เมื่อฉันไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน


การมีสมาธิทำให้คนมีสติ เมื่อมีสติแล้วจะเกิดปัญญา รู้สิ่งใดดี-ไม่ดี ควร-ไม่ควร เขาจะเป็นคนดีในที่สุด

 

 

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันเข้ามาเขียนบันทึก เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ใน Gotoknow  อันเนื่องมาจาก

 

"มีความประทับใจจากการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน  ณ วัดป่าไตรภูมิพระร่วง (วัดเขาอินทร์)"   หลังจากที่ได้อบรม KM ที่ สพท.อต.เขต 1  และทดลองเขียนบันทึกสั้นๆ ไว้  "การสอนให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้"  จากนั้น ก็ไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึกอีกเลย เป็นเวลา 2 ปี


       แต่ทั้งนี้  ถึงฉันจะไม่ได้เขียนบันทึก แต่ฉันก็แวะเวียนมาศึกษาหาความรู้จาก Gotoknow  เสมอๆ  รวมทั้งแนะนำให้ลูกศิษย์เข้ามาศึกษาหาความรู้ในสังคมแห่งนี้ด้วย....

  

** ลองอ่านบันทึกนี้ดูนะคะ คุณจะเข้าใจว่าการไปปฏิบัติธรรมดีอย่างไร   จนฉันต้องเข้ามาเขียนเรื่อราว เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ผ่านบล็อก**

   

       วัดป่าไตรภูมิพระร่วง  หรือที่รู้จักกันโดยททั่วไปว่า วัดเขาอินทร์  ต.ท่าชัย  อ. ศรีสัชนาลัย  จ.สุโขทัย  ระหว่างวันที่ 18 – 25 เมษายน 2552

  

      ท่วมกลางเนื้อที่สองร้อยกว่าไร่ ที่สะอาด เงียบสงบ ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่    มีพระภิกขุ สามเณร และแม่ชี  จำนวน 15 รูป  มีศาลาขนาดใหญ่ 1 หลัง ชั้นบนเป็นศาลาโล่ง มีอาสนะสำหรับพระสงฆ์ เวลาปฏิบัติศาสนาพิธี และฉันภัตราหาร   มีห้องเก็บสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยในโลงแก้ว ของหลวงพ่ออ่อนใส   สํวโร  ที่กั้นเป็นห้องกระจก เพื่อให้ญาติโยมกราบไหว้และพิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสังขาร  บริเวณท้ายศาลาเชื่อมต่อกับพื้นที่โล่งเทปูน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้บำเพ็ญบุญ  เดินจงกรม  ด้านข้างมีห้องน้ำ 2 ห้อง  และบริเวณซักล้าง (จาน ชาม ถาดอาหาร  แก้วน้ำ หม้อ ฯลฯ ) ชั้นล่างทำเป็นห้องโถงใหญ่  ห้องนอน ห้องน้ำ  ห้องเก็บพัสดุ ครุภัณฑ์ และที่ (ห้อง,ถังขนาดใหญ่) เก็บน้ำไว้ใช้  ซึ่งเป็นดำริของหลวงพ่ออ่อนใส   ซึ่งด้านบนก็คือพื้นที่ที่ใช้เป็นที่เดินจงกรม และปฏิบัติธรรมของอุบาสก อุบาสิกาที่ได้กล่าวนั่นเอง  ถัดจากศาลา ด้านหลังเป็นโรงครัว ที่ประกอบอาหารสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม  ด้านหน้าเยื้องศาลา เป็นห้องอาบน้ำ และห้องสุขา จำนวน 2 แยกชาย หญิง เป็นสัดส่วน สิ่งปลูกสร้างที่เห็นก็มีเท่านี้  นอกนั้นก็เป็นแท่นสำหรับปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 1 แท่น สำหรับ 1 คน ซึ่งมีอยู่มากมาย ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่  ซึ่งเพียงพอต่อจำนวนของผู้มาปฏิบัติธรรม

  

       พระภิกษุสงฆ์ในวัดนี้ ท่านมาจากทางภาคอีสาน ท่านเป็นพระสายปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  เช่นเดียวกับ วัดอัมพวัน ของหลวงพ่อจรัล  บุคลิกของท่านจะนิ่ง สุขุม ลุ่มลึก เปี่ยมด้วยปัญญาเมตตาธรรม และมีความเป็นกันเอง เรียบง่าย  คำสอนของท่าน ท่านจะพูดด้วยภาษาธรรมดา ฟังง่ายเข้าใจชัดเจน ไม่ต้องแปลความ นำปฏิบัติได้จริง  

