นักส่งเสริมการเกษตรติดดิน(1):ลงมือทำเองก่อนค่อยบอกต่อ


ผมห่างจากBlogไปยาวนานประมาณ2-3 เดือน

นักส่งเสริมการเกษตรติดดิน ตอนที่1 นี้จะขอเล่าถึงข้อแก้ตัวที่หายไปนานเลยทีเดียว แต่ใจยังคิดถึงสมาชิกและเครือข่าย G2K อยู่เสมอ ากจะจำไม่ผิดผมห่างจากBlog  ไปยาวนานประมาณ 2-3 เดือน เนื่องจากผมต้องการที่จะปล่อยวางหลายหลายอย่างให้มันเป็นไปตามความจริงหรือเป็นไปตามธรรมชาติของคนเรา เมื่อบางครั้ง บางโอกาส มันก็มีความหนักอกหนักใจอยู่ไม่น้อย บางครั้งมันก็แสนสบาย มีความสุขแจ่มใส บางครั้งมันก็มีความกังวล หลายๆเรื่อง หากเราทำใจไม่ได้ผลที่เกิดก็จะกระทบต่อ สมอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยเฉพาะจิตใจของเรา  บางครั้งเราตั้งสมาธิได้ก็ลองมาทบทวนตัวเราว่าเราตกหลุมดำหรือเปล่าครับ  หรือมันอาจจะเกิดจากเราใช้สมองมานานเกินไป ก็สึกหลอไปบ้าง นั่นเอง แต่ก็ยังจะแข็งใจบอกว่าผมยังไม่แก่อย่างนั้นหรือ  เขาบอกว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย เอาบอกตามตรงก็คืออยากจะพักให้มันหายเหนื่อย นั่นเอง

 

 

            เมื่อผมหายเหนื่อยแล้ว จิตใจมีพลังขึ้นมามาก ช่วงที่ผมพักหรือหายจากBlog ไปผมก็หาพื้นที่ออกกำลังกายทุกวัน โดยเฉพาะใช้เวลาออกกำลังกายในช่วงเวลาเย็น การออกกำลังกายให้ได้เหงื่อ ให้เหงื่อไหลออกมาเปรียกทั้งตัว เมื่อนั้น  จากการสังเกตพบว่า คืนนั้นผมนอนหลับดี บางครั้งก็นอนหลับฝันดี ตื่นเช้ามาก็สดชื่น มีพลังที่อยากจะทำงานต่อ ส่งผลให้สมองคิดโน่น คิดนี่ พยายามคิดแต่สิ่งดีๆจะพยายามทำ ตามที่เขาบอกว่าคิดแต่สิ่งที่เป็นเชิงบวกนั่นเอง

 

 

         นอกจากจะนอนหลับดีแล้ว ในขณะเดียวกันกินอาหารทุกวัน ต้องคำนึงถึง อาหารที่มีประโยชน์ ปลอดสารพิษ ไม่กินอาหารประเภทที่มีไขมันมาก กินผักมากๆ กินผลไม้ที่มีประโยชน์ จะไม่กินอาหารหวานมาก เกินไป รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ไม่ให้อ้วนเกินไป สรุปแล้วก็ รักษาหุ่นให้ดีนั่นเอง ไม่ให้อ้วนเกินไป ขึ้นตาชั่งบ่อยๆ เพราะจะทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักของตนเองได้

 

 

         พอมาถึงตรงจุดนี้ผมได้ปรับเปลี่ยนจากการออกกำลังประเภทวิ่งหรือเดิน มาใช้แรงงานของตนเอง ทำการเกษตรแบบประณีต หรือจะบอกว่าผมทำเกษตรปลอดภัยจากสารพิษ นั่นเอง ผมจะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงแม้แต่น้อย แต่ได้ทดลองใช้สารสกัดจากสมุนไพร และสารที่สกัดจากชีวภาพ ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น สิ่งที่สำคัญจากการปฏิบัติจริงผมใช้จอบถางหญ้าที่ขึ้นรก และใช้จอบก่นดินหรือย่อยดินในแปลง ทำในช่วงเวลาเย็นหลังจากเลิกงานราชการแล้ว  ในพื้นที่เพียงหนึ่งไร่ ใช้จอบเรียกเหงื่อได้ทุกครั้งไป

