เมื่อก่อนดิฉันไปเรียนบริหารที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ดิฉันเห็นเพื่อนๆเล่นคอมและเอารูปมาใส่คอมและดูรูปกัน ดิฉันแอบอิจฉาเพื่อนๆแต่ขณะนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องKMทำให้จบมาถ่ายรูปดิจิตอลก็ไม่ค่อยเป็น หลังจากเริ่มหัดเขียนblog ดิฉันเห็นด้วยกับปิ่ง พัชรา (บำราศ)ว่าการเขียนblogทำให้เกิดสุข ดิฉันคิดว่าน่าจะทำให้เกิดบุญมหาศาล ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวเอง
1 เราเขียนถึงแต่สิ่งที่ดีๆของคนอื่นและตัวเอง เวลาเขียนจะมีแต่ความสุข ผู้ถูกกล่าวถึงก็เกิดสุข
2 เรานำความสำเร็จของน้องๆในหน่วยงานแต่ละคนมาเขียนทำให้เกิดการเรียนรู้จากความสำเร็จ สารสุขจะหลั่งออกมา ถ้าเรียนจากปัญหาเริ่มต้นก็หาคนทำให้เกิดปัญหา ยังหาตัวไม่ได้แต่เกิดความขัดแย้งก่อน สารทุกข์จะหลั่งออกมา
3 ถ้าพวกเราซึ่งพอจะเขียนเป็นไปแนะนำเจ้าหน้าที่เราให้หัดเขียนโดยมียุทธศาสตร์หนึ่งคนแนะนำห้าคน คล้ายๆการขายตรง น่าจะทำให้เจ้าหน้าที่เราสามารถเรียนคอมผ่านการเขียนblog งานของสถาบันในการพัฒนาข้อมูลน่าจะไปได้รวดเร็วนะคะ ก็จะเป็นบุญใหญ่เลยค่ะ
4 ในการสอนผู้อื่นเราจะพัฒนายิ่งขึ้นเพราะจะมีการลปรร.กันทำให้เราจะไปพัฒนาตัวเองมากขึ้นนึกถึงความเก่งของตัวเองก็จะทำให้เรายิ้มอยู่เสมอ
5 ช่วงที่มีการถ่ายทอดกันจะมีพลังของเมตตาทำให้เรามีความสุขและบุญจะเกิดขึ้นค่ะ
6 สำหรับตัวดิฉันทำให้ภาษาไทยเขียนถูกต้องมากขึ้น แต่ก็ยังผิดบ่อยๆก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่ภาษาไม่เก่งแต่ใจร้อน ทำให้เขียนผิดไปบ้าง
เข้าใจว่ายังมีอีกหลายข้อ กรุณาลปรร.ได้ค่ะ
ควรปลงใจเถอะ ว่าชาติก่อนเราเคยมีกรรมผูกพันกันมา ให้อภัยกันดีกว่า ชีวิตคนเราอยู่อีกไม่นาน เดี๋ยวก็กลับบ้านเก่าแล้ว ตอนอยู่ควรให้แต่สิ่งที่ดีๆ กันดีกว่าน่ะ จะได้ไม่ทุกข์ เหตุจากอดีตย่อมมีผลในปัจจุบัน เหมือนปลูกมะม่วงเมื่อ 1 เดือนที่แล้วยังไม่ออกผล เพราะยังไม่ถึงเวลา ต่อมา 2 ปี มะม่วงก็ออกผล ก็เช่นเดียวกัน บางคนบอกทำดี แต่ทำไมต้องเดือดร้อนก็เป็นกรรมที่เราทำไว้ มาให้ผลแล้ว เพราะฉะนั้นต้องสร้างกรรมดีไว้มากๆ กรรมจะได้ตามไม่ทัน