกคน
“หมอแนะนำให้คุณป้าไปทำที่โรงพยาบาลสระบุรีแล้วละคะ” แล้วคุณหมอก็อธิบายให้คุณป้าฟังว่า สาเหตุที่แนะนำให้ไปทำที่โรงพยาบาลสระบุรีเพราะว่าที่โรงพยาบาลสระบุรีมีหมอที่เชี่ยวชาญกว่า มีทันตแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านฟันปลอมมาโดยเฉพาะ คนไข้พอได้ยินดังนั้น แววตาของคุณป้าดูเศร้าทันที จากที่ยิ้มๆกันอยู่ สายตาก็หลุบต่ำมองลงที่พื้น นิ่งเฉย เหมือนจะร้องไห้และตอบคุณหมอว่า
“ คุณหมอขา ฉันเดินทางลำบากเหลือเกิน ช่วยทำฟันปลอมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” พร้อมกับเอื้อมมือมาจับที่เข่าคุณหมอ สบสายตากับหมออย่างวิงวอน เหมือนคนอยากจะได้อะไรสักอย่าง
“ทุกวันนี้จะกินอะไรก็ลำบาก มาก็มาคนเดียวไม่มีลูกหลานพามาหาหมอ”
ฉันซึ่งช่วยงานอยู่ข้าง ๆ คุณหมอ ก็ช่วยอธิบายให้คุณป้าได้เข้าใจในเหตุผลที่ได้แนะนำไป แต่คุณป้าก็ยังพูดอ้อนวอนว่าให้ช่วยทำฟันปลอมให้หน่อย ภาพในใจของฉันที่เกิดขึ้นในทันที ฉันมองเห็นคนแก่ๆ คนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้คุยกับใคร ทุกคนดูวุ่นวายกับชีวิตการทำมาหากินจึงปล่อยให้หญิงแก่คนหนึ่ง ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว จะไปไหนมาไหนก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอย่างเดียว ฉันจึงปรึกษากับคุณหมอว่า
“หมอพอจะทำให้คนไข้ได้ไหมคะ สงสารคนไข้ ตัวคนเดียว” หมอมองหน้าและสบตากับฉัน เงียบทั้งห้อง สักพัก ฉันไม่อาจคาดเดาอะไรได้ ได้แต่ลุ้นว่าจะทำให้ หรือยืนยันที่จะส่งต่อ
“ถ้าทำแล้วอาจจะใช้ได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะคะ คุณป้ารับได้มั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ ขอแค่พอเคี้ยวอาหารได้ก็พอแล้ว” สายตาและรอยยิ้มของป้าอย่างมีความหวังพร้อมกับคำขอบคุณ และคำอวยพรอย่างมากมาย
“ แต่ว่าต้องนัดคุณป้ามาทำฟันปลอมประมาณ 5 ครั้ง จึงจะเสร็จนะคะ คุณป้าจะอดทนและรอได้มั้ย เดี๋ยวหมอจะทำให้อย่างสุดฝีมือเลย” หมออธิบายต่อ
และนัดครั้งแรกมาถึง คุณป้ามาตรงเวลาเป๊ะ ฉันอดถามไม่ได้
“หวัดดีจ๊ะป้า วันนี้มากับใครคะ”
“คนเดียวจ๊ะหมอ ขึ้นรถมาเอง”
“โห ป้าเก่งจังเลย”
“แค่นี้เองหมอเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่กลัวแต่หมอจะไม่ทำให้” ไม่รู้ป้าพูดจริงหรือแกล้งกระเซ้าพวกเราเล่น
ครั้งแรกมาพิมพ์ปากก็ไม่มีอะไรมากพิมพ์ปากเสร็จก็ให้คุณป้ากลับบ้าน
