ผมได้มีโอกาสร่วมเป็นคณะทำงานเขียนหนังสือ บันทึกผู้นำ…สานสู่ฝัน
ที่มุ่งให้เป็นเอกสารเพื่อนร่วมทางสำหรับผู้บริหารโรงเรียนในฝัน
ได้เกิดความอบอุ่น มีความมั่นใจในความรู้ ความคิดของตนเอง
ตลอดเส้นทางการบริหารสู่เป้าหมายของโรงเรียนในฝัน
คณะทำงานพยายามเฟ้นเอาเฉพาะแก่นของการบริหารยุคใหม่มานำเสนอ ซึ่งทุกคนต่างฟันธงว่า คนที่จะเป็นผู้บริหารในยุคใหม่โดยเฉพาะผู้บริหารโรงเรียนในฝัน “ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง”ผมจึงขออนุญาตนำแนวคิดจากหนังสือนี้มาสรุปเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการ โดยสังเขป
ผู้นำ ( Leader) คือบุคคลที่ได้รับมอบหมายซึ่งอาจโดยการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งและเป็นที่ยอมรับของสมาชิกให้มีอิทธิพลและบทบาทเหนือกลุ่ม สามารถจูงใจชักนำหรือชี้นำให้สมาชิกของกลุ่มรวมพลังเพื่อปฏิบัติภารกิจต่างๆของกลุ่มให้สำเร็จ
ผู้นำกับผู้บริหารจึงมีความแตกต่างกันผู้บริหารอาจเป็นคนเดียวกับผู้นำก็ได้แต่ผู้บริหารไม่ได้เป็นผู้นำกันทุกคนและผู้บริหารสามารถพัฒนาเป็นผู้นำได้
ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำ (Leadership )จึงเป็นผู้ที่สามารถใช้อิทธิพลของบุคคลหรือตำแหน่งให้ผู้อื่นยินยอมปฏิบัติตามเพื่อที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของกลุ่มตามที่ได้กำหนดไว้
ผู้นำจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารที่สามารถจัดการด้านเทคนิคสามารถริเริ่มและชี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
คณะทำงานได้นำเสนอคุณลักษณะของผู้บริหารซึ่งไม่ได้ใช้อำนาจที่ติดมากับตำแหน่งแต่ใช้อำนาจของผู้ครองตำแหน่งสร้างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้มีคุณภาพสูงขึ้นโดยจำแนกคุณลักษณะของผู้บริหารที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไว้ 4คุณลักษณะใหญ่และ 18 คุณลักษณะย่อย ดังนี้
1.รอบรู้กว้างไกล
1.1 บริหารการเปลี่ยนแปลง โดยการนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสอาศัยการวางแผนเป็นการเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและปรับสภาพการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับบริบทของหน่วยงานและเป็นเชื้อเพลิงในการผลักดันให้หน่วยงานมุ่งสู่สภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
1.2 วางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning )โดยวางยุทธ์ศาสตร์ในการปฏิบัติงานอันชาญฉลาด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดของผลงาน
1.3 มองทุกอย่างรอบด้าน ( BalancedScorecard ) ด้วยการนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ โดย
อาศัยการวัดผลงานอย่างสมดุลรอบด้านซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานเกิดความสอดคล้องเป็นเอกภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน
1.4 เทียบงานเทียบคน ( Benchmarking )โดยการเทียบเคียงหรือเปรียบเทียบการดำเนินงานของหน่วยงานตนเองกับหน่วยงานอื่นที่พัฒนาก้าวหน้าแล้วเพื่อนำสิ่งที่ดีมาปรับใช้และพัฒนาหน่วยงานตนเองให้ดียิ่งขึ้น
1.5 มีจิตใจมุ่งบริการโดยใช้ระบบการให้บริการที่ดีและมีมโนทัศน์การบริหารที่เป็นเลิศ(Service Concept ) เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้รับบริการ
2.