 

         ใช้พื้นที่เพียงหนึ่งไร่ ผมว่าเพียงพอสำหรับครอบครัวที่เป็นข้าราชการ  นักธุรกิจ ลูกจ้างหรือเกษตรกรรายย่อยลองมาดูนะครับว่า พื้นที่หนึ่งไร่ผมปลูกอะไรไปบ้างเช่น

    

 

 

 

 

          กิจกรรมปลูกกล้วยไข่ 200 ต้น ในพื้นที่ หนึ่งไร่( ขณะนี้ต้นกล้วยไข่มีอายุ 4 เดือนแล้ว ) ผมปลูกไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2552นี้เอง จุดประสงค์อยากจะศึกษาในการปลูกเพื่อเลี่ยงลมพายุ และเพื่อให้ผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณต้นธันวาคม2552-เมษายน 2553 ปกติผลผลิตช่วงนี้จะราคาดีซึ่งตรงกับการปลูกเพื่อการส่งออกนั่นเอง จะจริงเหมือนที่พูดหรือเปล่าก็ต้องลองดูกันต่อไป

 

 

          ปลูกมะม่วงโดยใช้ต้นตอปลูกเป็นพืชแซมในแปลงปลูกกล้วยไข่ จำนวน 50 ต้นเพื่อทำการเปลี่ยนยอดเป็นมะม่วงพันธุ์ดีที่เราต้องการไดแก่น้ำดอกไม้สีทอง  เขียวใหญ่ จีนหวงและงามเมืองย่า เป็นต้น

 

 

          ปลูกไม้โตเร็ว คือต้นตะกูยักษ์  รอบแปลงปลูก(แนวรั้วชั้นใน)  จุดประสงค์ปลูกเพื่อการศึกษาว่าจะปลูกเป็นไม้บังลมรอบแปลงปลูกกล้วยไข่ได้หรือไม่ และอาจจะปลูกไว้เป็นไม้ใช้สอยในครัวเรือนได้

 

 

           ปลูกผักชะอม รอบแปลงปลูก (แนวรั้วชั้นนอก)ปัจจุบันเก็บไปแกงได้แล้ว   หากช่วงไหนแตกยอดออกมามาก ก็คิดว่าจะมัดเป็นกำๆส่งแม่ค้าที่ตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยเหมือนกัน

  

            นอกจากนี้ แล้วแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง โดยปลูกผักหวานบ้าน ไปแล้วจำนวน 100 ต้น ปัจจุบันตัดยอดเก็บจำหน่ายสัปดาห์ละ1 ครั้งเพื่อส่งตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยทุกเช้าในอาทิตย์ บริเวณหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชรนั่นเอง จำหน่ายเป็นกก.ๆละ80-120 บาท

  

            นอกจากนี้ยังมีกระเพรา   มะเขือพวง พริกขี้หนู ข่า ตระไคร้ ขมิ้น มันเทศ สามารถปลูกเป็นพืชเสริมในไร่กล้วยไข่  นอกจากจะใช้ประกอบการทำอาหารที่เรากินทุกวันโดยไม้ต้องซื้อเขาจะลดรายจ่ายไปมากเลยทีเดียว นอกจากจากนี้ยังจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวเราอีกด้วย

  

           ไผ่สีทอง อีก 10 กอ ปัจจุบันกำลังออกหน่อดีมาก ซึ่งปลูกได้ 1 ปี สามารถเก็บไปแกงหน่อไม้ใส่ผักชะอม ไปหลายครั้งแล้วครับ    ผมยังคิดว่าจะขยายพันธุ์หน่อไผ่สีทองเพื่อปลูกรอบแปลงกล้วยไข่เพื่อเป็นไม้บังลมได้ทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังจะเป็นไม้ใช้สอยได้อีก

 

 

