หนูเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯ หนูไปประชุม/อบรมเกี่ยวกับการกำหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลการดำเนินการของที่ทำงานค่ะ หนูไปกับพี่ติ๊กและกับอีกหลายคนค่ะ
การไปครั้งนี้ หนูได้ทั้งประสบการณ์ด้านการกำหนดตัวชี้วัด ประสบการณ์ของการเจ็บป่วย และประสบการณ์ของการได้ไปรับบริการโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง
พี่ติ๊กมีโรคประจำตัวที่พี่เขากลัวมากก็คือ ความดันโลหิตสูงและการเต้นของหัวใจผิดปกติ พี่เขาคงกลัวเรื่องของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแต่ตรวจไม่เจอซักที
มันคงเกี่ยวเนื่องกับหนูด้วยที่หนูเอาเชื้อหวัดไปแพร่ให้พี่เขา ในขณะที่นั่งรถไปด้วยกัน และนอนห้องเดียวกันด้วย ความที่ไม่อยากมาเจ็บป่วยในที่ที่ไกลบ้าน พี่เขาเลยไปซื้อยาแก้หวัดและยาแก้ไอมากินก่อนที่อาการจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ประมาณว่า คล้ายๆจะมีอาการก็ป้องกันไว้ก่อน ยาแก้หวัดเลยกระตุ้นให้หัวใจพี่เขาเต้นเร็วขึ้น พี่เขาบอกว่า กินทีไรจะมีอาการทุกที
ขณะที่เรากำลังเข้ากลุ่มนำเสนอผลการกำหนดตัวชี้วัด พี่เขาก็เดินมาบอกว่า "พี่เย็นแผ่นหลัง หน้ามืด เหมือนจะ hypo เหมือนที่เคยเป็นเมื่อตอนที่ได้ admitted หาน้ำหวานให้่พี่หน่อย" ก่อนที่จะวิ่งไปค๊อฟฟีช้อป หนูก็หาลูกอมให้พี่เขาก่อน ในสมองหนูคิดไปถึงโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะเห็นบอกว่า หน้ามืด และชีพจรก็คลำได้เบามาก แถมด้วยเมื่อคืนก็บ่นว่า ท้องอืด
เภสัชกรที่ไปด้วยกัน บอกว่าหนูรนรานจังเลย ดูไม่เหมือนพยาบาลไอซียู หนูก็ไม่รู้ว่า ออกอาการอะไรไปบ้าง จำได้แต่ว่า หากพี่เขาเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเ้ลือดจริงๆจะทำอย่างไรดี จะหาตัวช่วยจากใครบ้าง ตามประสาคนบ้านนอกเข้ากรุงที่คิดอะไรไม่ออก
หนูประชุมแถวๆหลักสี่ โรงพยาบาลที่คิดถึงก็หนีไม่พ้นแถวเกษตร ไปถึง โรงพยาบาลหนูก็บอกประชาสัมพันธ์เลยว่า พี่มีโรคประจำตัว คือ MI จริงๆแล้วพี่เขาบอกว่าไม่ใช่ยังตรวจไม่พบ เลยได้ไปตรวจที่ศูนย์หัวใจ ทำให้สะดวกรวดเร็วไม่ต้องรอนาน
ความคิดหนูเองแอบคิดเหมือนกันว่า พี่เขาไม่น่าเป็นโรคหัวใจเพราะไม่ได้เจ็บหน้าอกเลย กลับไปปวดและเย็นๆที่แผ่นหลัง ซึ่งไม่เคยพบอาการแบบนี้ในคนไข้โรคหัวใจขาดเลือด แต่ก็ต้องคิดใหญ่ไว้ก่อน อย่างนี้แหละนะคะ คนไข้มาหา เรามักจะบอกว่ารอก่อนรอหน่อยไม่เป็นอะไรมาก พอโดนกับตัวเอง เลยต้องเอาแบบน่ากลัวไว้ก่อนจะได้มีคนมาบริการเร็วขึ้น
คุณหมอตรวจให้พี่เขา ตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ ก็ไม่พบความผิดปกติ คิดไปถึงเรื่องของโรคกระเพาะอาหารมากกว่า ถึงตอนนี้ที่รอผลเลือด รอแพทย์ตรวจซ้ำ ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง อาการของพี่เขาก็เริ่มดีขึ้น ด้วยว่า น้องๆโหมให้พี่เขากินยาขับลม ยาลดกรด เพราะคิดเหมือนกันว่า น่าจะเป็นเพราะกระเพาะ แถมมีอาการท้องอืด จะได้แยกอาการได้ชัดเจนมากขึ้น
สุดท้าย คุณหมอก็รักษาโรคกระเพาะอาหาร แต่ไม่ลืมแนะนำให้ไปตรวจเพื่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจ คงเพราะเห็นพวกเราหน้าตาตื่นและกลัวกันมากเกินไป ฝุ่นเข้าตาตัวเองมักจะเอาไม่ได้จริงใช่มั้ยคะ
ก็เป็นประสบการณ์ตรงที่ตื่นเต้น กลัว และวิตกกังวล สำหรับคนที่ไปเจ็บป่วยในสถานที่ไกลบ้าน ไกลครอบครัว ไกลคนที่รัก
เมื่อตอนเย็นโทรหาพี่เขาบอกว่า ไม่มีอาการปวดหลังแล้ว น่าจะเป็นเพราะโรคกระเพาะอาหาร แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปเดินสายพานเหมือนตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย
ลืมบอกไปว่า พี่เขามีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของโรคหัวใจขาดเลือดด้วยค่ะ อ้วน เป็นความดันโลหิตสูง บุคลิกค่อนข้างเครียดและกังวล ไขมันในเลือดสูง ขาดการออกกำลังกาย
หนูคงต้องหาโอกาสหนีพ่อไปออกกำลังกายบ้างแล้วละค่ะ ก่อนที่จะมีโรคที่อาจจะซ่อนเร้นอยู่จะถามหาค่ะ
ฝนตกบ่อยระวังไม่สบายด้วยนะคะ
ลูก
13 มิถุนายน 2552 : 20.30 น.
เรียน pa_daeng
สวัสดีค่ะ ป้าแดง
ระลึกถึงเสมอ...พี่เหมียว
สวัสดีค่ะ ป้าแดง
อ.ท่านหนึ่งก็มีประสบการณ์ MI ที่ต่างประเทศค่ะ
ไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ เป็น MI จริงๆ ค่ะ
คิดถึงป้าแดงนะคะ
ที่กังวลมากไป ก็เพราะรักและห่วงใยครับ