  

       การมาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากที่มีความอยาก ต้องการปฏิบัติธรรมมาตั้งนานแล้ว  แต่ไม่มีโอกาสเสียที ติดเรื่องงานบ้าง เรื่องครอบครัวบ้าง .... (บุญยังไม่ถึงกระมัง!...)  ครั้งนี้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนเรื่องจะทำเว็บไซต์  เพื่อนพูดให้ฟังว่าจะไปปฏิบัติธรรม   ก็ขอไปด้วยเลยแหละ...  แล้วก็บอกให้คุณแม่ทราบ...ท่านก็อนุโมทนาด้วย  จากนั้นก็เตรียมชุดขาว ผ้าสไบ  ถึงเวลาก็ขับรถไปรับเพื่อนที่บ้านแล้วก็เดินทางไปที่จังหวัดสุโขทัย  จุดมุ่งหมายคือวัดเขาอินทร์ อ.ศรีสัชนาลัย  อ้อ! เพื่อนเขาพาลูกสาว 2  คนไปด้วย อายุ 7 ปี ชื่อ น้องลูกน้ำ คนโต ชื่อน้องทราย  อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับลูกชาย (น้องนนท์) เรียนระดับประถมที่โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์มาด้วยกัน น้องลูกน้ำนี่เด็กที่สุดในบรรดาผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ 

 

ภาพที่น่าประทับใจและบรรยากาศการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

 

 

 

 

       ก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญบุญสร้างสมกุศลให้ตนเองนะ  เกิดอานิสงส์มากมาย ทำให้มีเวลา,ได้ใช้เวลาพิจารณาไตร่ตรองถึงสิ่งต่างๆ เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เข้ามาในห้วงชีวิต ...จากบรรยากาศที่สงบเงียบ.... นะ.. เหมือนได้หลุดออกมาจากความวุ่นวายทั้งปวง   รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก.... สัมผัสได้ถึงความไม่เที่ยงของทุกสิ่ง สิ่งที่เป็นทุกข์และทำให้เกิดทุกข์ และความไม่มีตัวตนของสังขารทั้งหลาย  “หรือ ที่ว่า  สิ่งทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งไม่แน่นอน”  มันล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ได้ไตร่ตรองพิจารณาว่า – เออ!.. มันเป็นเช่นนี้เองหนอ  ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป... ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจจริงๆ  เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง...  “เราจินตนาการไปเองแท้ๆ”    เราถือว่าได้มาเรียนรู้   การเข้าพิธีบวชชีพราหม์  เป็นอุบาสิกา รักษาศีล 8  การปฏิบัติสมาธิเจริญปัญญา วิปัสสนากรรมฐาน  เรียนรู้วิธีการเดินจงกรม  พลวงพ่อท่านสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ   การมีสติ คือ รู้ตัว รู้ตนตลอดเวลา ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน นอน การกิน และการกระทำทุกๆ สิ่ง

  

       รู้สึก..ว่าง…โล่ง แช่มชื่นหัวใจจริงๆ  ตรงนี้แหละที่เรียกว่า “ใจเป็นสุข”  เป็นครั้งแรก (อีกเหมือนกัน) ที่ได้กางกลดด้วยตัวเอง  นอนในกลด อยู่ท่วมกลางสวยป่า...ซึ่งเป็นบริเวณวัดเขาอินทร์  พื้นที่ที่ทางวัดจัดเตรียมสำหรับกางกลดเป็นแท่นปูนทรงสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 2X2 เมตร และเทปูนยืนออกไปด้านข้างต่อไปอีกประมาณ 1.5 เมตร กว้างครึ่งเมตร (ไม่ได้วัดหรอกนะ  คะเนจากสายตาที่สั้นแถมเอียงอีกต่างหาก น่ะ...) เพื่อใช้สำหรับเดินจงกรม   ขนาดของแท่นปูนก็พอดีกับกลด และพอดีสำหรับคนหนึ่งคน ใช้เสื่อปูนอน ไม่นอนฟูก..  การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่กลด  ก็ไหว้พระ อธิษฐานจิต สมาทาน  แล้วก็เริ่มเดินจงกรม จากนั้นก็นั่งสมาธิ  โดยนั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรง หลับตา เอาสติมาจับอยู่ที่สะดือที่ท้องพองยุบ จิตให้เป็นสมาธิ รู้ตัวทุกลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้าท้องพองกำหนดว่า “พองหนอ” ใจที่นึกกับท้องที่พองต้องทันกัน  หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่า “ยุบหนอ” ใจนึกกับท้องที่ยุบต้องทันกัน  ข้อสำคัญต้องให้สติจับอยู่ที่พอง ยุบ  ทำไปจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด  หลวงพ่อท่านบอกว่า หากมีเวทนาเกิดขึ้น...จะต้องอดทนเพื่อเป็นการสร้างขันติบารมี 

