--- แท้ที่จริงแล้ว..ความทุกข์ของคนเราอยู่ภายใน กาย และ จิต ของตนนั่นเอง
--- สนามศึกษาธรรมะของเรา...จึงอยู่ที่กายและจิตนี้.. แทนที่เราจะเรียนรู้ออกไปภายนอก ให้เราย้อนเข้ามาศึกษาอยู่ในกายและจิตของเรานี่แหละ..
--- วิธีการไม่มีอะไรมาก ขอเพียงให้หัดสังเกต กาย และ จิต ของเราให้ดี เริ่มต้นง่ายๆ จากการสังเกตร่างกายก่อน...ท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ แนะนำว่า...
--- ขั้นแรก ทำใจให้สบายๆ อย่าเคร่งเครียด... แต่ให้คิดเพียงว่า เราจะสังเกตดูร่างกายของเราเองเท่านั้น จะรู้ได้แค่ไหน..ไม่เป็นไร เอาแค่ว่าจะเฝ้าสังเกตให้ได้เท่าที่ทำได้ก็พอ ...
--- เปรียบร่างกายเหมือนหุ่นยนต์ที่แสดงอาการเคลื่อนไหวในอิริยาบทต่างๆ..โดยเราเป็นคนดูเฉยๆ..ถึงจุดหนึ่ง..จะเห็นประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า..ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นก้อนวัตถุหนึ่งที่ไม่ถาวร..ไม่หยุดนิ่ง..ไม่คงที่..มีการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลา คือ หายใจเข้า-ออก กินดื่ม ขับถ่าย...ฯลฯ
--- ความยึดถือด้วยความหลงผิดว่า กายเป็นเรา... จะบรรเทาเบาบางลงได้..จะเห็นชัดแจ้งว่า มีธรรมชาติเป็นผู้รู้ร่างกาย..อาศัยอยู่ในร่างกายนั่นเอง..
--- เราสังเกตลึกลงไปอีกถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในกาย...ที่เห็นง่ายๆคือ ความรู้สึกเป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เฉยๆบ้าง เช่น รู้สึกปวดเมื่อย หิวกระหาย..จึงเป็นทุกข์ ..ครั้นเมื่อความทุกข์ผ่านไประยะหนึ่ง...ย่อมรู้สึกสบาย เป็นสุขขึ้นบ้าง..แต่ไม่นาน ความทุกข์เดิมๆนั้น ได้ย้อนกลับมาอีก วนเวียนอยู่เช่นนี้ไม่จบสิ้น....
--- ขั้นที่สอง คอยสังเกตว่า เวลาที่เกิดรู้สึกทุกข์สุขทุกครั้ง จิตใจของเราจะเกิดมีอารมณ์หงุดหงิดรำคาญใจ หรือดีใจ อย่างไร ? ..ให้เราหัดรู้เท่าทันอารมณ์เหล่านั้น..รวมทั้งการรัก เกลียด โลภ โกรธ หลง อยาก มีอยากได้ ฯลฯ ...เมื่อเราเรียนรู้ความรู้สึกและอารมณ์แปรปรวนทั้งปวงแล้ว...ย่อมประจักษ์ถึงความไม่คงที่ของความรู้สึกในกายเหล่านี้...
--- เมื่อสังเกตเห็นการทำงานของจิต(อาการของจิต)ได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนประจักษ์แจ้งในความจริงที่ว่า ความทุกข์สุข เป็นเพียงเกิดจากสาเหตุที่เกิดๆดับๆอยู่ตลอดเวลา...
--- เมื่อฝึกให้รู้เท่าทันจิตตนเองมากขึ้น ..ไม่นานย่อมทราบด้วยตนเองว่า ความทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร ..สภาพที่ไม่ทุกข์เป็นอย่างไร..สภาวะจิตจะพัฒนาไปได้เองตามลำดับทุกประการ..โดยไม่ต้องกังวลถึงขั้นตอนที่ซับซ้อนในเรื่อง.. ญาณ.. ฌาณ หรือ มรรคผลนิพพานแต่อย่างใด...
--- ธรรมะ จึงเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของตัวเราเอง สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากด้วยตนเอง อย่าพากันท้อถอย ให้เรารู้เพียงว่า...
--- ทำอย่างไร เราจะไม่ทุกข์ก็พอแล้ว...เพราะนั่นคือหัวใจของพุทธศาสนา ที่คนๆหนึ่งพึงรู้ไว้ และหมั่นปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ...