แก้ว
นาง จันทร์ฉาย วิวัฒน์วรพันธ์

ทำบุญเพื่อเอาใบเสร็จไปหักภาษี


เขียนใบเสร็จเกินจริงให้หลวงพ่อเซ็นต์ในใบอนุโมทนาบัตร-บาปหนักใหม ?

มีหลายครั้งที่ฉันทำบุญแล้วได้รับใบอนุโมทนาบัตรมาพร้อมคำบอกว่า " เก็บไว้หักภาษีได้นะ " ฉันไม่เคยสนใจเพราะปรกติก็เสียภาษีน้อยอยู่แล้ว(เงินได้น้อย)  ส่วนร้านค้าของครอบครัวก็เสียภาษีเหมาจ่าย  ต่อมาเราทำร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้านก็เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม  เราจ้างเขาทำบัญชีและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน เสียภาษีเงินได้ครึ่งปีและปลายปี  ส่วนฉันแทบจะไม่รู้เรื่องภาษีเอาเสียเลย  มาบัดนี้รัฐบาลไม่มีเงินบริหารประเทศเศรษฐกิจก็แย่แม้ว่ารัฐ ฯ จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินแก่ผู้มีเงินเดือนน้อยคนละ 2000 บาท  คนชราคนละ 500 บาทต่อเดือนแล้วก็ตาม  เศรษฐกิจไม่ดีขึ้นเลย(ความคิดเห็นส่วนตัว)  ดูจากร้านอาหารเป็นตัวชี้วัดที่เห็นได้ชัดที่สุด  ถ้าร้านอาหารซบเซาแสดงว่าคนไม่กล้าใช้เงิน  ถ้าร้านอาหารคึกคักแสดงว่าคนมีรายได้ดี  ระยะนี้ร้านอาหารซบเซา  จำนวนคืนที่ขาดทุนมากกว่าคืนที่กำไร  แต่ค่าใช้จ่ายคงตัวโดยเฉพาะค่าแรง  ค่าไฟฟ้า  สรรพากรเรียกฉันไปพบให้เสียภาษีเพิ่มเพราะร้านฉันยังพอมีลูกค้า(ท่านว่าอย่างนั้น)แต่ท่านจะให้เสียเพิ่มเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ะ  เจ็บปวด ๆ  ฉันเครียดอยู่หลายวันในที่สุดก็ตัดใจถ้าสู้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ปิดร้าน  ฉันปรึกษากับน้องที่ทำบัญชีให้ฉัน  น้องเขาบอกให้ฉันเก็บใบเสร็จซื้อไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้หักในส่วนค่าใช้จ่ายของภาษีเงินได้  แต่ร้านอาหารต้องซื้อของสดเช่น กุ้ง หมึก ปลา ฯลฯ จากตลาด (ของสดในห้างสรรพสินค้าข้ามชาติไม่สดเท่าในตลาดและราคาแพงกว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นเมื่อคืนวานฉันไปซื้อหมึกในห้าง ฯ ราคาก.ก.ละ 199 บาท ในขณะที่ในตลาดก.ก.ละ 110 บาท)  แม่ค้าที่ขายของสดในตลาดส่วนใหญ่เสียภาษีแบบเหมาจ่ายและเสียภาษีน้อยเขาจึงไม่ออกใบเสร็จให้ลูกค้า  ฉันลองถามพี่นวลแม่ค้าปลาว่าปลายปีพี่นวลช่วยออกใบสำคัญการซื้อคล้าย ๆใบเสร็จแนบกับสำเนาบัตรประชาชนของพี่นวลให้ฉันไปหักภาษีเงินได้จะได้หรือไม่  พี่นวลแกอึกอักแล้วบอกว่าแกไม่เคยออกให้ใคร  พอพูดถึงเรื่องเอาใบสำคัญไปหักภาษีแกก็นึกถึงนักธุรกิจขายหิน ทราย ปูนซีเมนต์ ฯลฯชื่อดังคนหนึ่งในจังหวัดซึ่งนิยมทำบุญโดยการสร้างศาลาให้วัด  ทั้งวัดในเมืองและวัดต่างอำเภอ  พี่นวลแกบอกว่านักธุรกิจคนนี้ไปสร้างศาลาให้วัด.... ถ้าให้ตีราคาศาลาที่สร้างแล้วไม่น่าเกินแสนแต่เขียนในใบอนุโมทนาบัตรตั้งสามแสนไปให้เจ้าอาวาสเซ็นต์  เพื่อนำไปหักภาษี  แกบอกว่าเจ้าอาวาสไม่รู้หรอกว่าราคาที่แท้จริงของศาลานี้เท่าไร   เมื่อก่อนฉันเห็นศาลาที่นักธุรกิจท่านนี้สร้างให้วัดต่าง ๆ ฉันนึกอนุโมทนาสาธุในความใจบุญของท่าน  แต่พอฟังพี่นวลเล่าเรื่องใบอนุโมทนาบัตรแล้วทำให้คิดว่าบุญที่ท่านได้รับจากการสร้างศาลาจะเหลือเท่าไร   และการเขียนจำนวนเงินที่เกินราคา(บวกค่าแรง ค่าดำเนินการแล้ว)จริงไปให้พระเซ็นต์ก็คือการโกหกพระ บาปแน่ ๆ  หรือบอกพระตามตรงว่าขอเขียนเกินความจริงเพื่อไปหักภาษีก็เท่ากับลากพระเข้ามาทำผิดศีลข้อมุสาวาทา ฯ อีกยิ่งบาปเข้าไปใหญ่  ท่านผู้อ่านบันทึกนี้ท่านมีความคิดเห็นหรือมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ 