  

       ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่แดดร้อนและส่องลอดต้นไม้เข้ามาที่กลดที่นั่งสมาธิอยู่  ขณะที่นั่งวิปัสสนาอยู่ร้อนมาก เหงื่อไหลตั้งแต่ศีรษะลงมาที่ใบหน้า เข้าตาจนรู่สึกแสบตา ไหลลงไปที่คอ ไหล่ หลัง  แต่...ก็ทนได้ ปล่อยให้มันไหลไป ร้อนก็ภาวนาว่า ร้อนหนอ ๆๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง แดดส่องที่บริเวณต้นคอ ม๊าน  แดง จนไหม้ ก็ให้มันเป็นไป ไม่เป็นไร... ขอให้ใจสงบเป็นพอ

 

       ไปวันแรกยังไม่ชิน พระท่านตีระฆังตอนตี 3 เพื่อให้ลุกไปทำกิจกรรมเดินจงกลมและนั่งวิปัสสนากรรมฐาน จากนั้นก็กวาดใบไม้บริเวณของตนเองและกลดให้สะอาด โล่งเตียน  พอเวลาตี 4  ก็ขึ้นไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า  แต่ก็ไม่ได้ตื่นสายนะ เพียงแต่ลุกทำภารกิจหลังคนอื่นๆ เพราะยังไม่ชิน แต่ก็ก่อนตี 4  ทันไปสวดมนต์ทำวัตรเช้าตั้งแต่ ตี 4-6 โมงเช้า  แล้วนั่งสมาธิอีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นเวลา 6.40  ก็รับน้ำปานะ  ซึ่งเป็นน้ำเต้าหู้ของผู้มีจิตศรัทธาที่นำมาถวาย

 

 

 

         ภารกิจประจำวันขณะที่บวชเป็นอุบาสิกา ถือศีล 8 อยู่ที่วันเขาอินทร์ คือ 7.00 น. ฉันอาหารเช้า ฟังพระธรรมเทศนาจากพระภิกษุ เวลา 8.00 น. ตักบาตรข้าวสารอาการแห้ง เวลา 11.00 น. ฉันอาหารเพล เวลา 16.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น จนถึง 18.00 น. นั่งสมาธิ 30 นาที แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล เวลา 19.00 น. ฟังธรรมเทศนา ถวายสังฆทาน และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานร่วมกับบนศาลา จนถึงเวลา 22.30 น. โดยประมาณ

         เวลาอื่นนอกจากนั้น คือ การปฏิบัติธรรมเจริญปัญญา คือ เดินจงกรม และนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกจิต มีสติ มีสมาธิ รู้ตัวตลอดเวลา  ซึ่งแม่แก้ว และท่านพระครู ท่านบอกว่าเป็นการสร้างกุศลให้ตนเอง  แล้วแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ บิดามารดา ครูอาจารย์ เทวดา เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งปวง

  

       ช่วงเวลาที่พระท่านจะนำให้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยพร้อมเพรียงกันคือ ช่วงก่อนตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง  ช่วง 10.00 น. และช่วง 14.00 น. นอกนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะสร้างสมกุศลกันเอง  บางคนก็นั่งพัก เปลี่ยนอิริยาบถ  บ้างก็บำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดสถานที่พัก บริเวณวัด ล้างห้องน้ำ บางคนซักผ้า (ส่วนตัว) จัดดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ  ช่วยแม่ชีจัดขันสำหรับตักบาตร  ตกแต่งองค์ผ้าป่า ขัณฑ์กัณเทศน์ ล้างถ้วยจาน กาดหลุม เก็บพรม เบาะ และถูศาลา ฯลฯ  ส่วนตัวองบางครั้งก็จะไปนั่งอ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เรื่องของธรรมะมากขึ้น  ช่วงเวลาที่ได้ฟังพระธรรมเทศนา  มีหลายช่วง คือ   

