tenses


teaching present tense

       วันนี้มี present tense ง่ายๆมาเสนอ มีทั้งหมด 4 tense อาจจำไปปรับใช้ได้กับการเรียนการสอนในทุกระดับชั้นของคุณได้

          Present Simple Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ในปัจจุบัน เช่น การงานอาชีพ การแนะนำตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย เป็นความจริงทั่วๆไป ตัวอย่างเช่น

            My name is Sombat. I am a teacher.

            Don gets up at 6 o’ clock in the morning.

โครงสร้างประโยค        :           Subject + Verb 1

 

การเติม s ที่กริยาเมื่อประธานเป็นเอกพจน์มีหลักเกณฑ์ดังนี้

            1. กริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, o และ x ให้เติม e ก่อนแล้วจึงเติม s เช่น

                        pass     =          passes

                        brush   =          brushes

            2. กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น ie แล้วจึงเติม s เช่น

                        cry       =          cries

                        carry    =          carries

ข้อยกเว้น : ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น ie ให้เติม s ได้เลย เช่น

                        play      =          plays

                        destroy            =          destroys

คำที่บ่งบอกว่าเป็น Present Simple Tense ได้แก่

คำ

กลุ่มคำ

ประโยค

always

often

sometime

frequently

usually

naturally

rarely

seldom

habitually

everyday

every week

every month

every year

once a week

twice a month

in the morning

on Sundays

on a week days

on holidays

whenever he sees me

whenever he comes here

every time he sees me

every time he comes here

whenever she can

whenever you want

when he comes here

when he does his work

 

 

            Present Continuous Tense คือ ประโยคที่พูดถึงกระทำ หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยมีคำพูดถึงเวลาอยู่ด้วย ได้แก่ today, at present, at the moment etc. ตัวอย่างเช่น

            What are you doing now?

            The children are playing in the playground.

โครงสร้างประโยค        :           Subject + is/am/are + verb -ing

 

เกณฑ์การเติม -ing มีดังนี้

            1. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e (กรณีไม่ออกเสียง e ) ให้ตัด e ทิ้งแล้วเติม –ing ได้แก่

                        write     =          writing

                        move    =          moving

                        live       =          living

            2. คำกริยที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม –ing ได้เลย เช่น

                        see      =          seeing

                        agree   =          agreeing

                        free      =          freeing

            3. คำที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยนเป็น y แล้วเติม –ing เช่น

                        die       =          dying

                        lie         =          lying

                        tie        =          tying

            4. คำที่มีสระเดี่ยว ตัวสะกดเดียวและเป็นพยางค์เดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวแล้วจึงเติม – ing เช่น

                        stop     =          stopping

                        run       =          running

                        sit         =          sitting

            5. คำที่มี 2 พยางค์ซึ่งออกเสียงหนัก (stress) ที่พยางค์หลังและพยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มเข้ามาอีกตัวหนึ่ง แล้วจึงเติม –ing เช่น

                        begin   =          beginning

                        occur   =          occurring

                        refer     =          referring

 

            Present Perfect Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังคงมีความสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน หรือเพิ่งเสร็จไปไม่นาน รวมทั้งที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆมาก่อนในอดีต และเหตุการณ์ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในเวลาที่ไม่ได้ระบุชัด ตัวอย่างเช่น

            They have been in Chiang Mai since 1990.

            Have you read any good books recently?

โครงสร้างประโยค        :           Subject + verb to have + verb 3

 

กริยาช่อง 3

            1. โดยการเติม -ed ที่ท้ายกริยา เช่น

Verb 1

Verb 2

Verb 3

open

opened

opened

walk

walked

walked

move

moved

moved

            2. มีรูปโดยการผันหรือเปลี่ยนรูป เช่น

Verb 1

Verb 2

Verb 3

Is/          

am/are

was

were

been

see

saw

seen

go

went

gone

            มักจะมี Adverb เหล่านี้มาใช้ร่วมเสมอ ได้แก่ ever, never, once, twice, since, for, so far, up to now, up to the present time, many times, several time, over and over, already, just, yet, finally, eventually, recently.

 

 

 

 

            Present Perfect Continuous Tense คือ ประโยคที่ได้พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว และยังคงดำเนินสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีนัยว่ายังไม่เสร็จสิ้น จำเป็นต้องระบุเวลาไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น

            It has been raining for two hours. (It is still raining.)

            Alice has been working here since I entered the university. (She is still working here.)

โครงสร้างประโยค        :           Subject + verb to have +been + verb –ing

 

            โดย Tense นี้ต้องการเน้นว่า “การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นเกิดในอดีต ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน (ขณะพูด) และก็จะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต” แต่ Tense นี้ไม่ค่อยใช้บ่อยนัก ส่วนมากนิยมใช้ Present Perfect Tense มากกว่า โดยเฉพาะกริยาที่มีความหมายเป็นการกระทำไม่นาน ไม่ควรนำมาแต่งด้วย Present Perfect Continuous Tense

            Verb ที่จะนำมาแต่งใน Present Perfect Continuous Tense ต้องเป็น verb ที่มีความหมายกระทำได้นาน ได้แก่ learn, stay, live, work, sit, stand, sleep, rest, read, wait, play, etc.

Post by: Ratchanee....ka

from: เอกสารประกอบการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ของนางสาวรัชนี ผลแม่น (2551)

คำสำคัญ (Tags): #tense
หมายเลขบันทึก: 279714เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2009 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณนะคะ!ที่ให้ความรู้คะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท