๐๘๔๕๐๑๐๖๒๕๕๒
ขับรถยนต์เข้ามหาวิทยาลัย ผมก็นึกหัวข้อเขียนบันทึกได้แล้ว
เมื่อผ่านช่องทางการตรวจรถยนต์ (ซึ่งมีเรื่องอยากเขียนหลายครั้งแล้ว) ผ่านวงเวียนมาถึงสามแยกไดโนเสาร์ พบ รปภ. เป่าโบกรถจักรยานยนต์เข้าจอดข้างทางจำนวนมาก
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ผู้ขับขี่จักรยานยนต์เหล่านั้นไม่สวมหมวกกันน็อคหรือขับขี่ซ้อนสาม เพราะเมื่อเลี้ยวเลยมาก็เจอ ผู้ขับขี่ประเภทนี้อีกมากมาย ทั้งนศ.และบุคลากร
ผมเชื่อว่ามหาวิทยาลัยได้ปฐมนิเทศก์นักศึกษาใหม่ไปแล้ว และคงแจ้งเตือนไปแล้ว แต่.....นศ. ก็ยังเป็นวัยรุ่นที่บ้างก็ลืม..บ้างก็จงใจจะทำ... เพราะเมื่อตอนนศ.ผ่านประตูทางเข้าก็สวมหมวกอยู่ และถอดออกในทันทีหลังผ่านประตูมาแล้ว คงไม่คิดว่าจะเจอด่านสองของ รปภ.
นศ.ที่ถอดหมวกกันน็อคออก คงมีเหตุผลอยู่บ้างว่า การใส่หมวกทำให้ทรงผมเสียรูปเสียทรงไปบ้าง และสัญชาตญาณลึกๆใต้จิตใจ อาจบอกให้แสดงความเป็นอิสระในการแสดงออกมาว่า อย่าบังคับน่ะ ไม่ชอบ
ผมนะพอเข้าใจในส่วนนี้ แต่นศ.นะไม่ได้รับรู้ว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากการไม่สวมหมวกกันน็อคอาจนำไปสู่การสูญเสียเชิงสังคมที่มากเหลือเกิน
ผมเคยเห็นหมวกกันน็อคที่เป็นรอยขีดขูดที่น่ากลัวเมื่อไปที่หน่วยฉุกเฉิน (ER) รพ.ม.อ. เคยเห็นรอยขูดบนหมวกกันน็อคของลูกสาวที่ขับรถเร็วมากและล้มรถจักรยานยนต์ เคยรู้ในคำพูดของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดสมองให้แก่คนไข้ซิ่งรถจักรยานยนต์ เคยเจอเหตุที่ นศ.ต้องผ่าตัดสมอง เนื่องจากเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนภายในมหาวิทยาลัย แล้วเรียนไม่จบ ต้องให้พ่อแม่ดูแลต่อไป หลายสิ่งเหล่านี้ต่อเนื่องมาจากความเป็นวัยรุ่นที่ขาดประสบการณ์และความยับยั้งใจในความอยากซิ่งของเด็ก นศ.
ในความคิดของผม มหาวิทยาลัยมีหน้าที่บ่มเพาะนศ.เหล่านี้ และผมชอบใจในการดำเนินการตั้งแต่วันแรกของการเรียน และอยากให้ทำต่อเนื่อง อย่าทำเป็นฤดูกาลเมื่อนศ.ส่วนใหญ่ประพฤติเข้ารูปเข้ารอยแล้ว เพราะแรงจูงใจในการละเมิดจะกลับมาอีก เหมือนที่ผมเห็นบุคลากรไม่สวมหมวกกันน็อคหลายคน เพราะเขาเหล่านี้ อาจคิดง่ายๆว่า หากเกิดอะไรขึ้นมา...ก็ชีวิตเขา เขารับผิดชอบตัวเองได้ แต่ในวงที่กว้างกว่านั้นคือ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจริงแล้ว หากเขานอนเป็นผักไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รับรู้แล้ว แต่ญาติพี่น้องเขายังต้องดำเนินการที่จะเอาผิดกับคู่กรณีต่อไป และก็อาจทำให้คู่กรณีรู้สึกผิดในใจตลอดไป
เรามักคิดต่าง...และประพฤติต่าง...เมื่อเหตุผล..อารมณ์ในใจบางส่วนมันบอกว่า..ไม่ใช่
เด็ก..ด้อยประสบการณ์ โลกทัศน์ยังไม่กว้าง ค่อยๆสอนในหลายวิธี ผสมผสานกันไป ทั้งจูงใจ..ใช้กรณีศึกษา..และภาคบังคับ..
ทั้งนี้ทั้งนั้น ฝ่ายปฏิบัติ คือ รปภ. รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่จะนุ่มนวล อ่อนโยน เพื่อให้เด็กเหล่านี้รับรู้ว่า นี่คือปฏิบัติการด้วยความห่วงใย...มิใช่การใช้อำนาจ ตามกฎ ตามระเบียบ แต่เพียงอย่างเดียว
ผม..เอง
นี่เป็นปรากฏการณ์จริง ๆ ดัง อาจารย์ว่า ได้ต่อต้านสักนิดก็ยังดี แต่ผลของการต่อต้านที่ตามมานั้นมันกระทบกับใครบ้าง ถ้ายังไม่เกิดกับตัวเอง ก็ยังไม่สำนึก ถ้าเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็สายเกินไปที่จะแก้ไข