 

 1. หลังทำวัตรเช้า ,เย็น

2. ระหว่างและหลังจาก ฉันอาหารเช้า/เพล 

3. เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป แล้วถวายสังฆทาน

 

 

       ที่น่าชื่นใจ.. คือได้เห็นเด็กๆ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และสาววัยรุ่น ที่มาบวชชีพราหมณ์ที่วัดนี้ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นมากเท่าไหร่นัก   ผู้ปกครองทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย ที่พาบุตรหลานมาเข้าวัดปฏิบัติธรรม  เพราะธรรมะจะช่วยหล่อหลอม ขัดเกลาจิตใจของเด็กเหล่านั้นให้เป็นคนดี มีคุณธรรม มีจิตใจงดงาม ผ่องใส โอบอ้อมอารี

 

  

การมีสมาธิทำให้คนมีสติ เมื่อมีสติแล้วจะเกิดปัญญา รู้สิ่งใดดี-ไม่ดี ควร-ไม่ควร เขาจะเป็นคนดีในที่สุด

  

ภาพที่น่าประทับใจและบรรยากาศการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

 

   

  

 

       

 ** สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ดีมากเลย รู้สึกสงบ สุขใจ อิ่มเอิบ สบายใจ
ได้ปล่อยวาง... อะไรจะเกิดก็เกิด... **

 

 

          เสียอย่างเดียว... ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดหรือโครงการของวัดหรอกนะ  มันเป็นเรื่องส่วนตัว  คือตัวเองเป็นคนแพ้ง่าย... โดนอะไรนิดหน่อย จะเป็นผื่นแพ้ บวมแดง ซึ่งต้องทรมานมากต้องทานยาแก้แพ้ตลอดเวลา  บังเอิญว่าไม่ได้พกยาแก้แพ้ไปด้วยสิ !!  เพราะอาบน้ำที่วัด  เกิดอาการแพ้น้ำ ผื่นแสบคันเต็มตัว แต่ก็อดทนนะเพราะจำเป็น !! แล้วเป็นคนขี้ร้อน เลยอาบน้ำวันบ่อยวันละ 3-4 รอบ  คุณป้าที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน ท่านแนะนำให้ใช้น้ำแข็งถูบริเวณที่เป็นผื่น ก็รู้สึกดีขึ้น ส่วนใบหน้าใช้ดื่มบรรจุขวดมาล้างหน้า  เพื่อไม่ให้แพ้มากไปกว่านี้  เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บางกว่าบริเวณต้นคอ ไหล่ และหลัง  เดี๋ยวจะทำให้บวชและปฏิบัติธรรมได้ไม่ครบตามที่ตั้งใจไว้  กลับจากวัดมา 2 สัปดาห์ยังไม่หาย ต้องให้มันลอกเอง...ไม่รู้เหมือนกันว่าที่คือ บททดสอบของพระหรือเปล่า...ว่าจะสามารถสร้างสมกุศลบุญบารมีได้ไหม?  อย่างไรก็ตามเราก็สามารถผ่านพ้นมาได้และไม่รู้ว่าเป็นอุปสรรคขณะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 

 

       ถ้าถามว่า เป็นอย่างนี้แล้วจะไปปฏิบัติธรรมอีกหรือเปล่า?  ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ไปซิ”  อยากไปบ่อยๆ เสียด้วย....หลังจากกลับจากวัดมาอยู่บ้านก็ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิวิปัสสนาอย่างน้อย 20-30 นาที  รักษาศีล ทำจิตใจให้สงบ ปล่อยวาง คิดแต่สิ่งดีๆ เรื่องดีๆ  อย่างที่ท่านอาจารย์กิตติมาบอกว่า “คิดเชิงบวก”  ใครทำอะไรไม่ดีกับเรา หรือสร้างความไม่พอใจ ฯลฯ ก็ไม่โกธร...ให้อภัย แล้วแผ่เมตตาให้เขามีความสุข  อย่างที่พระพะยอมท่านว่า “โกธรคือโง่  โมโหคือบ้า” ...ใจเราร่มเย็นเป็นพอ... 