ครั้งที่ 2 นัดคุณป้ามาทำฟันอีก ฉันจึงรู้ว่าคุณป้าเป็นคนคุยเก่งมาก พูดไปเรื่อย ๆ บางคนก็คงคิดว่า คุณป้าพูดมากจัง แรก ๆ ดิฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณป้าเอาอะไรมาพูดหนักหนาก็ไม่รู้ ดิฉันแค่แอบคิดอยู่ในใจเท่านั้น
ครั้งที่ 3 หมอนัดคุณป้ามาอีก พอคุณป้าเห็นหน้าฉันคุณป้าก็รีบทักทายทันที
“ คิดว่าไม่อยู่ซะแล้ว”
“อยู่คะ ไม่ได้ไปไหน” ฉันตอบพร้อมกับส่งยิ้มอย่างคนคุ้นเคย ครั้งนี้คุณป้ามีขนมมาฝาก
“ติดสินบนเหรอป้า....ขอบคุณมากค่ะป้า ทีหลังไม่ต้องลำบากนะคะ ขอให้มาตรงนัดก็พอ”
ดิฉันพูดเย้าแหย่คุณป้าเล่นบ้าง พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ครั้งนี้ก็เช่นกันฉันถามคุณป้าว่าวันนี้มากับใคร นั่งรถอะไรมา ป้าก็ตอบว่าหลานมาส่งที่ท่ารถของโรงพยาบาลที่จอดอยู่ที่ตลาดใหม่ แล้วคุณป้าก็เริ่มเล่าเรื่องภายในครอบครัวให้ดิฉันฟัง แรก ๆ ดิฉันก็คิดในใจว่าคุณป้าทำไมเอาเรื่องลูก ๆ หลาน ๆ มาเล่าให้ฟัง ทั้ง ๆ ที่พึ่งรู้จักกัน แต่ดิฉันก็รับฟังแล้วก็พูดกับคุณป้าว่าลูกหลานเขาเป็นคนสมัยใหม่ บางทีเราอาจไม่เข้าใจเขาก็ได้ แล้วคุณป้าก็ตอบว่าคงจะจริงแล้วก็พูดขอบใจฉันอีก เสร็จคุณป้าก็กลับบ้าน
เมื่อนัดครั้งที่ 4 มาถึง คุณป้ามาตามนัด และตรงเวลาเช่นเคย ฉันสังเกตเห็นว่าวันนี้คุณป้าดูเงียบๆ และหน้าเศร้าจัง จากที่เป็นคนช่างคุย หรือคุณป้าคงเบื่อไม่อยากคุยมั้ง ฉันเรียกให้คุณป้าเข้าไปทำฟันในห้อง เพื่อเตรียมคนไข้รอหมอ คุณป้าก็ร้องไห้ขึ้นมา แล้วก็เล่าเรื่องลูกของคุณป้าว่าเขาไม่สนใจป้าเลย ปล่อยให้ขึ้นรถเมล์มาเอง ทั้ง ๆ ที่รถเก๋งเขาก็มี และอีกหลายอย่างที่คุณป้าละล่ำละลักออกมา โดยไม่สนใจว่าฉันจะฟังป้าหรือไม่ ฉันได้แต่นิ่งพร้อมเอื้อมมือไปจับแขนป้าที่สัมผัสได้ถึงรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง
ตอนนี้ฉันไม่คิดเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ฉันคิดว่าคุณป้าคงมีอะไรในใจของคุณป้ามากมายแน่ ๆ เลย ฉันจึงถามคุณป้าว่า ลูกเป็นยังไง หลานเป็นยังไง คุณป้าก็เล่าให้ฟังว่าลูกหลานของคุณป้าไม่เคยเข้าใจคุณป้าเลยมีแต่มาขอเงินใช้ไม่ให้ก็ต่อว่า ถึงวันที่หมอนัดทำฟันขอให้มาส่งที่โรงพยาบาลเขาก็บอกว่าไม่ว่าง พูดแล้วป้าก็ร้องไห้ไปด้วย คุณป้าเล่าต่อว่า
“ถ้ามีลูกหลานพูดแล้วเข้าใจอย่างหนู ก็ดีซินะ” แล้วฉันก็คุยกับป้าว่าคนเราคิดไม่เหมือนกัน คุณป้าอาจคิดว่าทำถูกแล้วลูกหลานเขาก็คิดว่าเขาทำถูก ต่างคนต่างคิดว่าถูก ฉันบอกว่าคุณป้าว่าไม่ต้องคิดมาก คุณป้าบอกดิฉันว่าขอบใจนะ คุยกับดิฉันแล้วดีขึ้นแล้วก็ให้พรฉันอีกมากมาย เมื่อทำฟันเสร็จก็กลับบ้าน
