เปลี่ยนกระบวนทัศน์ของอุดมศึกษา (๖)
การทำให้อุดมศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทุกประเภทในสังคม
ความเคลื่อนไหวที่น่าชื่นชมของระบบอุดมศึกษา คือนโยบายแบ่งกลุ่มสถาบันออกเป็น ๔ กลุ่ม เพื่อให้มีจุดเน้นต่างกัน สร้างขีดความสมารถหรือความเป็นเลิศที่แตกต่างกัน และกระแสธรรมชาติที่สถาบันอุดมศึกษาที่เน้นเด่นเพียงบางด้าน บรรลุคุณภาพได้ง่ายกว่า กำลังผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาแต่ละสถาบันจะต้องเลือกกลุ่มที่ตนถนัดหรือมีข้อได้เปรียบ
ตัวขัดขวางเป้าหมาย ที่สถาบันอุดมศึกษา จะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในสังคม ได้แก่ (๑) วัฒนธรรมลอยตัวเหนือสังคม (๒) ไม่กำหนดเข็มมุ่งว่าจะเน้นกิจกรรมประเภทใดของสังคม (๓) วิธีกำหนดภาระงานของอาจารย์ (๔) ความคับแคบของการกำหนดเกณฑ์ผลงานวิชาการ
วัฒนธรรมลอยตัวเหนือสังคม
เราเคยชินอยู่กับวัฒนธรรมนี้ จนไม่รู้ตัว จนระบบการทำงานของสถาบันอุดมศึกษา และของระบบอุดมศึกษา เป็นการทำงานแบบแยกตัวออกจากสังคม จะมีเชื่อมโยงบ้างก็อย่างเป็นรายกิจกรรม รายโครงการ เป็นครั้งคราว ไม่ได้ร่วมงานเป็นเนื้อเดียวกัน ร่วมหัวจมท้ายกัน
คนในวงการอุดมศึกษาภูมิใจอยู่กับสถานะเหนือสังคม ไม่ได้ภูมิใจอยู่กับสถานะเป็นเนื้อเดียวกันกับสังคม
นี่คือสิ่งทีเราจะต้องช่วยกันแก้ไข และต้องทำอย่างเป็นระบบ มีวิธีการที่เป็นรูปธรรม
แต่ละสถาบันอุดมศึกษามีเข็มมุ่งว่าจะคลุกวงในของสังคมโดยเน้นกิจกรรมประเภทใด
นี่คือสภาพที่พึงประสงค์ และเป็นข้อท้าทาย กกอ./สกอ. ว่าจะดำเนินการอย่างไร จึงจะชักจูงให้สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งเดินไปในแนวทางนี้
ภาระงานของอาจารย์แนวใหม่
ต้องนับภาระงานคลุกวงในของสังคมตามเป้าหมายและแผนงานของสถาบัน เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน มีการมอบหมายงานประเภทนี้อย่างเป็นทางการ หรือมีการทำความตกลงเป็นรายตัวของอาจารย์ มีการประเมินคุณภาพของผลงาน มีการให้คุณค่าของผลงานที่มีคุณภาพสูง ทั้งในด้านรางวัล การยกย่อง และค่าตอบแทน
การกำหนดเกณฑ์ผลงานวิชาการแนวใหม่
นอกจากเกณฑ์ผลงานวิชาการที่ใช้อยู่แล้ว ต้องสร้างเกณฑ์ใหม่ขึ้นมาเป็นเกณฑ์คู่ขนาน เรียกว่าผลงานวิชาการรับใช้สังคม ที่จะต้องสร้างวิธีประเมินคุณภาพทางวิชาการ สร้างวารสารวิชาการแนวรับใช้สังคม พัฒนาระบบ peer review แนวใหม่ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง
ความยากและท้าทายอยู่ที่กิจกรรมวิชาการจะมีหลากหลายรูปแบบ และส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมสหสาขาวิชา เป็นการทำ R&D แบบ Translational Research เท่ากับเราจะต้องสร้างระบบวิชาการแนว Knowledge Translation หรือ Knowledge Application ขึ้นในสังคมไทย อันจะเป็นเรื่องมีคุณค่า และมีความท้าทายอย่างยิ่ง
วิจารณ์ พานิช
๑๐ พ.ค. ๕๒
ไม่มีความเห็น