 

        อยากบอกเพื่อนๆ นะคะ!  ลองหาเวลา จัดสรรเวลาให้ตัวเอง ถ้ารักตัวเอง รักครอบครัว อยากให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ต้องรักษาศีล รักทุกคน มีใจเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คิดดี ทำดีแล้วจะรู้ว่า “ความสุขอยู่แค่เอื้อม”  อยากให้พ่อแม่ ผู้ปกครองพาลูกหลานเข้าวัดรักษาศีลปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิให้เกิดสติ  “สติมา...ปัญญาเกิด”  แต่..ถ้าไม่ได้ไปที่วัด  ก็ปฏิบัติที่บ้านก็ได้ ที่ไหนก็ได้  ทำอย่างไรนะหรือ?..  บทบาทหน้าที่ของตนเองในครอบครัวคืออะไรล่ะ!..  มีหน้าที่อะไร?  จงทำหน้าที่ตามบทบาทของตนให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ครบถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

  

         เท่านี้เองหรือ?  ใช่ค่ะ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตนดีแล้วก็จะเกิดแต่สิ่งดีๆ ในบ้าน  มีแต่ความเย็น เป็นบ้านแสนสุข ทุกคนอยากอยู่บ้าน ไม่อยากออกนอกบ้าน  สุขใดไหนเท่าสุขเมื่ออยู่ที่บ้านของเรา...จริงไหม?  แต่..ถ้าทุกคนไม่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่ทำให้ถูกต้อง บ้านมันจะเหมือนไฟ (นรก)  คนที่อยู่มันจะร้อนรุ่ม ไม่อยากอยู่ในที่ที่มีแต่เสียงบ่น ด่าทอ ทะเลาะวิวาท  บ้านก็จะเป็นเหมือนนรก  ดังนั้น จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในบ้านมีแต่คำพูดดีๆ ไพเราะเสนาะหู มีแต่รอยยิ้มเสียงหัวเราะ  อย่างนี้ คุณว่าสุขไหม่ล่ะ?...

 

 

 รักษาศีล 5 บ้านก็สุขล้นเหลือแล้ว  นี่แหละอานิสงส์ของการมีศีล  เกิดความสุข ผ่องแผ้ว มีสติทุกๆ วินาที ทุกการกระทำ โลกจะเกิดสันติ จริงๆ นะ...

 

 

  อ้อ! อย่าลืมปฏิบัติในที่ทำงานด้วย  ปฏิบัติกับเพื่อนร่วมงาน ผู้บริหาร ลูกศิษย์  ด้วยความดี คิดดีมีเมตตา ทำแต่สิ่งดีๆ  อานิสงส์สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความสุขสงบ ความเจริญขององค์กรหรือโรงเรียน นักเรียนจะถูกหล่อหลอมให้มีคุณธรรมจริยธรรม เกิดแรงบันดาลใจที่ดี มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีภายในโรงเรียน

 

 

  *** สิ่งที่ฝากไว้ก่อนจบบทความนี้ ***  ด้วยความเป็นครู  จึงขอฝากครูทั้งหลายว่า “ครูเป็นผู้ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กได้ดีที่สุด ให้ศิษย์เจริญเติบโตเป็นคนดีและประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการให้ความรักความเมตตานักเรียนค่ะ.... 

 

 

       ครูใจดี : บันทึก

แรงบันดาลใจจากได้ปฏิบัติธรรม
หมายเลขบันทึก: 262090เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2009 15:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)