ครั้งที่ 5 ก็มาทำฟันเหมือนเดิม จนทำฟันปลอมเสร็จ หลังจากนั้นคุณป้าก็มาหาหมอที่ห้องตรวจบ่อย ๆ มาทุกครั้งก็แวะมาหาฉันทุกครั้งที่ห้องฟัน บางครั้งมาก็ซื้อไก่ย่างมาฝากฉันด้วย และครั้งล่าสุด ที่คุณป้ามาหาฉันที่ห้อง ฉันก็ถามคุณป้าว่าวันนี้มาตรวจโรคอะไร คุณป้าตอบว่าไม่ได้มาตรวจโรคอะไร มาเพราะคิดถึงอยากมาหา ฉันก็ขอบคุณคุณป้าที่ยังคิดถึง
วันนี้วันศุกร์ ทุกคนต่างก็รีบกลับบ้าน แต่ฉันยังนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เพราะฉันไม่รีบไปไหน เมื่อมองเก้าอี้ตรงหน้า มันทำให้ฉันคิดถึงคุณป้า ได้ข้อคิดมุมมองที่ดี ๆ ในการมองคน ว่าการที่คุณป้ามาโรงพยาบาลบ่อย ๆ คุณป้าอาจไม่ได้ป่วยทางกายทุกครั้งก็ได้ คุณป้าต้องการใครสักคนที่เข้าใจ และรับฟังปัญหาในใจของคุณป้าบ้าง และอยากระบายความในใจให้คนที่คุณป้าคิดว่าพอจะรับฟังและช่วยบรรเทาปัญหาในใจของคุณป้าได้ และฉันก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือเบื่อกับคำพูดของคุณป้าแต่อย่างไร ฉันจะตั้งใจฟังและคอยให้กำลังใจแนะนำบ้างเพื่อที่จะปรับความรู้สึกและความคิดให้เป็นบวกเพื่อที่คุณป้าจะได้สบายใจ และเข้าใจลูกหลาน เท่าที่จะทำได้ ระยะหลังตั้งแต่ต้นปี 2552 ฉันยังไม่เห็นคุณป้ามาที่โรงพยาบาลอีกเลย ฉันคอยคุณป้าอยู่หรือ....เปล่าฉันแค่อยากรู้ว่าป้าจะเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย และฉันก็ได้แต่ภาวนาให้คุณป้ามีสุขภาพแข็งแรง รับประทานอาหารอร่อยอย่างไม่มีอุปสรรคอย่างที่ใจปรารถนา กับฟันปลอมที่คุณป้าได้ไป คุณป้าคงจะสบายดี และ ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ
ขอบคุณ คุณหมอที่ทำฟันปลอมให้คุณป้าจนสำเร็จและไม่ยอมส่งต่อ
ขอบคุณ คุณป้าที่ตั้งใจและอดทนกับการนัดมาทำฟันปลอม และได้ให้มุมมองข้อคิดดี ๆ ว่าการที่คนเรามีใครสักคนเข้าใจรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากเราโดยที่เขาอาจไม่ต้องช่วยเหลืออะไรมากมาย แค่ได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจให้คนที่เราไว้ใจได้ฟัง แค่นั้นก็ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาคลายทุกข์ไปได้ การมีเพื่อนที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ หมอสามารถเป็นเพื่อนกับคนไข้ได้แค่เรารับฟังก็จะหาปัญหาของคนไข้ได้ ไม่ว่าเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเรื่องอื่น ๆ บางทีคนไข้อาจไม่ต้องรับยากลับบ้านก็ได้ ถ้าได้รับยาทางใจดี ๆ กลับไป
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ
จากฝ่ายทันตกรรม รพ.แก่งคอย
ไม่มีความเห็น