           จากการที่ได้ลงปฏิบัติงานในแปลงปฏิบัติจริงทุกวัน ขณะนี้ได้พบว่าในพื้นที่หนึ่งไร่ สามารถปลูกพืชหรือทำกิจกรรมทางการเกษตรได้หลายๆอย่าง เป็นการลดรายจ่ายในเรื่องอาหารได้มากโดยเฉพาะพืชผัก ที่ปลอดภัยกว่าที่ซื้อจากท้องตลาดแน่นอน สุขภาพเราก็จะดีตามมาด้วย นอกจากนี้หากผลผลิตออกมากยังแจกจ่ายไปยังเกษตรกรรายอื่นที่เป็นเพื่อนบ้าน หรือบางครั้งเราก็จำน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมครอบครัวต่อไป

 

 

            สิ่งที่ผมพบและดีใจหรือจะเป็นข้อค้นพบว่า พื้นที่ดินที่ทำการเกษตร ปลูกพืชติดต่อกันไปหลายๆครั้ง และไม่มีการเติมอินทรียวัตถุลงไปอีก จะทำให้คุณภาพของดินเสียอย่างแน่นอน หากเราเติมปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยพืชสด อย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็ต้องปล่อยให้มีหญ้าขึ้นมาบ้าง ดินจะร่วมซุยดี ความชื้นดี จะมีไส้เดือนเกิดขึ้นมากเลยครับ นอกจากนี้พบว่าไส้เดือนมีประโยชน์ช่วยพรวนดิน และมูลไส้เดือนก็เป็นปุ๋ยอย่างดีเช่นกัน ส่งผลให้พืชผักที่ปลูกเจริญงอกงามดีทันตาเห็นเลยครับ 

 

 

            นี่เป็นส่วนหนึ่ง ที่นักส่งเสริมการเกษตร ในยุคปัจจุบัน จะต้องลงมือปฏิบัติจริง รู้จริง เรียนรู้ไปพร้อมกับเกษตรกร หรืออาจจะพูดได้ว่าเกษตรกรเขาเป็นผู้ปฏิบัติมานาน  มีองค์ความรู้เชิงประสบการณ์อยู่มาก แต่เราต้องยอมรับว่านักส่งเสริมส่วนหนึ่ง เราศึกษากันในLap หรือศึกษาในตำรา หรือเป็นผู้ที่ทำการวิจัยเป็นต้น ยังมีความจำเป็นที่จะต้องลงมือทำจริงนั่นเองครับ ถึงจะเรียกว่าผู้รู้นั่นเอง

 

 

เขียวมรกต

 2สค.52

หมายเลขบันทึก: 282299เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2009 11:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ผมว่าทุกสิ่งในโลกนี้หากได้ลงมือทำและศึกษาเอง ย่อมก่อเกิดประโยชน์มากมายเหลือคณานับ คงเป็นเพราะจะทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆที่เกิดจากการพบและแก้ปัญหาด้วยตนเอง

ดังที่พี่เขียวมรกตได้พบประโยชน์ของหญ้าที่สัมพันธ์กับปริมาณไส้เดือนครับ

  • ขอบคุณท่านพชรมากครับ
  • ที่แวะมาเยี่ยมและลปรร.กัน
  • สวัสดีครับ
  • เยี่ยมมากครับ
  • รูปในบล็อกไม่ขึ้นครับ

 

  • ขอบคุณอ.สิงห์ป่าสัก
  • ที่แวะมาเยี่ยมให้กำลังใจกัน
  • ขอบคุณที่แนะนำเดี๋ยวผมจะตรวสอบอีกครั้ง

ผมชอบศึกษาหาความรู้แนว_เกษตรพอเพียง+เกษตรอินทรีย์+ปลอดสารพิษ

ความลงตัวทั้งหมดคงอยู่ที่ ผักหวานบ้าน

คิดว่าอนาคตใกล้ๆนี้ หาที่สักแปลง 10-20 ไร่ แถวๆ นครนายกถึงปราจีน

ไว้ทดลองปลูกพืชแบบผสมผสานเช่นเดียวกับคุณมรกต

แต่ผมไม่มีความรู้ด้านการเกษตรกรรมภาคปฏิบัติ ส่วนความรู้ด้านทฤษฏีก็ศึกษาจาก หนังสือ/internet

ขอคำแนะนำจากพี่ๆทั้งหลาย ด้วยครับ

ขอไปชมเป็นตัวอย่างได้ไหมครับผมก็อยู่กำแพงเพชรเหมือนกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท