นักเรียนในห้องเรียนที่ ๕ ซึ่งยอมตนเป็นกรณีศึกษาคนนี้มี ๒ ชื่อ เขาอ้างว่า (๑) เขามีชื่อว่า “นายหลิ่ง นายเก๋ง” ดังปรากฏตาม ท.ร.๓๘/๑[1] และ (๒) เขามีชื่อว่า “นายวิหลิ่ง นายออ” ดังปรากฏตาม สูติบัตร (ท.ร.๓) ของ ด.ญ.กาญจนา ซึ่งเป็นบุตรสาว
เขาให้ปากคำว่า เขาเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗[2] ในส่วนที่เกี่ยวกับสถานที่เกิดของหลิ่งหรือวิหลิ่งนั้น เขาให้ปากคำว่า บ้านเมืองยอน ประเทศพม่าเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ แต่เอกสารราชการฉบับหนึ่ง[3]กลับระบุว่า วิหลิ่งเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
ปรากฏตาม ท.ร.๓๘/๑ ที่ออกแก่หลิ่งว่า หลิ่งมีบิดาชื่อ “นายออ นายเก๋ง” แต่ใน ท.ร.๓๘/๑ ที่ออกให้แก่ออ กลับระบุว่า ออมีชื่อว่า “นายออ ลุงคำ”
หลิ่งเล่าว่า นายออ นายเก๋ง หรือนายออ ลุงคำ ซึ่งเป็นบิดาของนายหลิ่ง เป็นคนชาติพันธุ์ไทยใหญ่ ออเกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคมพ.ศ.๒๔๙๖ ณ เมืองยอน ประเทศพม่า บิดาเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับหลิ่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ และได้รับการบันทึกชื่อใน ท.ร.๓๘/๑ พร้อมกับหลิ่ง โดยออได้รับเลขประจำตัว ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๒๕๔๘-๓
เราทราบว่า หลิ่งมีมารดาชื่อ “นางมาด นายเก๋ง” เอกสารที่รัฐไทยออกให้แก่นายหลิ่งมิได้ระบุสัญชาติของนางมาด เราทราบจากหลิ่งว่า มาดเสียชีวิตแล้วในประเทศพม่า
หลิ่งหรือวิหลิ่งให้ปากคำว่า เขาย้ายมาจากเมืองยอนเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ โดยเข้ามาอยู่ที่บ้านท่าตอนก่อน แล้วย้ายไปอยู่บ้านห้วยมะเฟืองหนึ่งปี แล้วย้ายกลับมาอยู่ท่าตอน ปัจจุบัน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๒๐/๒ บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
แต่การบันทึกชื่อของหลิ่งและออใน ท.ร.๓๘/๑ เกิดขึ้นใน พ.ศ.๒๕๔๗ และการบันทึกโดยรัฐไทยนี้เองที่ทำให้หลิ่งได้รับการออกบัตรประจำตัวตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎรที่ชื่อว่า “บัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย”[4] ซึ่งบัตรนี้จึงเป็นการรับรองครั้งแรกของรัฐต่อตัวตนของหลิ่ง หลิ่งเคยมีใบอนุญาตทำงาน แต่หมดอายุแล้ว หลิ่งไม่ได้ทำการต่อใบอนุญาตทำงาน เนื่องจากไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อใบอนุญาตทำงาน
เขาบอกเราว่า เขามีชาติพันธุ์ไทยใหญ่ และเอกสารราชการของรัฐไทยอีกฉบับหนึ่งก็ระบุว่า เขามีสัญชาติไทยใหญ่[5]
หลิ่งหรือวิหลิ่งบอกว่า เขาไม่เคยได้รับบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยรัฐบาลพม่า แต่ ท.ร.๓๘/๑ ข้างต้นที่ออกโดยรัฐไทยก็ระบุว่า เขามีสัญชาติพม่า
หลิ่งเคยอยู่กินฉันสามีภริยากับนางสาวเหมย นายเก๋ง ผู้หญิงชาวไทยใหญ่ซึ่งมาจากเมืองยอนด้วยกัน หลิ่งเล่าให้เราทราบว่า เหมยเกิด ณ เมืองยอน เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ เหมยเข้ามาในประเทศไทยพร้อมหลิ่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ และเหมยได้รับการบันทึกชื่อใน ท.ร.๓๘/๑ ใน พ.ศ.๒๕๔๗ พร้อมกับหลิ่ง โดยเหมยได้รับเลขประจำตัว ๑๓ หลักตามกฎหมายการทะเบียนราษฎรเช่นกัน[6] หลิ่งและเหมยมีบุตรด้วยกันจำนวน ๒ คน ซึ่งทั้งสองคนเกิดในประเทศไทย กล่าวคือ (๑) ด.ญ.กาญจนา นายออ และ (๒) ด.ช.กฤตนัย นายออ