ผู้ที่มีปฏิบัติธรรมมีทุกเพศ ทุกวัย

นั่งสมาธิ และช่วยให้มีความจำดีด้วยค่ะ

คุณยายเคยสอนให้นั่งสมาธิ ไม่หนูคอยจะหลับอยู่เรื่อยเลย

ขอเจริญพรคุณโยมครูใจดี

อาตมาอ่านบทความของคุณครูใจดีแล้วก็ดีใจสุขใจตามไปด้วย ขออนุโมนาบุญกับคุณครูใจดีและทุกท่านที่ได้ไปปฏิบัติธรรมด้วย อาตมาภาพปรารถนาอยากจะเห็นอยากจะได้ยินพ่อแม่ผู้ปกครองครูบาอาจารย์พูดแบบนี้มานานมามากแล้วทำไมจึงพูดเช่นนี้ที่พูดเช่นก็เพราะว่าอาตมาเชิญชวนก็แล้วบอกโดยตรงก็แล้วหาอุบายอย่างอื่นก็แล้วเราก็จะได้ข้ออ้างเหตุผลเก่า ๆ เดิม ๆ คือ ไม่มีเวลาภารกิจมากมายหาเวลาว่างไม่ได้ หรือว่าพระเชิญชวนโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรมอาจจะไม่มีพลังพอที่จะโน้มน้าวใจให้คล้อยตามก็ได้ ฉะนั้นก็ขอสนับสนุนคุณครูใจดีตรงนี้เลยว่าให้บอกบุญ(ไม่ใช่เรี่ยไร)ต่อไป เพราะอะไรก็เพราะว่าบุญคือความสุขสงบใจนี้คือหลักพระพุทธศาสนาอย่างง่ายที่สุด

พ่อแม่ครูบาอาจารย์อยู่ใกล้ชิดลูกหลานมากที่สุดในโลก ถ้าเราคิดว่าลูกหลานจะดีไม่ดีอยู่ในมือเรา แล้วเรา(พ่อแม่ครูบาอาจาย์)จะปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในมือเราเป็นไปอย่างไร โลกนี้อยู่ในมือเรา สังคมนี้อยู่ในมือเรา เราเป็นคนกำหนดทิศทางให้เป็นไปต่าง ๆ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ พุทธศาสนาสอนให้รับผิดชอบตนเองและครอบครัวหมายความว่าให้ทุกคนมาศึกษาเรียนรู้ในสิ่งที่ใกล้ตัวหรือจะบอกว่ามาศึกษาสิ่งที่อยู่ในตัวเรานี่แหละ พูดภาษาธรรมนิด ๆ ว่า ลองเปลี่ยนจากการสอนการอบรมที่ใช้กันมายาวนาน เป็นการศึกษาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันกับเด็กที่เป็นลูกหลานของเราโดยไม่ต้องเน้นคำสั่งการใช้อำนาจให้มากนัก เฉพาะอย่างยิ่งการเป็นต้นแบบในทางความดีทั้งหลายเราต้องทุ่มเทลงทุนทำให้เขาเห็นก่อนต่อไปเขาก็ทำตามเราได้เอง

ถ้าเราศึกษาตัวเองจนเข้าใจดีแล้วเราจะเข้าใจผู้อื่น พูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อเข้าใจตัวเองแล้วก็ย่อมจะเข้าใจคนอื่นด้วย คนเราถ้าเข้าใจกันก็มีความสุข แต่ถ้าไม่เข้าใจกันอยู่กันแค่สองคนก็เกิดความทุกข์ได้มากมาย

ก็ขอให้กำลังใจแม่พิมพ์พ่อพิมพ์ทั้งหลายได้ทำหน้าที่อันเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่นี้ให้เกิดความงดงามสู่มวลชลต่อไปอย่างมีความสุข.

ขอเจริญพร

Phramaha lae

อยากไปบ้างจัง...เผื่อว่าจะเป็นคนดีกะเข้ามั่ง

อยากไปนั่งจังเลยจะได้มีความจำดีๆอย่างเขามั่ง

การนั่งสมาธิจะทำให้เราระลึกชาติได้ไหมคับ?

การนั่งสมาธิจะทำให้เรามีสติในการเรียน ในการหนังสือดีอีกด้วยค่ะ

อาจารย์จงกลบอกค่ะ

ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆๆๆๆๆเลยนะค่ะและถ้ามีโอกาสอย่าลืมชวนบ้างนะค่ะ

หนูรู้สึกว่าการที่เราได้ไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้น้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากที่สุดเพราะเราก็จะได้ทั้งบูญและทำให้จิตใจร่าเริงแจ่มใสและหนูรู้สึกว่าอยากที่จะไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้ด้วยและถ้ามีโอกาสอีกหนูอยากให้อาจารย์มาชวนหนูไปด้วยอีกคนนะค่ะ คูณครูใจดี

* ผู้อิ่มย่อมรู้จักให้ ผู้ที่รู้จักจิตใจย่อมเข้าใจในความทุกข์ของผู้อื่น
* ให้ธรรมะเป็นทาน ไม่ควรคิดประมาณในผลบุญนั้นมีเท่าไหร่
* ด้วยใจที่สงบย่อมจะพบกับทางสว่าง หนทางคงยังยาวไกล หากไม่ใส่ใจในการปฏิบัติ
จงรักษากาย รักษาใจให้งดงาม สะอาด บริสุทธิ์ รักทุกข์สรรรพสิ่งบนโลก ด้วยความเมตตานะคะ...