คำสำคัญ (Tags): #บุญหรือบาป
หมายเลขบันทึก: 268496เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2009 11:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 15:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับคุณแก้ว

ทำบุญเพื่อเอาใบเสร็จไปหักภาษี กรณีนี้เกิดขึ้นกับ บริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะพวกที่ยื่นขอBOI และบริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ ผมก็ไม่มั่นใจว่ามันดีกับประเทศชาติแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ มันดูเหมือนกับว่ารัฐบาลกำลังสอนคนให้เป็นศรีธนนชัยมากขึ้นทุกวัน เจ้าเลห์ เพทุบาย มากขึ้นและจะได้รับการยอมรับว่าเป็นคนเก่ง ฉลาด จากสังคมมากขึ้น

ส่วนตัวผมเห็นว่าการทำบุญและทำทานเป็นเหมือนการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แต่จริงๆแล้วทุกคนมุ่งหวังสิ่งตอบแทนกันทุกคน อย่างน้อยๆทุกคนคิดว่าเมื่อชาตินี้เราทำบุญทำทานมากๆ ชาติหน้าเราจะสบายขึ้น

ตรงนี้คงต้องขอให้ผู้รู้ที่มีมุมมองในแง่มุมของพุทธศาสนามาให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้

และหวังว่าจะมีนักบัญชีมาใหคำตอบกับคนชั้นกลางและล่างหน่อยว่าทำไมรัฐบาลถึงต้องมีนโยบายเอาเรื่องทำบุญมาเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีรายได้ของรัฐครับ จะอ้างบำรุงพระพุทธศาสนาก็คงต้องมีการพิสูจน์กันให้เห็นซักครั้งว่าจริงหรือเปล่า เพราะเวลานี้นโยบายนี้เล่นเอาวัดวาอารามต่างๆ ต่างมุ่งเน้นไปในเรื่องของวัตถุทั้งสิ้น เพราะพวกยักษ์ใหญ่ต่างๆ ก็จะสร้างโน่นสร้างนี้ให้วัดเต็มไปหมด

สวัดดีค่ะ คุณพูนชัย

ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็น นานมาแล้วพิธีกรรายการข่าวของทีวีช่องหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง เขาบอกว่าฝรั่งมองคนไทยเป็นคน ขี้โอ่ ขี้โกง ขี้เกียจ และ ขี้เท็จ (จำได้ไม่หมด) แล้วเราจะปล่อยให้สังคมของเราต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานกี่ชั่วคนกัน

เคยสงสัยเหมือนกันค่ะว่าทำบุญบริจาคเงินแล้วต้องกับองค์กรที่ลดหย่อนภาษีได้เท่านั้น บางองค์กรลดหย่อนไม่ได้ คนก็ไม่บริจาคเงิน ก็หวังจะนำเงินบริจาคมาลดหย่อนภาษีนั่นเอง แต่พวกเราคนทำงาน บริจาคก็คงไม่เกินกว่าร้อยละเท่าไรที่สรรพากรกำหนดว่านำเงินบริจาคมาลดหย่อนภาษีได้ ก็ไม่ได้มีผลมากนัก เราได้นำไปลดหย่อนนิดหน่อย แต่บริษัทที่เค้าบริจาคเงินมาก ๆ เพื่อนำมาลดหย่อนหรือคนที่มีรายได้มาก ๆ บริจาคเงินแล้วนำมาลดหย่อน ก็คงมีผลกับเค้ามาก อย่างนี้จะเรียกว่า ทำบุญมากก็ได้มาก ทำบุญน้อยก็ได้น้อย หรือไม่คะ สงสัยอีกแล้ว

สวัสดีค่ะ คุณมะลิ มาพา

ขอบคุณที่อ่านบันทึกและแสดงความคิดเห็นค่ะ

  • อ่านแล้วเศร้าใจ
  • ที่คนเราคิดแบบนั้นได้ไง
  • ไม่รู้ว่าได้บุญหรือบาป
  • โกหกพระ
  • โกงชาติ
  • เฮ้อ 
  • ขอบคุณที่เอาเรื่องแบบนี้ มาเตือนกันไว้

สวัสดีค่ะ คุณมนัญญา

ขอบคุณค่ะที่แสดงความคิดเห็น ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้รับรางวัลประจำเดือนมิถุนายนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท