เด็กๆ ควรได้ฟัง ได้อ่าน นิทานแบบไหน?
วันนี้นั่งอ่านการบ้านของเด็กๆ เป็นนิทานสำหรับเด็กที่ให้เด็กนักเรียน (โรงเรียนภาษาเขมรบ้านปราสาทภูมิโปน) แปลจากภาษาเขมรเป็นภาษาไทย นิทานแต่ละเรื่องยาวมากที่สุดไม่เกินสองหน้ากระดาษ A4 เนื้อหาของนิทานแต่ละเรื่องเป็นการสอนเด็กๆ ให้มีจริยะรรม ศีลธรรม การรู้จักให้ทาน การอยู่ร่วมกันในสังคม และอีกหลายสิ่งดีงามที่เด็กๆ ดวรจะได้เรียนรู้และฝึกฝนตน เช่น นิทานเรื่อง “ผีเสื้ออวดความงาม” เป็นเรื่องของผีเสื้อที่น่าน่าสงสารที่ต้องมาตายด้วยการที่มันให้ความสำคัญตัวเองมากเกินไป ถ้าหากว่ามันรู้จักประมาณตน รู้จักกาละเวลา รู้จักสถานที่ ก่อนที่จะกระทำการใดๆลงไป คงจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือ เรื่อง “สุนัขจิ้งจอกสองตัวอยากเข้าเล้าไก่” ที่สอนเรื่องความสามัคคีทำให้ชนะอุปสรรคได้ ทำให้หวนกลับมาคิดเล่นๆ ว่าปัจจุบันมีการส่งเสริมให้มีการอ่านนิทานให้เด็กฟังแม้กระทั่งว่าอยู่ในท้องก็ให้อ่านให้เด็กๆ ฟัง จนเด็กโต เพราะว่านิทานจะช่วยต่อยอดจินตนาการให้กับเด็กๆ และส่วนใหญ่นิทานที่ผู้ปกครองนิยมอ่านให้เด็กๆ บุตรหลานฟังก็จะเป็นนิทานที่ถือว่าได้รับการนิยม เช่น นิทานจากค่ายดิสนีย์ เป็นต้น ทำให้อดนึกเล่นๆ ไม่ได้ว่านอกเหนือจากการได้ฟังนิทานยอดนิยมเหล่านั้นแล้วถ้าเด็กๆ ได้ฟังนิทานพื้นบ้านอีกบ้าง จะดีไหมหนอ เพราะว่านิทานพื้นบ้านนั้นมีวัฒนธรรมที่มีความเป็นท้องถิ่น มีบรรยากาศของความเป็นไทย หรือความเป็นท้องถิ่นนั้นๆ ขึ้นอยู่กับว่านิทานนั้นมีกำเนิดจากวัฒนธรรมใด เช่น นิทานล้านนา นิทานจากภาคอีสาน หรือนิทานจากภาคใต้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จ้ะเกิดผลข้างเคียง (เหมือนโดนยาเลยเนอะ) เช่น ทำให้เด็กรักและภูมิใจในความเป็นตัวตนของเขา รักถิ่นกำเนิด เข้าใจวัฒนธรรมของตนนอกเหนือจากจินตนาการแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ทราบว่าจะมีผู้ปกครอง หรือพ่อแม่สักกี่คนที่คิดเหมือนผู้เขียน
ไม่มีความเห็น