กราบนมัสการ Phramaha lae

อ่าน...ความคิดเห็นของพระคุณเจ้าแล้ว รู้สึกมีกำลังใจที่จะมุ่งมั่นในการประพฤติปฏิบัติความดี เป็นแบบอย่างที่ดีงามแก่เด็กและเยาวชน ให้เกิดความงดงามในสังคมต่อไปค่ะ

สาธุ

สมาธิทำให้ใจสงบ

  • ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมบันทึกนี้
  • ใกล้จะเข้าพรรษา....มาชวนกันไปทำบุญ สร้างกุศลค่ะ
  • อย่ายืมรักษากาย รักษาใจให้สะอาด บริสุทธิ์
  • คิดดีทำดีกันทุกวันนะคะ
  • รักทุกคนค่ะ

                  

สวัสดีค่ะคุณ ครูใจดี

อ่านจบอย่างอิ่มเอมใจ

ขออนุโมทนาด้วย สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของคุณครูใจดีนี้ บันทึกไว้อย่างละเอียดทุกขั้นตอนอย่างยิ่งค่ะ

ดีใจแทนน้องนนนท์ที่มีคุณแม่ใฝ่ธรรมะ และยังมีน้องลุกน้ำและน้องทรายที่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมตั้งแต่ยังอายุน้อย

และสิ่งหนึ่งที่ "ได้" อย่างชัดเจนก็คือ การได้เห็น "ไตรลักษณ์" นั่นคือทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสมอ....

ขอบคุณมากค่ะ

(^__^)

ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะครูพี่ใจดี

ตามพี่หญิงกลางมาค่ะ มีความสุขมากมายนะคะ

 

  • P สวัสดีค่ะ คุณ คนไม่มีราก ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาร่วมประทับใจในการไปปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ การที่ได้เกิดมาบนโลกนี้ถือเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ควรประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม เกิดประโยชน์กับสรรพสิ่ง ยึดธรรมะไว้เตือนใจตลอดเวลา  ความสุขความสงบก็อยู่ไม่ไกลเลย...
  • ขอบคุณสำหรับคำชื่นชม ตอนนี้ก็ปฏิบัติอยู่ที่บ้านค่ะ... จะได้ไปอีกครั้งคงเป็นช่วงปิดภาคเรียน... น้องทราย น้องลูกน้ำ และครูขวัญ ก็ปฏิบัติธรรมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกันค่ะ
  • ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

P สวัสดีค่ะน้อง poo ดีใจที่มีความสุข และขอขอบคุณที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งในบันทึกหน้านี้..... สบายดีไหมคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

อยากเห็นครูและนักเรียน ไปวัดทุกวันพระครับ รักษาประเพณ๊ ปลูกฝังคุณธรรมความดี สร้างเยาวชนคนดีให้แก่แผ่นดิน

ขอเสนอเพื่อพิจารณา ด้วยความนับถือครับ

P
สวัสดีค่ะอาจารย์เลิศฤทธิ์ ศรีหงส์
มีหลายโรงเรียนที่ทำโรงการวิถีพุทธในโรงเรียน มีการทำบุญตักบาตรทุกวันพะร  ปฏิบัติธรรมรักษาศีล  ตามแนวทาง ศีล  สมาธิ  ปัญญา
และไปร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม
ชื่นชมความคิดของอาจารย์มากๆ ค่ะ
ขอแสดงความนับถือจากใจจริงเช่นเดียวกันค่ะ
ด้วยความระลึกถึงค่ะ

    สวัสดีครับ

   เข้ามาศึกษาเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมครับ  ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับที่ครูใจดีมีโอกาสได้มาปฏิบัติ พร้อมกับนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