เปิดใจกว้าง
2.1กล้าตัดสินใจ โดยพิจารณาทางเลือกที่เห็นว่าดีที่สุดเหมาะที่สุด จากทางเลือกหลายๆทางเพื่อนำมาดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลเสียหายน้อยที่สุด
2.2คิดใช้กลยุทธ์ในสภาวการณ์ที่โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหากต้องการประสบความสำเร็จจำเป็นต้องรู้กลเม็ดการคิดเชิงกลยุทธ์ โดยผู้บริหารต้องมีความสามารถในการกำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุดภายใต้สภาวะต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
2.3 นำคน นำงาน
ผู้นำยุคการเปลี่ยนแปลงจะยึดหลักการ มีวิสัยทัศน์ เป็นนักปฏิบัติ
และสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการทำงาน ผู้นำยุคใหม่
จะปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง
สร้างและผลักดัน วิสัยทัศน์ให้บรรลุผล
มอบหมายงาน กำกับทิศทางของงานให้ผู้อื่นทำงานที่ถูกต้อง
มีการโน้มน้าวชักจูง เป็นที่พึ่งให้คำปรึกษาแนะนำ
และนำองค์กรสู่ความท้าทายใหม่ๆเช่น สังคมพื้นฐานความรู้
องค์กรแห่งการเรียนรู้ การบริหารแบบองค์รวม เป็นต้น
2.4 CEO ( Chief Euecutive Officer) โดยมีความเป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการ มีภาวะผู้นำเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง มีการทำงานแบบเชิงรุก มีการคิดนอกกรอบรู้ปัญหาและสามารถระดมสรรพกำลังมาร่วมทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
2.5 ICT ( Information and CommunicationTechnology) การบริหารในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงมาก การบริหารการจัดการและการตัดสินใจที่ดีจึงต้องมีระบบข้อมูลที่ดีจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร
3. สร้างความร่วมมือ
3.1ปรับตัวและยืดหยุ่น (Adaptation and Flexibility)ผู้บริหารซึ่งต้องดูแลและควบคุมการบริหารเพื่อแก้ปัญหา ป้องกันปัญหาพัฒนาองค์กรให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคม เหตุการณ์สถานการณ์และบุคคลจึงต้องมีความสามารถในการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นในการบริหาร
3.2 มุ่งการสื่อสารการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้ศาสตร์ศิลป์และการฝึกฝนจนเกิดทักษะในการเตรียมตัวสื่อสารต้องถามตัวเองก่อนว่า จะส่งสารให้ใครอยากให้เขาเข้าใจว่าอย่างไร มีอะไรที่จะจงใจให้เกิดการตอบสนองจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสารที่ส่งและรับจะตรงกัน แล้วเตรียมสารและส่งสารอย่างมีประสิทธิภาพ
3.3 ประสานสัมพันธ์การบริหารจะประสบผลสำเร็จได้ต้องอาศัยและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันดำเนินการให้บรรลุผลตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้การประสานสัมพันธ์ที่ดีต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นไปในทางที่ดีสร้างสรรค์และเกิดความสบายใจ พอใจกันทุกฝ่าย
3.4 ร่วมมือกันทุกฝ่าย ในการบริหารแบบมีส่วนร่วมนั้นต้องตระหนักเสมอว่า “มากคนมากวัตถุประสงค์ มากวิธีการ มากข้อมูล มากผลที่ต้องการ” ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนจากหลายฝ่าย หลายคนหลายภูมิหลัง หลายค่านิยม หลายจุดมุ่งหมายของชีวิต หลายวิธีคิด มาผูกสัมพันธ์กับผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องจนเป็นพลังสู่ความสำเร็จ
4.
ยึดถือผลสำเร็จ
4.1รับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (Accountability) การสร้างและนำความสำเร็จให้กับองค์กรหรือหน่วยงานในความรับผิดชอบให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามนโยบาย แผนงาน และโครงการหรือกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต้องยึดหลักสำคัญของการมีจิตสำนึกในหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
4.2 มุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ (Result -Based Management : RBM)ไม่ใช่เพียงให้เกิดผลผลิต (Out puts) เท่านั้น แต่เป็นการทำงานที่มุ่งให้เกิดทั้งผลผลิตและผลลัพธ์ (Out comes)ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดด้วย
4.3 Coaching ผู้บริหาร คือ โค้ชภาระที่สำคัญคือการส่งทอดความรู้ประสบการณ์ภูมิปัญญาให้แก่ผู้นำรุ่นต่อไปขณะเดียวกันก็ต้องขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของบุคลากรให้บรรลุผลสำเร็จโดยการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
4.4 จัดการทรัพยากร(Managing Resources)ทรัพยากรเป็นปัจจัยนำเข้าสู่กระบวนการบริหารและเปลี่ยนแปลงมาสู่ผลผลิตเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรทรัพยากรทุกประเภทมีลักษณะพื้นฐานที่สำคัญร่วมกันผู้บริหารจึงต้องจัดการใช้ทรัพยากรให้ถูกประเภทโดยใช้อย่างประหยัดคุ้มค่า และ เกิดประโยชน์สูงสุด
ถ้าจะถามว่า “ทำไมผู้บริหารจึงต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วย” ก็จะได้รับคำตอบว่าเพราะผู้บริหารคือ ผู้นำสูงสุดขององค์กรซึ่งมีอำนาจในการที่จะตัดสินใจนำพาองค์การไปสู่เป้าหมายดังที่พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เคยกล่าวไว้ว่า
“ … วิธีคิดต้องเปลี่ยน
วิธีทำงานต้องเปลี่ยน
เพราะโลกมันเปลี่ยน และเปลี่ยนเร็วด้วย... ”
***************************
ไม่มีความเห็น