กาญจนาเกิด ณ โรงพยาบาลแม่อายวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ดังปรากฏตามสูติบัตร (ท.ร.๓) และมีเลขประชาชน ๗-๕๐๘๖-๐๐๐๓๕-๒๖-๕ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ออกตามหนังสือรับรองการเกิดที่ ๓๖๑/๔๖ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลตำบลแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แต่ที่น่าสังเกต สูติบัตรนี้ระบุชื่อบิดาว่าเป็น “นายวิหลิ่ง นายออ สัญชาติไทยใหญ่ เกิดที่ จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย” และระบุชื่อมารดาว่าเป็น “นางสาวเหมย นายคำ สัญชาติไทยใหญ่ เกิดที่ประเทศพม่า” เราพบว่า มีการร้องขอเพิ่มชื่อกาญจนาเข้าทะเบียนบ้านกลางคนอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) [7] โดยมีนางสาวเหมย นายคำ มารดาเป็นผู้แจ้งการเกิด
ส่วนกฤตนัยนั้นเกิด ณ โรงพยาบาลแม่อายเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ ดังปรากฏตามหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑ ตอนที่ ๑) ซึ่งออกโดยโรงพยาบาลแม่อาย เลขที่ ๑๒๘/๔๘ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ โดยระบุชื่อบิดาว่า “นายหริ่ง นายออ” และระบุชื่อมารดาว่า “นางเหมย นายออ”
ในวันนี้ เหมยได้ทิ้งหลิ่งและบุตรทั้งสองคนกลับไปยังเมืองยอน ประเทศพม่า
หลิ่งได้บอกเราตั้งแต่วันแรกในห้องเรียนว่า “กลัวว่าจะอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ ตอนนี้ เป็นห่วงลูกทั้งสองคน แม่มันก็ทิ้งไปแล้ว เวลาไปทำงานก็ต้องปล่อยให้ลูกอยู่กับเพื่อนบ้านช่วยดูแลให้แทน ตอนนี้ก็เช่าบ้านอยู่เดือนละ ๒๐๐ เป็นกระท่อมเล็กๆ ที่เข้ามาเรียน ก็เพราะอยากรู้ว่า จะมีทางช่วยลูกให้มีสัญชาติไทยไหม เพราะลูกเกิดในประเทศไทย และก็กลัวว่าจะอยู่ทำงานในประเทศไทยเลี้ยงลูกไม่ได้ ก็จะพยายามที่จะหาทางอยู่ว่า จะมีเงินจ่ายค่าใบอนุญาตทำงานหรือเปล่า ตอนนี้ ก็รู้ว่าตนเองเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย”
[1] อันได้แก่ แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ท.ร.๓๘/๑) ซึ่งออกให้แก่นายหลิ่ง นายเก๋ง และกำหนดให้มีเลขประจำตัวคนต่างด้าว ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๖๔๒-๗ ปรับปรุง ๙ มี.ค.๒๕๔๘ รับรองรายการ ๒๗ มิ.ย.๒๕๔๘ ออกโดย สำนักงานทะเบียนราษฎร อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
[2] สรุปการสอบปากคำเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒ โดย นางบุญ พงษ์มา ทนายความตีนเปล่าแห่งคลินิกแม่อาย
[3] สูติบัตร (ท.ร.๓) ของ ด.ญ.กาญจนา นายออ ซึ่งเป็นบุตรสาว
[4] วันออกบัตร ๑๔ ก.ย.๒๕๔๗ บัตรหมดอายุ ๓๐ มิ.ย.๒๕๔๙
[5] สูติบัตร (ท.ร.๓) ของ ด.ญ.กาญจนา นายออ ซึ่งเป็นบุตรสาว
[6] เลขประจำตัวคนต่างด้าว ๐๐-๕๐๑๐-๑๐๖๔๓๐-๖ รับรองรายการจากฐานข้อมูล ลว.๑๓ ต.ค.๒๕๔๘
[7] เราคงต้องไปตรวจสอบว่า กาญจนายังคงมีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่หรือไม่ ? แต่ก็เป็นไปได้ที่จะถูกจำหน่ายแล้วก็ได้
ไม่มีความเห็น