   ผมว่าถ้ามีโอกาสได้ปฏิบัติบ่อยๆก็ดีนะครับ  เหมือนกับได้มาปัดกวาดล้างสภาพจิตใจที่ขุ่นมัว  ให้สะอาด  สว่าง สงบ

                 ขอบคุณบันทึกดีๆครับ

ขอบคุณค่ะ...พี่ใหญ่กำลังหมั่นฝึกจิต "นอกวัด" ทุกขณะตามแนวพระพุทธองค์..ได้รับอานิสงค์ของความสงบและเยือกเย็น เกิดความผ่อนคลาย และวางเฉย กว่าแต่ก่อนมาก..สำคัญต้องพัฒนาสภาวะเช่นนี้ให้ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ...เวลาเราเหลือน้อยแล้วนะคะ...

ขออนุโมทนาสาธุกับการสั่งสมบุญและคุณความดีที่ครูใจดีได้ปฏิบัติไป

ผลบุญนั้นจะย้อนกลับมาทำให้ครูใจดีมีแต่ความสุขกายสุขใจ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อให้คนรอบข้างพลอยชื่นชมและมีความสุขไปด้วย

เห็นไหมค่ะว่าเราทำคนเดียวแต่เผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างอีกมากมาย  จึงอยากสนับสนุนให้ทุกคนหาเวลาและโอกาสไปปฏิบัติธรรมบ้าง....แล้วจะเห็นจริง

ถ้าไม่มีเวลาและโอกาสจริงๆก็ปฏิบัติด้วยตนเองที่บ้านก่อนก็ได้เป็นการสร้างพื้นฐานความพร้อมทางด้านจิตใจของเรา   เมื่อเราได้ไปปฏิบัติจริงๆก็จะเป็นสิ่งที่ง่ายสำหรับเรา

ขออนุโมทนาอีกครั้งนะคะ....

P
สวัสดีค่ะท่านรองsmall man
การปฏิบัติธรรมดีมากๆ ค่ะ  อยากให้คนหันมาปฏิบัติธรรมกันมากๆ  ลดความยึดมั่นถือมั่น และความร้อนลุ่มกันเสียบ้าง คงจะดี  บ้านเมือง จะได้สงบสุข...

และยังสามารถนำธรรมะมาประพฤติปฏิบัติ และเชื่อมโยงถึงเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ที่มีความประพฤติที่ดีงามด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
P
ขออนุโมทนาด้วยค่ะพี่ใหญ่  ขอให้มีแต่ความสุขค่ะ
P

พอเรามีความสุขกาย กายสุขใจ  คนรอบข้างพลอยชื่นชมและมีความสุขไปด้วย จริงค่ะ

อยากสนับสนุนให้ทุกคนหาเวลาและโอกาสไปปฏิบัติธรรมบ้าง....

 ถ้าไม่มีเวลาและโอกาสจริงๆ ก็ปฏิบัติด้วยตนเองที่บ้านก่อนก็ได้ เป็นการสร้างพื้นฐานความพร้อมทางด้านจิตใจของเรา   ครอบครัวก็จะร่มเย็นค่ะ

ขอบคุณมากค่ะคุณครู krugui Chutima

 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ ที่ช่วยนำเรื่องดีๆ มาแจ้งกับทุกๆ คนที่เข้าชม

ครูขวัญขอแจ้งเรื่องการทอดกฐินสามัคคี และเททองหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อพระอาจารย์อ่อนใส สํวโร

ที่วัดเขาอินทร์ต่อเลยน๊ะค๊ะ

วันที่ 30 ตุลาคม 2554 ตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นต้นไปจนถึงเที่ยงค่ะ

ฝากถึงเจ้าของกระทู้ ข้าพเจ้าอยากได้ ไฟล์เทศนาของ หลวงพ่อพระอาจารย์อ่อนใส สํวโร ไม่ทราบว่า ท่านผู้เขียนมีหรือเปล่า และถ้ามี ข้าพเจ้าขอบ้างจะๆด้มั้ยค่ะ ^__^

กลับมาอ่านบทความนี้ อีกครั้งชอบมากครับ ตราบใดที่ยังเป็นวัดเขาอินทร์ ก็จะสอนปฏิบัติธรรมอย่างนี้ตลอดไปครับ  ตอนนี้ทางวัดได้สร้างโรงครัวใหม่แล้วครับ เพื่อความสะดวกกับนักปฏิบัติและแม่ครัว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท