ในการเป็นนักวิจัยที่ีดี ต้องเริ่มจากการอ่านงานวิจัยดีๆ มากๆ ก่อน
ซึ่งหาอ่านฟรีได้มากมาย เช่นที่ JAMA or highwire.stanford.edu
แต่งานวิจัยดีๆ มักเป็น ภาษาอังกฤษ ที่หลายคนไม่ยอมอ่าน
น่าเสียดายมากๆ สมัยก่อน ภาษาอังกฤษผมห่วยมาก ไม่ได้เกรด D ก็ Fไปเลย
ตอนนี้ อ่านงานวิจัยภาษาอังกฤษ ด้านการแพทย์สบายมากๆ ครับ
การอ่านงานวิจัยบ่อยๆ ทำให้ผมมีความรู้มาก จนได้เปรียบเพื่อนๆ หลายคน
ได้ไอเดียทำงานใหม่ๆ มากมาย หลายงานสมัยก่อนทำงานแบบหลงทาง
เดี๋ยวนี้ งานด้านเภสัชกรรม ของผม ทำอย่างไม่หลงทางอีกแล้ว
และงาน มักทำอย่า่งได้ผลน่าพอใจเสียด้วยครับ
ทำให้รู้สึก มั่นใจ สบายใจ และฮึกเหิมมากๆ ครับ
ยินดีด้วยค่ะ หลายคนพอฝึกทำวิจัยพวกนักวิชาการจะวิพากษ์ ระเบียบวิธีวิจัย กลุ่มตัวอย่างต้องเท่านั้นเท่านี้ ปัญหาคืออะไร ??? จนชาวบ้านอย่างดิฉันต้องร้องเพลง ถอย...ดีกว่า แต่พออ่านของนักวิชาการหย่าย หย่าย อ่านไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพราะทฤษฎีมาก ถึงมากที่สุด
เคยถามคนที่เป็น ดร.ว่าทำไมวิทยานิพนธ์ หรือ งานวิจัย ไม่เขียนคล้าย ๆ นวนิยาย จะทำให้คนอ่านมากขึ้นนะคะ ชักบ่นมากไปแล้ว บ๋าย บาย
การบ่มเพาะนักวิจัยหน้าใหม่
ไม่ใช่การวิจารณิ
ไม่ใช่การตำหนิ
แต่เป็น การให้กำลังใจ
การชื่นชม
การ หาจุดดี ของนักวิจัย
ทำให้บรรยกาศไม่เครียด
ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการเรียนดีขึ้นครับ
แต่ตอนนี้ พวกนักวิชาการ จะเน้นตำหนิ....
ซึ่ง ข้อมูลวิชาการยืนยันว่าไม่ค่อยได้ผล ...
สงสัยวิชาการไม่เข้มพอครับ
สวัสดีครับ
เรียนรู้ เพื่อเพิ่มพูน เก็บเกี่ยว เพื่อใช้งาน
อ่านบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ทำมาก ได้มาก ย่อมเกิดทักษะ ครับ