การแข่งขัน Tour de France จบลงไปแล้ว พร้อมกับความยินดีที่ได้แชมป์คนใหม่ มาเปิดดูวารสารเก่าๆ เห็นมีเรื่องเกี่ยวการการปั่นจักรยานทางไกลอยู่ด้วย เลยลองมาเล่าสู่กันฟัง
การศึกษานี้ต้องการดูระดับสารต้านอนุมูลอิสระในนักแข่งปั่นจักรยานทางไกลเป็นระยะทาง 171 กิโลเมตร ใช้เวลา 5 วัน มีนักปั่นจักรยานเข้าร่วมศึกษา 8 ราย เจาะเลือดก่อนปั่น หลังปั่นเสร็จทันที หลังปั่น 3 ชั่วโมง หลังปั่น 15 ชั่วโมง
นำเลือดไปตรวจหาระดับสารต้านอนุมูลอิสระสารต้านอนุมูลที่ศึกษาได้แก่ กลุ่มที่ใช้สลายพิษของอนุมูลอิสระ เช่น SOD, catalase, oxidized glutathione (GSSG) (ตัวบ่งชี้ว่ามี oxidative stress เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด) กลุ่มที่เป็นวิตามินสลายพิษ เช่น retinol, tocopherol, beta-carotene - ที่จริงเขาศึกษาหลายตัว แต่เลือกเอาตัวที่เป็นที่รู้จักมาไว้ในเรื่องนี้
สารที่วัด |
ก่อนปั่น |
หลังปั่นทันที |
หลังปั่น 3 ชม. |
หลังปั่น 15 ชม. |
สรุป |
catalase SOD GSSG Retinol tocopherol Carotene |
40.3 27 45 0.6 25 203 |
52 26 58 0.6 26 188 |
35 27 51 0.6 23 194 |
41 26 45 0.6 25 218 |
เพิ่มขึ้นหลังปั่นทันที ไม่เปลี่ยน เพิ่มขึ้นหลังปั่นทันทีแล้วลดลงหลังปั่น ไม่เปลี่ยน เพิ่มขึ้นหลังปั่น ลดลงหลังปั่น 3 ชม. แล้วกลับสู่ปกติ |
เนื่องจากการปั่นจักรยานทางไกลเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายเกิด oxidative stress มากขึ้น เมื่อเกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น สารที่ใช้กำจัดอันตรายจากอนุมูลอิสระจึงทำงานมากขึ้น ทำให้ตรวจพบในเลือดมากขึ้นเช่น catalase, GSSG แต่หลังจากปั่นเสร็จ 15 ชม. ระดับสารเหล่านี้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนออกกำลังกาย
ดังนั้นเมื่อดูระบบป้องกันของร่างกายจากสารอนุมูลอิสระจากพวกวิตามินจะเห็นว่า retinol ไม่เปลี่ยนแปลง วิตามินอี (alpha-tocopherol) เพิ่มขึ้นหลังปั่น และลดลงหลังปั่นเสร็จ
ดังนั้นเมื่อร่างกายต้องใช้วิตามินเพื่อเป็น antioxidant เราจึงต้องเสริมวิตามินเหล่านี้หลังออกกำลังกายเพื่อทดแทนที่ร่างกายใช้ไป โดยการรับประทานผักและผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามินอี วิตามินเอ !!!!
จากเรื่อง antioxidantresponse to oxidative stress induced by exhaustive exercise. Physiology & Behavior 2005; 84: 1-7
ไม่มีความเห็น